“ปวิน” เท “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” รับปีใหม่ จวกฟุ้งแต่อดีต ความคิดกากตามไม่ทัน 3 นิ้ว “แม้ว” ขอคนไทยแข็งแรงปลอดภัย ไม่ประมาท การ์ดอย่าตก “ปู” โผล่ห่วงเศรษฐกิจ “จรัล ดิษฐ์” อวยพร “ล้มเจ้า” เติบใหญ่มีชัยตลอดปี
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (1 ม.ค. 64) เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ของ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ผู้ลี้ภัย คดี ม.112 โพสต์ถึงทักษิณ ชินวัตร ว่า
“ขำ ทั้งทักษิณและยิ่งลักษณ์ รวมถึงสำนักข่าวที่หนุนบุคคลทั้งสอง ออกมาปั่นกันแต่เช้า เรื่องความดีงามของคนจากตระกูลชินวัตรทั้งสอง เรื่องความสำเร็จที่ผ่านมาในอดีต ขณะที่บุคคลทั้งสองก็ออกมาอวยพรปีใหม่กันรัวๆ
ส่วนหนึ่งเพราะรู้ตัวว่า นักศึกษา-ผู้ชุมนุมวันนี้ ก้าวข้ามตัวเองไปแล้ว แต่ก็ยังพลาด เพราะยังไม่มีส่วนไหนของการแสดงความเห็น ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ คิดว่า เราจะไม่มีวันได้ยินคำพูดเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันออกจากปากคนทั้งสอง แต่อย่างว่า คนตระกูลนี้คือรอยัลลิสต์
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดในสังคมวันนี้ มันเปลี่ยนไปจากยุคทักษิณมากแล้ว คนไทยพูดเรื่องเจ้าอย่างเปิดเผยแล้ว เค้าไม่รอให้นักการเมืองที่หวังผลทางการเมืองของตัวเองมาชี้นำสังคมอีกต่อไป ปีใหม่แล้วแม่งยังคิดอะไรเก่าๆ กากฉิบหาย”
ทั้งนี้ ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า วันนี้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านออนไลน์จากนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทยขณะนี้ ว่า อย่าไปตกใจมาก อยู่ที่ทัศนคติในการทำงานว่าอยากให้เป็นในลักษณะควบคุมหรือป้องกัน
การควบคุมเชื้อโรคมันสั่งไม่ได้ เชื้อมันไม่เชื่อง เชื้อโรคไปได้ทุกที่ทุกเวลา ถ้าให้ความรู้กับประชาชนดีๆ ประชาชนก็ไม่ตกใจและป้องกันตัวเองได้ โดยเฉพาะการระบาดรอบใหม่ มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในอัตราต่ำมาก ส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตเกี่ยวกับพวกเปราะบาง เช่น เป็นวัณโรค ผู้มีอายุเกิน 70 ปี โรคอ้วน เบาหวาน หัวใจ ความดันสูง
ดังนั้น ถ้าให้ความรู้กับประชาชนเพื่อป้องกันดีกว่าการควบคุม เช่น ที่นครดูไบมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 กว่า 600 คน ถือว่าไม่มาก แต่เขาเปิดประเทศ เพราะหากินกับการท่องเที่ยว โดยใครเข้าประเทศต้องตรวจ PCR หาเชื้อทันที เป็นระบบป้องกันมากกว่าระบบควบคุม การควบคุมมีราคาแพง ต้องใช้เจ้าหน้าที่ และปิดเศรษฐกิจ แต่วิธีป้องกันมันเปิดเศรษฐกิจ
