xs
xsm
sm
md
lg

ชายผู้โชคดีที่ชื่อประยุทธ์

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 6 ปีกว่า ตอนนี้เป็นรองแค่จอมพลป. พิบูลสงคราม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และจอมพลถนอม กิตติขจร ซึ่งสุดท้ายแล้วเชื่อว่าจะแซงทั้งจอมพลถนอมและพล.อ.เปรมถ้าอยู่ครบสมัย แต่จะแซงจอมพลป.ที่ดำรงตำแหน่ง 2 สมัยรวมกัน 15 ปีหรือไม่ก็น่าจะต้องลุ้นกัน

ตอนที่มีม็อบขย่มอยู่บนถนน คนที่เอาใจไปทางม็อบก็บอกว่าประยุทธ์คงไม่รอดแน่ แต่คนที่อยู่กับความเป็นจริงมองว่า ไม่ว่าม็อบไหนก็ขับไล่รัฐบาลได้ยาก ถ้าทหารไม่ออกมาช่วยรัฐประหารล้มกระดาน ก็ไม่มีทางเลย

ตอนที่เกิดแฟลชม็อบออกมาถล่มรัฐบาลในช่วงต้นปี คนจำนวนมากเอาใจเชียร์เพราะเห็นว่าเป็นการเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาว แม้แท้จริงแล้วทั้งเพนกวิน พริษฐ์ จากธรรมศาสตร์ และฟอร์ด ทัตเทพ จากจุฬาฯ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักก็เป็นคนของพรรคอนาคตใหม่นั่นเองไม่ใช่พลังที่บริสุทธิ์อะไร แต่โชคดีของประยุทธ์เพราะมีโควิดมาเป็นตัวช่วย ในขณะที่กระแสกำลังจุดติดลามไปทั่วทุกสถานการศึกษาก็ต้องมาหยุดชะงักไป

แล้วมาเป็นความโชคดีของประยุทธ์ที่ระบบสาธารณสุขของไทยเข้มแข็ง พร้อมกับคนไทยมีวินัยที่เชื่อฟังคำเตือนของหมอทำให้เราสามารถสยบโควิดจนได้รับคำชื่นชมจากทั่วโลก แต่ในโชคดีก็มีโชคร้าย เพราะภาวะที่กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติในขณะที่ประเทศอื่นกำลังระส่ำนั้น ก็ทำให้ม็อบออกมาลงถนนอีกครั้ง

แต่มาครั้งนี้ม็อบไม่ได้มีเป้าหมายที่พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น แต่มีเป้าหมายไปที่สถาบันพระมหากษัตริย์ แม้จะมีข้อเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออกอยู่ด้วย แต่ในที่ชุมนุมการปราศรัยและการแสดงออกของผู้เข้าร่วมชุมนุมก็ล้วนแล้วแต่พุ่งเป้าไปที่สถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้น

การแสดงออกเช่นนี้ของม็อบทำให้คนจำนวนหนึ่งที่เคยเห็นด้วยกับข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลในช่วงแรกจำนวนหนึ่งได้ถอยห่างจากม็อบ เพราะไม่เห็นด้วยที่มีการก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังคงให้ความเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเชื่อว่าทรงทำประโยชน์ให้กับสังคมไทยมาโดยตลอดทุกรัชกาล

ม็อบจึงเหลือแต่คนหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งที่คลั่งไคล้ในตัวของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเราต้องยอมรับว่า การก่อเกิดของแฟลชม็อบในช่วงแรกนั้น เกิดขึ้นเพราะพรรคอนาคตใหม่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคและตัดสิทธินายธนาธรกับพวก คนรุ่นนี้หลงใหลในมายาคติและมนต์ทางการตลาดของธนาธร ทำให้หลงเชื่อว่าธนาธรเป็นตัวแทนของคนรุ่นพวกเขาที่จะเข้ามาทำการเมือง

