แล้วจะเหลืออะไร “ดร.อานนท์” ได้ทีไล่บี้ “ทอน” ชนิดจัดหนัก ต้องบอกโพสต์สั้นแต่ภาพคมชัด แถมมอบฉายาคนพรรคใกล้กาวแบบเจ็บแสบอีกต่างหาก “เพจดัง” อะ อะ อะ อ้าว หลังป่าไม้ยืนยัน “แม่ธนาธร” รุกป่าสงวนฯ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (30 ธ.ค. 63) เฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich ของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ภาพระบุข้อความว่า
นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ บุกรุกป่าสงวนไป 400 ไร่ โดนเพิกถอนเอกสารสิทธิอีก 2,000 ไร่
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich โพสต์ภาพระบุข้อความเช่นกันว่า
“เรือยอชต์ที่ผมแอบซื้อไว้ว่าเครียดแล้ว เจอบุกรุกที่ป่าสวนของแม่เข้าไป ผมนี่เครียดกว่า”
และก่อนหน้านั้น เฟซบุ๊กดังกล่าวยังเปิดฉายาประจำตัวพรรคใกล้กาว ของแต่ละคนได้อย่างเจ็บแสบ
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ข้อความระบุว่า
“อะ อะ อะ อ้าว”
พร้อมอ้างอิงข่าวหัวข้อ “ป่าไม้ตรวจสอบแล้วที่ดิน แม่ธนาธร ที่ราชบุรี พบครอบครองมิชอบด้วยกฎหมาย
วันที่ 29 ธันวาคม 2563 - 23:05 น.
FacebookTwitterLINECopy Link
เนื้อหาข่าวระบุว่า วันที่ 29 ธันวาคม นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากการที่ได้รับมอบหมายจาก นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรี ทส. ให้บูรณาการร่วมกันของหน่วยงานเพื่อปฏิบัติการร่วมตรวจสอบการถือครองที่ดินแบบผิดกฎหมายของกลุ่มทุนทั่วประเทศ และกรณีการครอบครองที่ดินของ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ในท้องที่จังหวัดราชบุรีนั้น
นายอดิศร นุชดำรงค์ อธิบดีกรมป่าไม้ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าขยายผลตรวจสอบ และตั้งแต่ช่วงวันที่ 7-28 ธันวาคม 2563 คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษพยัคฆ์ไพร นำโดยตนในฐานะที่ปรึกษาพยัคฆ์ไพรนายชาญชัย กิจศักดาภาพ หัวหน้าพยัคฆ์ไพร นายคม ศรีสวัสดิ์ ผอ.ศปป.1 (ภาคกลาง), จนท.ศปป. 4 กอ.รมน. และ จนท.กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผกก.5 บก.ปกส.), นายนิทรรศ เวชวินิจ ผอ.สจป.10 (ราชบุรี), ผอ.ศ.ปม.ราชบุรี, หน.รบ.1 (จอมบึง) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ขยายผลสืบสวนสอบสวนต่อเนื่องจากข้อมูลเดิมที่ได้ดำเนินการไว้ กรณีที่ดินของนางสมพร มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมลงตรวจสอบพื้นที่จริงที่ดินแปลงดังกล่าว ตามที่ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.เขต 3 ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้แจ้งร้องทุกข์ ให้กรมป่าไม้ดำเนินการตามกฎหมาย เหมือนที่ดินของตนเองที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดไปแล้วนั้น ผลการตรวจสอบจนถึงวันนี้ตรวจสอบพบว่า
1. ตรวจพบมีการนำเอกสารสิทธิที่ดินที่เกี่ยวข้อง จำนวน 77 แปลง ประกอบด้วย โฉนดที่ดิน จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 43-0-64 ไร่, น.ส.3 ก. จำนวน 55 แปลง เนื้อที่ 2,010-22-00 ไร่, น.ส. 3 จำนวน 14 แปลง เนื้อที่ 694–2-63 ไร่ โดยมีเนื้อที่รวมทั้งหมดกว่า 3,098 ไร่เศษ
