สหรัฐฯ กำลังรอวันที่ 20 ให้มาถึงเร็วๆ เพื่อให้ครบกระบวนการเปลี่ยนผ่านอำนาจผู้นำประเทศจากโดนัลด์ ทรัมป์ไปสู่ โจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นความหวังว่าจะมีมาตรการใหม่ในการรับวิกฤตการระบาดของโคโรนาไวรัสที่อยู่ในขั้นรุนแรง
นอกจากนั้น คนอเมริกันยังหวังว่าผู้นำใหม่จะมีมาตรการจำเป็นต่างๆ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจซึ่งทำให้คนอเมริกันหลายสิบล้านคนอยู่ในสภาวะลำบากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นอกจากว่างงานแล้ว คนจำนวนมากกำลังอยู่ในสภาพใกล้อดอยาก
ปัญหาที่ยังคาราคาซังอยู่ก็คือผู้นำทำเนียบขาวที่เหลือเวลาอีกไม่ถึง 20 วันยังพยายามดิ้นรนสุดขีดเพื่อรักษาเก้าอี้ไว้ให้ได้ เพราะรู้ดีว่าถ้ากลับไปสู่สภาพคนธรรมดาเมื่อไหร่ กรรมที่ทำไว้จะไล่ล่า คดีความต่างๆ จะตามเช็กบิลอาจติดคุกได้
เมื่อเลือดเข้าตา ทรัมป์ไม่คำนึงถึงวิธีการต่างๆ ที่ใช้ว่าถูกต้องดีงามตามจริยธรรมการเมืองหรือไม่ ซ้ำร้าย ยังมีพฤติกรรมเข้าข่ายละเมิดกฎหมาย ใช้อำนาจในทางที่ผิดต่อหน้าที่ ก้าวล่วงแทรกแซงการทำงานของข้าราชการระดับต่างๆ
ล่าสุด หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ได้เปิดเทปบันทึกการสนทนาระหว่างทรัมป์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมลรัฐจอร์เจีย นายแบรด ราฟเฟนสเปอร์เกอร์ ซึ่งเทียบกับบ้านเราก็น่าจะเป็นปลัดจังหวัด ซึ่งถูกกดดันหนักให้หาทางช่วยทรัมป์ให้ชนะ
ในการพูดโทรศัพท์นานกว่า 1 ชั่วโมงกับเจ้าหน้าที่รัฐจอร์เจีย 3-4 คน ทรัมป์มีทั้งออดอ้อน โอดโอย และกดดันให้เจ้าหน้าที่ “หาคะแนนเพิ่มอีกกว่า 1 หมื่น” เล็กน้อยเพื่อให้ทรัมป์ชนะไบเดนในรัฐจอร์เจีย ให้ได้ แต่ถูกปฏิเสธอย่างแข็งขัน
นายราฟเฟนสเปอร์เกอร์ย้ำหลายครั้งว่าไม่มีหลักฐานการทุจริตในคะแนนการเลือกตั้งตามที่ทรัมป์และพวกได้ก่อทฤษฎีสมคบคิดว่ามีขบวนการโกงการเลือกตั้ง และเจ้าหน้าที่รัฐก็บอกว่าไม่มีหลักฐานว่าเครื่องนับคะแนนจะมีการสับเปลี่ยนกลไก
ทรัมป์อ้างว่าควรมีการตรวจสอบว่าการโกงในขั้นตอนต่างๆ ว่าเกิดขึ้นจริง เช่นเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยไม่ได้เฝ้าระวังอย่างเต็มที่ นั่นนี่โน่น และก็ถูกปฏิเสธโดยนายราฟเฟนสเปอร์เกอร์อีกว่าได้มีการตรวจสอบแล้ว ไม่ปรากฏหลักฐานการโกง
ลูกอ้อนของทรัมป์ที่ถูกมองว่าเป็นไม้ตายในการชักชวนให้นายราฟเฟนสเปอร์เกอร์ยอมตามใจ ก็คือการย้ำว่านายราฟเฟนสเปอร์เกอร์นั้นเป็นสมาชิก “พรรครีพับลิกัน” และต้องทำหน้าที่ แต่ทรัมป์ไม่สามารถใช้วาทะหลากหลายวิธีเอาชนะได้
เมื่อเทปถูกเปิดโปง สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นนำมาเสนอซ้ำๆ หลายรอบ ทำให้มีการถกกว้างขวางว่าการกระทำของทรัมป์นั้นผิดกฎหมายหรือไม่ นี่เป็นการใช้อำนาจประธานาธิบดีแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ระดับรัฐเพื่อประโยชน์ตนเอง
ทรัมป์ปิดปากเงียบ คงหาทางตั้งรับกับข่าวฉาวโฉ่รอบใหม่ ดูแรงกว่าเก่า! เห็นได้ชัดอีกครั้งว่าทรัมป์พร้อมจะทำทุกอย่าง ไม่เลือกวิธีการ ความถูกผิดแต่อย่างใด