ส่วนคำถามว่า อยากเห็นเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างไร นายทักษิณ ตอบว่า อยากให้ใช้ระบบป้องกันโควิด-19 โดยให้ความรู้กับประชาชนอย่างชัดเจน อย่าตกใจอย่ากลัว การ์ดอย่าตก ผู้ที่เป็นกลุ่มเปราะบางให้อยู่บ้าน เศรษฐกิจก็เปิด ประชาชนก็ไม่เครียด สามารถออกไปทำมาหากินได้ วันนี้ต้องหาความพอดีระหว่างความเป็นอยู่กับการป้องกันโรค จะเลือกวิธีไหนขึ้นอยู่กับรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลทำไปอาจมีเหตุผลของเขา แต่ถ้าดูจากภายนอกอยากเห็นเศรษฐกิจดีกว่านี้ ต้องให้เศรษฐกิจเปิด ตลาดมันเดินไปได้ ไม่เช่นนั้นคนหาเช้ากินค่ำอยู่กันลำบาก ขอย้ำต้องมีความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจกับการป้องกัน ขอให้เข้าใจว่าเรามีปัญหาเชิงโครงเศรษฐกิจ เป็นระบบโบราณก่อนอนาล็อก ควรยกเครื่องหมด ทั้งหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น การกระจายรายได้ยังไม่ดีพอ ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยมีสูง โอกาสสำหรับคนระดับล่างไม่ดีพอ ต้องสร้างโอกาสให้กับคนเหล่านี้ ทั้งอาชีพเกษตรกร อุตสาหกรรมรายย่อย รายกลาง ดูการศึกษาในระยะยาว เพราะการศึกษาล้าหลัง โลกเปลี่ยนไปเยอะ ควรเตรียมระบบการศึกษารองรับเพื่อผลิตแรงงานรองรับอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไป ถ้าไม่ทำตรงนี้ ฐานการผลิตก็จะย้าย
นายทักษิณ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ควรรู้เท่าทันต่างประเทศ วันนี้ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ปลาเร็วกินปลาช้า เป็นระบบทุนนิยมธรรมดาที่หนีไม่พ้น ต่างประเทศยื่นแขนขาผ่านคำว่าแพลตฟอร์มมาหากินจนถึงบ้านเรา ล้วงลับข้อมูล ล้วงทั้งกระเป๋าทั้งข้อมูล ถ้าเรารู้ไม่เท่าทันก็โดนกิน ส่วนการปฏิรูประบบราชการ ต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ปรับปรุงการบริหาร สามารถตรวจสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อลดกำลังคนในน้อยลง ลดการทุจริตให้น้อยลง และต้องสร้างแพลตฟอร์มของไทยขึ้นมาโดยคนรุ่นใหม่ แพลตฟอร์มแข็งแรงเมื่อไหร่ก็มีการเจรจาต่อรอง บางทีเราอ่อนแอเกินจนกว่าที่จะเจรจา วันนี้เราเห็นแพลตฟอร์มต่างประเทศเป็นขนมหวาน แต่ความจริงมันเป็นยาพิษ ดังนั้น ต้องสร้างแพลตฟอร์มไทยให้แข็งแรง ขอให้เข้าใจ เราไม่สามารถทำการค้าแบบอนาล็อกได้เหมือนเดิมอีกต่อไป ต่อไปหลายประเทศจะสร้างระบบป้องกันตัวเอง แล้วเห็นแก่ตัวมากขึ้น...