2. ตรวจสอบพบที่ดินทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้าย แม่น้ำภาชี และซ้อนทับกับ เขตปฏิรูปที่ดิน ของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ประกาศปี 2554 และไม่มีแผนงานพร้อมงบประมาณที่จะการดำเนินงาน จึงไม่มีผลเป็นการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ) และแปลงที่ดินทั้งหมดซ้อนทับในเขตป่าไม้ถาวร หมายเลขที่ 85 (ปี 2512)
3. จากการตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่า น.ส.3 ก. ทั้ง 55 ฉบับ ออกโดยไม่มีหลักฐานเดิม (สค.1) เป็นการเดินสำรวจออกเมื่อปี 2521 ก่อนประกาศพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ เมื่อปี 2527 แต่พื้นที่ดังกล่าวถูกประกาศเป็นเขตป่าไม้ถาวรหมายเลข 85 เมื่อปี 2512 ก่อนที่จะมีการออกเอกสาร น.ส.3 ก. ทั้ง 55 ฉบับ ซึ่งทำให้เป็นเอกสารที่ออกไม่ชอบด้วยกฎหมายในขณะนั้น
4. ตรวจสอบพบ จากพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่า นางสมพร มีเจตนาครอบครองที่ดิน น.ส.2 โดยการซื้อเปลี่ยนมือจากบุคคลอื่นแบบผิดกฎหมาย จำนวน 7 แปลง เนื้อที่ 350 ไร่ ซึ่งแปลงที่ดินดังกล่าว เป็นเอกสาร น.ส.2 ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาซ้อนทับที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีการร้องเรียนของกลุ่มชาวบ้าน ม.14 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ที่มีแผนงานจัดตั้งป่าชุมชนของหมู่บ้าน และมีตัวแทนของนางสมพร ได้ออกมาร่วมตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย มีการยอมรับการครอบครองและแสดงเจตนามอบให้หมู่บ้านจัดตั้งป่าชุมชนของหมู่บ้าน ซึ่งเป็นการแสดงเจตนาครอบครอง น.ส.2 แบบผิดกฎหมายของนางสมพร
5. ตรวจสอบพบว่า นางสมพร ครอบครองที่ดินมือเปล่าแบบผิดกฎหมาย (ภบท.5) อีก 1 แปลง เนื้อที่ 90 ไร่ ในท้องที่ ม.3 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี โดยตรวจสอบพบหลักฐานใบเสร็จรับเงินที่ระบุชื่อนางสมพร จ่ายเงินค่าที่ดินมือเปล่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 90 ไร่ ในช่วงปี 2553-2556
ส่วนเอกสาร โฉนดที่ดิน 1 แปลงและ น.ส.3 อีก 14 ฉบับ ต้องขยายผลตรวจสอบ
นายชีวะภาพ กล่าวว่า กรมป่าไม้ จะได้รวบรวมหลักฐานข้อมูลให้ครบถ้วน รัดกุมที่สุด ในการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาต่อนางสมพร และผู้ที่เกี่ยวข้อง ในข้อหาบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 450 ไร่ (ที่ดินภบท.5 และนส.2 ทั้ง 7 แปลง) และแจ้งความดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3 ก. จำนวน 55 แปลง
และเสนอให้กรมที่ดิน เพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินของนางสมพร น.ส.3 ก. อีกประมาณ 2,000 ไร่ โดยชุดปฏิบัติการ จะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ ที่ บก.ปทส. ต่อผู้เกี่ยวข้องในการกระทำผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ทุกฉบับ ให้แล้วเสร็จในช่วง เวลา 14.00 น. ของวันที่ 30 ธันวาคม 2563 นี้ (ข่าวจากมติชน)
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี กรมป่าไม้เตรียมแจ้งความดำเนินคดี นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า รุกป่าสงวนในพื้นที่ จ.ราชบุรี 450 ไร่ พร้อมเสนอเพิกถอนเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก. จำนวน 2,000 ไร่ ว่า
