เว็บตระกูลเดอะ “เดอะโมเมนตัม” ยก “รุ้ง-ปนัสยา” แกนนำม็อบ 3 นิ้ว สร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมไทย เปิดเพดานให้คนพาดพิงสถาบันได้อย่างสาธารณะมากขึ้น อ้างจุดเริ่มต้นมาจาก “ต้าร์ วันเฉลิม” หายไป ยอมรับข้อเสนอ 10 ข้อปฏิรูปสถาบัน ลอกจาก “สมศักดิ์ เจียมฯ” มาดัดแปลง โวบีบีซีจัดอันดับผู้หญิงที่ทรงอิทธิพล จะได้มีอำนาจต่อรองมากขึ้น
วันนี้ (1 ม.ค.) เว็บไซต์เดอะโมเมนตัม เผยแพร่บทสัมภาษณ์ รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า คณะราษฎร 2563 และกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม โดยกองบรรณาธิการมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้เป็นคนที่น่าสนใจ ในมุมของการสร้างความเปลี่ยนแปลง และสร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคมไทย อ้างว่า ตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค. 2563 ได้อ่าน 10 ข้อเรียกร้องว่าด้วยการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้ประเทศไทยก็เปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ เพดานว่าด้วยการพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ถูกดันขึ้นจนสูงสุด และไม่อาจถอยกลับไปสู่จุดเดิมได้อีกแล้ว
น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ความเปลี่ยนแปลงที่สร้างขึ้นมาในปีนี้ คือ การเปิดเพดานให้คนสามารถพูดเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อย่างสาธารณะมากขึ้น ตนแค่กิจกรรมในมหาวิทยาลัย แต่เผอิญได้โอกาสออกมาพูดแค่นั้นเอง รวมถึงการเป็นผู้หญิงที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ผ่านมา ตั้งแต่มัธยมปลายจนถึงเข้ามหาวิทยาลัย เราทำชุมนุมเชียร์ ทำโค้ดแปรอักษร แล้วตอนมหาวิทยาลัยเราทำเป็นโค้ดล้อการเมืองชุดแม่งูเอ๋ย ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ปี 2562 หวังให้คนในสังคมตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในบ้านเมือง และอยากเปลี่ยนแปลงอะไร แต่กลับพบว่าไม่ได้อะไร
เธอกล่าวว่า อยากทำงานอยู่ในวงการเมือง อยากทำวิจัยนโยบายให้พรรคการเมือง จึงเลือกเรียนคณะสังคมวิทยาและมนุษยวิทยา เคยอยากเป็นนักข่าว อยากเป็นแอนิเมเตอร์ อยากเป็นคนทำหนัง แต่จุดหมายคืออยากทำอะไรที่สามารถขับเคลื่อนสังคมได้ ทีแรกจะเข้าไปเรียนที่เอแบค แต่ค่านิยมของคนไทย ถ้าเก่งก็ต้องเข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาลให้ได้ ไม่อยากให้ใครมาสบประมาท เลยเลือกเรียนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สอบติดคณะสังคมวิทยา ปรัชญาการเมือง เศรษฐศาสตร์ แต่เลือกอย่างแรกเพราะส่วนหนึ่งพ่อมาช่วยสนับสนุนความคิด ถ้าไม่เป็นนักข่าว ก็อาจจะเป็นนักวิจัย หรืออาจเป็นอย่างอื่นก็ยังได้
พอขึ้นปี 2 จากที่เคยอยู่ชุมนุมเชียร์ ก็มีรุ่นพี่ชวนให้เข้าพรรคนักศึกษาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนหน้านี้ สังกัดพรรคหนึ่ง แต่อุดมการณ์ไม่ตรงกัน เลยเลือกพรรคโดมปฏิวัติ ของนายพริษฐ ชีวารักษ์ หรือเพนกวิน หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ จึงเลือกทำฝ่ายยุทธศาสตร์และสนิทกัน เพนกวินพยายามดึงทุกคนออกไปยื่นหนังสือ ไปประท้วงชูป้าย ไปลงชุมชน และเข้าร่วมสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) เมื่อเพนกวินเป็นโฆษก จึงมาอยู่ตรงนี้ ได้ออกสื่อเยอะขึ้น ต้องให้สัมภาษณ์ ต้องเข้าร่วมประชุม แล้วก็กลายเป็นผู้ปราศรัย ที่เป็นโฆษกไม่ได้พูดเก่ง แต่ไม่รู้เพนกวินเห็นอะไรจึงเลือกให้ขึ้นเวที
