เมืองไทย 360 องศา
จะเปรียบแบบไหนก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็น “ผีพุ่งไต้” แบบ “ไฟไหม้ฟาง” หรือ “พลุ” แต่ความหมายก็คือมันเปล่งแสงสว่างแวบเดียวแล้ว “จางหาย” ไปกับตา ซึ่งตัวของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็มีลักษณะไม่แตกต่างกัน
สำหรับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปัจจุบันเป็นแกนนำคณะก้าวหน้า แต่เป็นอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมไปถึงอดีตผู้บริหารกลุ่มทุนไทยซัมมิท (ต้องขายหุ้นเพราะต้องลงเล่นการเมือง) เป็นอดีตผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทสื่อใหญ่ เป็นผู้ให้การสนับสนุนนิตยสารฟ้าเดียวกัน
สรุปก็คือ เขาเป็น “คนรวย” นั่นแหละ แต่ส่วนใหญ่ร่ำรวยเพราะได้รับมรดกจากครอบครัวที่ทำธุรกิจหลักเกี่ยวกับชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ ไม่ใช่รวยด้วยลำแข้งของตัวเอง แต่ที่ทำให้โดดเด่นก็คือความคิดที่ “แปลกแยก” ก็คือ มีการเคลื่อนไหวที่ทำให้เห็นว่า เขา “สนับสนุนเรื่องการต่อสู้ทางชนชั้น” ชอบวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ สลับกับความเห็นในเรื่อง “ประชาธิปไตย” และเสรีภาพ ความเสมอภาค
แต่ที่ผ่านมา เมื่อราวปี 2549 กลับถูกเปิดโปงว่า บริษัทของเขามีปัญหาการจ้างงานกับพนักงานกลุ่มหนึ่งที่เรียกร้องสิทธิ์ และการตั้งสหภาพแรงงานภายในบริษัท จนมีเรื่องฟ้องร้องและการเลิกจ้างพนักงานออกรวดเดียวถึง 260 คน เป็นต้น และคนที่แฉเอามาตอกย้ำก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็น “คนกันเอง” คือ นายใจ อึ๊งภากรณ์ ที่เวลานี้หลบหนีคดีอาญา มาตรา 112 อยู่ต่างประเทศ
นั่นเป็นแบ็กกราวนด์คร่าวๆ ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ถือว่ามีความ “เด่นดัง” ในปี 2563 ที่กำลังจะผ่านไป และยังเชื่อว่าในปีนี้ ปี 2564 เขาน่าจะเด่นดังกว่าเก่า เพราะหลายเรื่องกำลังสรุปรวบยอดในอีกไม่นานข้างหน้า
อย่างไรก็ดี ถือว่าการเคลื่อนไหวของเขากับพวกในปีที่ผ่านมา ได้สร้างปรากฏการณ์หลายอย่างขึ้นไม่น้อย สามารถสร้างความตื่นตัวในสังคม โดยเฉพาะกับกลุ่มเยาวชนกลุ่มหนึ่ง แม้ว่าในที่สุดแล้วจะ “วูบวาบ” ตามประสาวัยรุ่น แต่ถึงอย่างไรก็ทำให้เกิดกระแสที่สร้างความสั่นสะเทือนไปถึงฝ่ายอำนาจรัฐ และสถาบันหลักไม่มากก็น้อย หากมองในทางบวกก็ถือว่า ทำให้มีความระมัดระวังมากขึ้น ไม่ใช่คิดทำอะไรตามใจได้เหมือนแต่ก่อน และที่สำคัญ ทำให้ “สถาบันหลัก” ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกัน หากเชื่อว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลัง และเป็น “ท่อน้ำเลี้ยง” หลักๆ ของกลุ่ม “ม็อบสามนิ้ว” ในภาพที่เคยเป็น “ขวัญใจคนรุ่นใหม่” ที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ และการเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงที่เริ่มขึ้นหลังจากที่พรรคดังกล่าวถูกยุบ ด้วยความผิดจากการ “ปล่อยเงินกู้” หรือก่อนหน้านั้น ก็ถูกตัดสิทธิ์การเมือง ต้องพ้นสภาพ ส.ส. จากความผิดการถือหุ้นสื่อ บริษัท วีลัคมีเดีย จำกัด ซึ่งกรณีของนายธนาธร เช่นเดียวกันที่ทำให้ “ความร้อนแรง” ของม็อบสามนิ้ว ต้องถดถอยลงมาอย่างรวดเร็ว
แม้ว่ากรณีนี้จะมาหลายหลายสาเหตุประกอบกัน แต่กรณีที่มีการสนับสนุนที่มาในแบบเรียกว่า “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” แต่ถูกมองว่าแท้จริงคือเจตนา “ล้มล้าง” มันก็ยิ่งทำให้เกิดความไม่พอใจในวงกว้าง และถูกปฏิเสธจากการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ที่คนของเขาไม่ได้รับเลือกแม้แต่จังหวัดเดียว จากจำนวนที่ส่งสมัครถึง 42 คน
นอกจากนี้ ยังถูกเปิดโปงเรื่องของน้องชาย คือ นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีปัญหาในเรื่องเงิน “สินบนยี่สิบล้านบาท” เพื่อให้ได้เช่าที่ดินใจกลางเมืองของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กลายเป็นถูกมองว่า “พี่มีเจตนาล้มเจ้า แต่น้องต้องการที่ดินเจ้า” อะไรประมาณนี้ และยังถูกโยงแบบตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมครั้งหนึ่งที่ “ม็อบสามนิ้ว” ถึงต้องไปบุกสำนักงานทรัพย์สินฯ มาก่อนหน้านี้
ล่าสุด ก็มีกรณีกรมป่าไม้ ได้แจ้งความดำเนินคดีกับ “นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ” แม่ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และสั่งให้เพิกถอนสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าวจำนวน กว่า 3,098 ไร่ แม้ว่ากรณีนี้ จะมีการร้องเรียนและสอบสวนมาเป็นเวลาระยะหนึ่ง แต่ในที่สุดก็มีการแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งก็ทำให้ส่งผลกระทบกับนายธนาธรโดยตรง อย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าครอบครัวของเขามีแต่เรื่อง “ไม่ชอบมาพากล”
ทำให้เข้าใจว่า ที่เรียกร้องในเรื่องของความเหลื่อมล้ำ ความเสมอภาค ภราดรภาพอะไรนั่น เป็นเพียงคำพุดสวยหรู สร้างเครดิตให้กับตัวเองเท่านั้น เพราะเบื้องหลังกลับเป็นตรงกันข้ามหรือไม่
ดังนั้น หากกล่าวสำหรับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ถือว่าในปี 2563 เขาได้สร้างกระแสจนเด่นดังมากมายหลายเรื่อง แต่ขณะเดียวกัน ผลจากความ “ไม่จริง” ดังกล่าว กำลังจะส่งผลกระทบกับเขาและครอบครัวในทางลบมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า โดยเฉพาะในปี 2564 ที่มาถึง อย่างน้อยในเรื่องคดีที่กำลังงวดเข้ามา ที่เห็นชัดก็คือ คดีที่เกี่ยวเนื่องมาจากคดียุบพรรคอนาคตใหม่ที่เขาต้องถูกดำเนินคดีอาญาโดยอัตโนมัติ รวมไปถึงคดีอื่นๆ อีกหลายคดี โดยล่าสุดถูกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อหาในคดีอาญา มาตรา 112 ไปแล้ว แม้ว่ายังอีกยาวไกล แต่รับรองว่าแนวโน้มหลายเรื่องกำลังมา และหนักกว่าเดิมแน่นอน !!