“ในการทำงานของกระทรวงทรัพยากรฯ เราไม่ดูที่ว่าเป็นใครหรือฝ่ายใด เราดูแค่ว่า ทรัพย์สมบัติของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นป่าสงวนหรือป่าอนุรักษ์นั้น ได้มีการบุกรุกหรือไม่ และถ้ามีการบุกรุกขึ้นมา กระทรวงในฐานะที่เป็นเจ้าทุกข์ก็จะมีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทุกคดีที่มีการร้องเรียนกระทรวงทรัพยากรฯ จะดำเนินคดีจนถึงที่สุด
เราไม่ได้ประวิงเวลาหรือเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายใดทั้งนั้น เราดำเนินคดีตามกฎหมายและเป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ไม่มี 2 มาตรฐาน หรือเลือกที่รักมักที่ชังอย่างแน่นอน เราให้ความยุติธรรมและดำเนินคดีโดยไม่ได้ดูที่ตัวบุคคล”
แน่นอน, ต้องบอกว่า “ทอน” ขาลง ลงแล้วลงอีก โบราณว่า “ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก” ทอนจะเชื่อ “โบราณ” หรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องนี้ก็เข้าทำนองนั้น
ก่อนหน้านี้ คู่ปรับ บางคนบางเพจ ได้ยก “ทอน” เป็นคนหาย ที่เงียบกริบ ไม่ยอมออกมาแสดงตัว แสดงตนทางการเมือง เหมือนช่วงขาขึ้น ที่กุมพลังการต่อสู้เอาไว้ในมือทั้งในสภา นอกสภา ก่อนที่ทุกอย่างจะหายวับไปกับตา
หลังจากแพ้เลือกตั้งนายก อบจ.อย่างยับเยิน ไม่ได้สักที่นั่ง แถมต่อมา เรือยอชต์ ที่มีการขุดคุ้ยของสื่อดัง พบว่า นายธนาธร และน้องชาย เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนด้วย จนน่าสงสัยว่า มีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเอาไว้กับ ป.ป.ช.หรือไม่ รวมทั้งการหนีภาษีหรือไม่ ซึ่งเรื่องทั้งหมด นายธนาธร ยังไม่ออกมาชี้แจงแต่อย่างใด
กระทั่งวันนี้ ผลการตรวจสอบที่ดินของ นางสมพร มารดา นายธนาธร ก็ออกมาเรียบร้อย เบื้องต้นพบว่า ครอบครองที่ดินไม่ชอบ และบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติหลายร้อยไร่ อย่างรายละเอียดในข่าว
แค่นี้ สำหรับนักการเมืองที่ปากคาบ “ประชาธิปไตย” แต่ใจคดโกง ก็แทบไม่เหลือความน่าเชื่อถือทางการเมืองอีกต่อไปแล้ว ต่อให้ไม่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง และต่อให้ออกมาเป็นผู้นำต่อสู้บนท้องถนน ก็คงไม่มีใครอยากเข้าร่วม เว้นเสียแต่ “สาวก” ที่จงรักภักดีเสมือนทาสเท่านั้น
จริงอยู่, ทุกอย่างต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จนถึงที่สุด จึงจะพูดได้ว่า ผิดหรือไม่ ทว่าในทางการเมือง แค่มีหลักฐานยืนยันจนน่าเชื่อ โดยเฉพาะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็คงไม่ต้องรอจนศาลตัดสิน ว่าผิดหรือไม่ เพราะโดยพฤติกรรมแล้ว ถือว่า ส่อไปในทางทุจริตคิดไม่ชอบต่อบ้านเมือง และประชาชน ถ้าขืนปล่อยไป และได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ลองคิดดูว่า จะเกิดอะไรขึ้น
ได้เวลาที่สาวกทั้งหลายจะตาสว่างเสียที และเบิกเนตรอย่างที่ว่ากัน อย่าตกเป็นทาสกลุ่มนักประชาธิปไตยจอมปลอมเหล่านี้อีกเลย เสียรู้ว่าโง่แล้ว เสียเวลาเสียอนาคต และอาจเสียชีวิต ถ้าถึงขั้นนั้น ก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้ว