ในขณะที่ความเชื่อค่านิยมและทัศนคติของสังคมต่างเชื่อว่า นักการเมืองและระบอบการเมืองนั้นเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและการแสวงหาผลประโยชน์

ทั้งๆ ที่สิ่งที่ธนาธรแสดงต่อคนรุ่นใหม่นั้นเป็นเพียงสำนวนโวหารวาทกรรมที่ปั้นแต่งขึ้นอย่างไม่มีอะไรที่พิสูจน์เป็นรูปธรรมได้เลย เพียงแต่ธนาธรได้รับการหนุนช่วยจากสื่อรุ่นใหม่ในโซเชียลมีเดีย และสื่ออย่างเครือมติชนที่ครอบครัวของธนาธรถือหุ้นอยู่เท่านั้นเอง

การปลุกปั่นเริ่มจากการสร้างสถานการณ์ให้นักศึกษาธรรมศาสตร์กลุ่มหนึ่งตะโกนคำว่า ฟ้ารักพ่อ หลังจากเห็นธนาธรมาปรากฏตัวในงานฟุตบอลประเพณีแล้วจากนั้นสื่อในสังกัดก็ขานรับเอาไปประโคมจนกลายเป็นไวรัลในหมู่คนรุ่นใหม่

นอกจากนั้นก็มีแรงหนุนจากคนเสื้อแดงที่เคยเป็นกองหนุนของระบอบทักษิณ ที่ถูกปลูกฝังให้เชื่อว่า สถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเป็นฝ่ายตรงข้ามกับระบอบทักษิณ และทักษิณถูกกำจัดเพราะมีอำนาจเก่าหนุนหลังซึ่งหมายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง

แต่การที่ม็อบพุ่งเป้าไปที่สถาบันพระมหากษัตริย์ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของคนไทยจำนวนมาก ทำให้ประยุทธ์ไม่ได้กลายเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของม็อบ และทำให้รัฐบาล กองทัพ และสถาบันพระมหากษัตริย์มีความเป็นปึกแผ่นกัน จนทำให้ประยุทธ์มั่นใจว่า สามารถรับมือกับม็อบได้ไม่ยาก

และสุดท้ายการแสดงออกของม็อบที่เต็มไปด้วยความก้าวร้าว หยาบคาย และการแสดงออกที่นอกเหนือจากกฎเกณฑ์ของการชุมนุมในอดีตทำให้สังคมส่วนหนึ่งไม่อาจยอมรับการแสดงออกและข้อเรียกร้องของม็อบ ทำให้ม็อบแพ้ภัยตัวเองไม่สามารถสร้างแนวร่วมได้เพิ่มขึ้น และยิ่งทำให้คนจำนวนหนึ่งถอยห่างออกจากม็อบ จนกระทั่งผู้เข้าร่วมชุมนุมค่อยลดน้อยถอยลงตามลำดับ

เพียงแต่หากไปฟังผู้ใหญ่ที่ออกมาดันหลังม็อบให้บุกตะลุยไปข้างหน้า ใช้ความห้าวหาญก้าวร้าวของเด็กมาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนคนพวกนี้ ก็จะพากันชื่นชมเด็กว่า กำลังสร้างความหวั่นไหวให้กับอำนาจรัฐ อำนาจเก่าและศักดินาที่กำลังถูกสั่นคลอน ยุยงให้เด็กไม่ต้องไปเกรงกลัวกับกฎหมายบ้านเมือง แม้กระทั่งการแสดงออกหลายอย่างที่ผู้ใหญ่เองก็ไม่กล้าทำ แต่กลับให้ท้ายชื่นชมที่เด็กแสดงออกและต้องโดนข้อหาต่างๆ นานา