ทั้งนี้ นายทักษิณ ยังได้กล่าวอวยพรปีใหม่ 2564 ว่า ขอขอบคุณทุกท่านที่คิดว่า ผมยังมีคุณค่าต่อประเทศอยู่ อยากฝากว่าปีใหม่นี้ เป็นปีที่หนักหน่อย เพราะโลกทั้งโลกระบมกับโรคระบาด แม้มีวัคซีน แต่คน 100% ก็ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้หมด บางประเทศยังไม่สามารถให้วัคซีนฟรีกับประชาชนได้ โรคทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะ อยากบอกกับทุกคนว่าอย่าประมาท อยากให้ทุกคนอยู่ให้แข็งแรง ให้ปลอดภัย หมั่นออกกำลัง กินอาหารที่ถูกสุขลักษณะ อย่าการ์ดตก และรีบทำมาหากิน พยายามเรียนรู้ใหม่ จากแหล่งความรู้ต่างๆ เพื่อให้ตัวเองปรับตัว ทำมาหากินได้ ความอดทนและความพยายามเท่านั้นที่จะทำให้ท่านประสบความสำเร็จในโลกใหม่
“ขอให้คนไทยทุกคนที่ผมรักและคิดถึงพบสิ่งดีๆ และพบสิ่งที่เป็นปัจจัยที่จะทำให้ตัวเองทำมาหากินได้ในโลกยุคใหม่ และอยู่รอดไปกับมันให้ได้ ขอให้ทุกคนแข็งแรงปลอดภัย และเอาชนะทางเศรษฐกิจได้ทุกคน” (ไทยรัฐออนไลน์)
ขณะเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า
“สวัสดีปีใหม่ 2564 ค่ะ ปีนี้คนไทยต้องประสบกับปัญหาเศรษฐกิจความเป็นอยู่ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะฟื้น และต้องมาเจอกับการระบาดของโควิด-19 อีกรอบ ขอฝากว่า สิ่งที่สำคัญสุดคือการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ สมุนไพรบ้านเราหลายตัวช่วยต้านโรคได้ ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนทานอาหาร ใส่มาสก์ให้ถูกวิธี และรักษาระยะห่าง ขอส่งมอบกำลังใจอีกหนึ่งกำลังใจให้พี่น้องประชาชน และแฟนเพจทุกท่านฝ่าฟันอุปสรรคให้ผ่านไปได้โดยเร็วนะคะ”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก Jaran Ditapichai ของ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประธานสมาคมนักประชาธิปไตยชาวไทยไร้พรมแดน ลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความ ว่า
“วาระขึ้นปีใหม่ 2564 ในฐานะตัวแทนสมาคมนักประชาธิปไตยชาวไทยไร้พรมแดน ขออวยพรนักเรียนนักศึกษาประชาชนผู้ออกมาต่อสู้เพื่อเพื่อเสรีภาพ ความเสมอภาค ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ เพื่อประชาธิปไตยทุกคนมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง ร่าเริงสดใส มีชีวิตชีวา ทุกกลุ่ม ทุกองค์การขยายตัวเติบใหญ่ ฝ่าฟันอุปสรรค์พ้นภัยทั้งปวงจากรัฐ และให้มีชัยชนะใหญ่หลวงยิ่งขึ้นตลอดปี”
แน่นอน, สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่าง “ปวิน” กับ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ที่วันนี้แทบไม่เหลือความรัก ความศรัทธากันอีกแล้ว หลังออกมาด่า “ความคิดกาก” ล้าหลัง ก้าวไม่ทันม็อบ 3 นิ้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ บอกว่ารัก “ทักษิณ” และไม่นานมานี้ก็บอกยังรัก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเห็นได้ชัด ว่า สาเหตุที่เลิกรัก “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ก็เพราะคาดหวังไม่ได้แล้ว ว่าทั้งสองจะช่วยวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเจ้า ขณะที่ “ธนาธร” เอาชีวิตการเมืองเข้าแลก
ทำให้เห็นว่า พวกล้มเจ้า จะรักใครโกรธใคร มีอยู่อย่างเดียวคือ ต้องให้ผลประโยชน์ทางการเมือง กรณีนี้คือ “ล้มเจ้า” ต่างจากนั้น ไม่ใช่พวก ไม่ใช่เพื่อน หรือ รักและศรัทธาไม่ลงอีกต่อไป
ลองตรองดู ว่า คนพวกนี้คือ นักประชาธิปไตยประเภทไหน หรือ แค่เผด็จการทางความคิดพันธุ์ใหม่ อย่างที่เขาว่ากัน แล้วที่คนรุ่นใหม่คลั่งไคล้หนักหนา มันคืออะไร จะเอากันแค่นี้หรือ สำหรับอนาคตรุ่นพวกเขา!?