พฤติกรรมของทรัมป์เป็นเรื่องน่าขายหน้าสำหรับตำแหน่งผู้นำทำเนียบขาว เป็นผู้นำชาติมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย มีระบบการตรวจสอบ อ้างความโปร่งใส เมื่อไปหาเรื่องประเทศอื่นๆ ที่ถูกสหรัฐฯ เขม่น
บรรดาผู้นำระดับพรรครีพับลิกันปิดปากเงียบ โดยเฉพาะ ส.ว.กลุ่มหนึ่งเกือบ 1 โหลที่วางแผนจะคัดค้านการรับรองผลการเลือกตั้งในการประชุมของสภาคองเกรสและวุฒิสภาวันที่ 6 เดือนนี้ แม้เป็นความพยายามไร้ผล เปลี่ยนแปลงผลไม่ได้ก็ตาม
ที่สำคัญ แกนนำครั้งนี้มีนายมิตช์ แมคคอลเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา ขาใหญ่ของพรรครีพับลิกันเป็นผู้สนับสนุนความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ดังนั้นทั้ง ส.ส. และ ส.ว.ของรีพับลิกันจะประลองกำลังกับฝ่ายเดโมแครตในสภาวันพุธนี้
การศึกการเมืองซึ่งถูกมองว่าผู้นำประเทศไม่ใส่ใจในการจัดการการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสที่ได้ทำให้คนอเมริกันติดเชื้อกว่า 20 ล้านคน ตายกว่า 3 แสนราย
นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา สังกัดพรรคเดโมแครต บอกพวกที่จะค้านผลการเลือกตั้งว่าถ้าต้องการจะตรวจสอบความไม่ปกติอย่างไรในการเลือกตั้ง ก็ควรดูเทปการสนทนาระหว่างทรัมป์กับเจ้าหน้าที่รัฐจอร์เจียน่าจะดีกว่า
การเมืองสหรัฐฯ ยุคทรัมป์เป็นผู้นำ ถลำลึกสู่ความสกปรก วันพุธนี้ ทรัมป์ปลุกระดมคนอเมริกันผู้สนับสนุนตัวเองเดินทางไปเมืองหลวง ชุมนุมหน้าสภาคองเกรสในวันประชุมวันพุธนี้ สร้างแรงกดดันออกแนวสัญลักษณ์ ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนผลได้
วันก่อนเริ่มมีคนไปป่วนบ้านของนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ และนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาคองเกรส เอาเลือดเทียมไปทา เขียนข้อความต่างๆ ทำให้ตกใจ ยังไม่รู้ว่าจากนี้ไปจะมีเหตุอะไรที่ทำให้เกิดความวุ่นวายได้อีกหรือไม่ เมื่อทรัมป์ยังไม่รามือ
เริ่มมีมุมมองแล้วว่าพฤติกรรมของทรัมป์ที่โทรศัพท์ไปกดดันเจ้าหน้าที่รัฐจอร์เจียนั้นเป็นการคอร์รัปชันทางอำนาจ และมีบรรดา ส.ว.ของรีพับลิกันเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ร่วมกระทำด้วย โดยประเมินจากความพยายามหาเรื่องป่วนในสภาวันพุธนี้
ล่าสุด มีอดีตรัฐมนตรีกลาโหม 10 คน จากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันได้ออกจดหมาย ประกาศว่าการเลือกตั้งสิ้นสุดลงแล้ว และนายโจ ไบเดนเป็นผู้ชนะ และไม่ควรมีเรื่องหรือเหตุอันใดที่จะทำให้กระบวนการต่างๆ ต้องติดขัดอีกต่อไป
ก่อนหน้านี้ มีคำแนะนำจากที่ปรึกษาและคนใกล้ชิดทรัมป์ว่าสมควรประกาศกฎอัยการศึกให้ 6 มลรัฐสมรภูมินั้นยกเลิกผลการเลือกตั้ง และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ข้อแนะนี้เป็นอันตกไปเพราะมีคณะที่ปรึกษาของทรัมป์อีกส่วนไม่เห็นด้วย
ทรัมป์ลองทุกท่าแล้ว ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล จากนี้จะมีพิษร้ายเหลืออีกหรือไม่