อธึกกิต แสวงสุขหรือใบตองแห้ง ประชาไท ยุยงเด็กว่า แม้ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางอำนาจ ในรัฐบาล ในรัฐธรรมนูญ ในเชิงโครงสร้างใดๆ แต่ก็เกิดการเคลื่อนไหวที่เชี่ยวกรากถึงรากถึงโคน จากพลังคนรุ่นใหม่ ซึ่งเปรียบเหมือน “แผ่นดินไหว” ลามไปไม่หยุดยั้ง จนมีคำถามว่าโครงสร้างอำนาจที่ตั้งอยู่บน “แผ่นดินไหว” จะทนอยู่ในสภาพนี้ได้อีกนานเท่าไหร่

แต่เด็กหลายคนถูกดำเนินคดีมาตรา 112 คนละหลายคดีรวมถึงเด็ก 16 ในขณะที่ผู้ใหญ่ที่อยู่ข้างหลังไม่ว่าธนาธร ปิยบุตร อธึกกิต หรือสุชาติ สวัสดิ์ศรี ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ฯลฯ ไม่มีใครถูกดำเนินคดีสักคนเพราะหลบอยู่ข้างหลังเด็กนั่นเอง

แม้ว่าผู้ใหญ่บางคนพยายามจะส่งเสียงช่วยเด็กว่า รัฐบังคับใช้มาตรา 112 เพื่อกลั่นแกล้งผู้ชุมนุม แต่โดยข้อเท็จจริงก็รู้อยู่แล้วและได้ยินกันทั่วว่า ผู้ชุมนุมได้ก้าวล่วงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคำและข้อกล่าวหาที่รุนแรงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จำนวนคดีและผู้ถูกกล่าวหาที่มีมากก็สัมพันธ์กับการกล้าแสดงออกที่ท้าทายของผู้ชุมนุมจำนวนมากนั่นเอง

แต่เด็กที่เป็นแกนนำและถูกดำเนินคดีนั้น หาได้รู้ถึงชะตากรรมที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเองไม่ เพราะผู้ใหญ่ที่อยู่ข้างหลังก็พยายามยกยอเด็กให้เป็นวีรบุรุษและปลุกปั่นว่าพวกเขากำลังได้รับชัยชนะในเร็ววัน เพื่อให้เด็กฮึกเหิมไม่กลัวกับสิ่งที่กำลังเผชิญ

ทั้งที่ความจริงแล้วถ้าเข้าใจสภาวการณ์และอยู่กับสภาพความเป็นจริงแล้ว ในสภาพที่สังคมไทยแตกเป็นสองส่วนแบบนี้ไม่มีทางเลยที่ชัยชนะจากการปฏิวัติของประชาชนจะเกิดขึ้นได้เลย

แม้โดยสภาพแล้วม็อบไม่อาจทำอะไรกับรัฐบาลได้ ในสภาวะที่รัฐบาลและกองทัพเป็นหนึ่งเดียวกัน และประชาชนแบ่งออกเป็นสองฝ่ายที่ทำให้รัฐบาลง่ายในการจัดการ เพราะเหมือนกับแบ่งแยกและปกครองไปในตัว แต่การที่สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายอยู่บนถนนของม็อบแบบไร้กฎเกณฑ์นั้น ก็ส่งผลต่อสภาพสังคมและเศรษฐกิจโดยรวม รวมไปถึงความเชื่อมั่นต่อต่างประเทศที่ทำให้รัฐบาลมีอุปสรรคในการบริหารประเทศไม่น้อย

ในขณะที่คาดกันว่าหลังปีใหม่ ม็อบที่สร้างความเดือดร้อนและวุ่นวายจะกลับมาอีกเพราะเจ้าของม็อบต้องดันหลังออกมา สถานการณ์โควิดก็กลับมาอีกครั้ง และยังไม่รู้ว่า หนนี้จะเกิดขึ้นยาวนานแค่ไหน

แม้คนไทยจะต้องผวากับโควิดรอบใหม่ แต่สำหรับประยุทธ์ จันทร์โอชาก็ถือเป็นเรื่องโชคดีก็ว่าได้

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น