เมื่อถามว่า เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มาตอนไหน น.ส.ปนัสยา ตอบว่า มาจากการนั่งกินข้าวกับ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตผู้ต้องหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ลูกสาวนายสมยศ โทร. มาบอกว่า นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือ ต้าร์ แอดมินเพจ “กูต้องได้ 100 ล้านจากทักษิณแน่ๆ” หายไป แล้วทุกคนตรงนั้นรู้พร้อมกันหมดเลย ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่า ทำอะไรก็ได้ ให้เรื่องนี้เข้าสู่สื่อกระแสหลัก ด้วยความหวังว่า ถ้ามีคนรู้เยอะ อาจเป็นตัวช่วยในการตามหาเขา ด้วยความหวังว่า เขาอาจจะไม่หายไปไหน วันต่อมาเราเลยจัดม็อบที่สกายวอล์คปทุมวัน แล้วก็ต่อเนื่องจากนั้นมาเรื่อยๆ
ในตอนหนึ่ง น.ส.ปนัสยา ยอมรับว่า ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ 10 ข้อ มาจากนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่หลบหนีคดีในต่างประเทศ เมื่อหลายปีก่อน ก็เอามาปรับ คนเขียนมีแค่ไม่กี่คน คนหนึ่งคือเพนกวิน อีกคนคือเพื่อนที่เรียนทางรัฐศาสตร์ ทางนิติศาสตร์มาช่วยกันเขียน ส่วนเหตุการณ์ที่ นายสุรชัย แซ่ด่าน และนายวันเฉลิม หายไปนั้น ยอมรับว่ากลัว แต่เป็นการลองเสี่ยง ถ้าคนเห็นด้วยเยอะ เราก็จะไม่เป็นอะไร ถ้ามันจุดติด เราจะปลอดภัย แล้ววันนั้นเราลงพนันไปว่ามันน่าจะจุดติด แล้วมันก็ติดยาวมาถึงทุกวันนี้
น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ที่บอกว่าม็อบแผ่วแล้วไม่จริง คิดว่าไม่ได้แผ่ว แค่ล้า ซึ่งเป็นปกติของมนุษย์ที่ออกมาทุกวัน ไม่ใช่ว่าเป้าหมายหรืออุดมการณ์หายไป แค่พักผ่อนร่างกายเดี๋ยวก็กลับมา ตอนนี้เป็นช่วงเทศกาลช่วงปีใหม่ อยากให้ทุกคนได้อยู่กับครอบครัว แล้วปีหน้ามาลุยกันกันยาวๆ อีกรอบ และปฏิเสธว่า เป็นการต่อสู้ระหว่างเจนเนอเรชันเด็กและผู้ใหญ่ อยากเรียกว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างระบอบใหม่และระบอบเก่า ต้องเปลี่ยนให้ก้าวหน้าขึ้น ให้ทันสมัยขึ้น ให้เป็นสากลมากขึ้น ถ้าต้องการเปลี่ยนเรื่องนี้ ต้องใช้ประมาณ 3% ของสังคม หรือประมาณ 2.2 ล้านคน อยากให้เปลี่ยนความคิดว่า ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจหรือร้ายแรงในการมาม็อบ เพราะสุดท้ายเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตั้งแต่เกิดมาในการแสดงความเห็น
ในตอนท้ายเมื่อถามว่า คิดอย่างไรที่ BBC จัดอันดับว่าเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ทรงอิทธิพล น.ส.ปนัสยา ตอบว่า มองว่าดีที่สามารถมีอำนาจต่อรองกับกลุ่มผู้มีอำนาจได้มากขึ้น เนื่องจากมีคนสนใจเราเยอะทั้งต่างประเทศ และในประเทศ แต่ว่าอีกทางก็ไม่ค่อยชอบการจัดอันดับเท่าไหร่ เพราะมองว่าทุกคนมีอิทธิพลในตัวเองอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องยกคนใดคนหนึ่งขึ้นมาเพื่อบอกว่าคนนี้มีอิทธิพล แล้วคนอื่นไม่มีเหรอ บอกว่าคนนี้สำคัญ แล้วคนอื่นไม่สำคัญเหรอ ทุกคนมีความสำคัญในแบบของตัวเอง และมีอิทธิพลในแบบของตัวเอง แต่ละคนสร้างความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาในทุกๆ วินาทีของชีวิตอยู่แล้ว
อนึ่ง เว็บไซต์เดอะโมแมนตัม (The Momentum) เป็นหนึ่งในสำนักข่าว “ตระกูลเดอะ” ที่ถูกวางให้เป็นสำนักข่าวออนไลน์ยุคใหม่ เจาะกลุ่มผู้อ่านคนรุ่นใหม่ ก่อตั้งโดย นายวงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ภายใต้บริษัท เดย์ โพเอทส์ จำกัด เจ้าของนิตยสารอะ เดย์ ภายหลังนายวงศ์ทนงได้ขายหุ้นและลาออกไป ก่อตั้งเว็บไซต์และสำนักข่าวเดอะ สแตนดาร์ด ปัจจุบันเว็บไซต์เดอะโมแมนตัม อยู่ภายใต้การบริหารของกลุ่มทุนนายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย
ก่อนหน้านี้ น.ส.ปนัสยา เคยถูกบีบีซีจัดอันดับว่าว่าเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลของโลก แต่หลังจากนั้น ถูก ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence และ Actuarial Science and Risk Management คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ สั่งสอนกลางรายการช่องไทยรัฐทีวี ในหัวข้อ พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ 2561 จน น.ส.ปนัสยา ไปไม่เป็น