จากวิทยานิพนธ์บิดเบือน “สถาบันแทรกแซงการเมือง” สู่การเปิดโปง ขบวนการวิชาการ “ล้มเจ้า”? “พุทธะอิสระ” จี้จุฬาฯเช็กบิลดอกเตอร์ปลวก “ดร.นิว” แฉ “ณัฐพล” เด็กในคาถา “ชาญวิทย์” จวกใจดำ ไม่ออกมาช่วย ทั้งที่อวยกันตลอด
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (29 ธ.ค.63) เพจเฟซบุ๊ก “หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ของ อดีตพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย โพสต์ข้อความ ระบุว่า...
และแล้วความชั่วร้ายของพวกคิดล้มเจ้า ก็ถูกเปิดโปง
ได้ชมคลิปของ ศาสตราจารย์ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เจ้าตั้มส่งมาให้ดู
ทำให้รู้ถึงความชั่วร้ายของคนที่เรียกตนเองว่า เป็นปัญญาชน มีดีกรีระดับด็อกเตอร์ จะกล้าทำวิทยานิพนธ์ที่มีข้อมูลอันเป็นเท็จใส่ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นเท็จถึง 31 ประเด็น ที่ปรากฏอยู่ในวิทยานิพนธ์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552
และด้วยวิทยานิพนธ์ชื่อ “ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ” ของคนที่ชื่อ ดร.ณัฐพล ใจจริง เล่มนี้นี่แหละ ได้กลายมาเป็นเครื่องมือที่พวกเยาวชนคนรุ่นใหม่ นำมากล่าวอ้างใช้เป็นเครื่องมือ ทิ่มแทงสถาบันพระมหากษัตริย์ มาตั้งแต่องค์พ่อหลวง ร.๙ จนถึงพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๑๐
อีกทั้ง นายด็อกเตอร์กำมะลอ คนนี้นี่แหล่ะ ยังนำข้อมูลเท็จของตน ออกเดินสายไปขึ้นเวทีเสวนาวิชาการให้แก่นักศึกษา และประชาชน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในวันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2556 ซึ่งจัดโดย ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเป็นเรื่องโกหก เรียกว่าโกหกจนคิดว่าเป็นเรื่องจริง
ทั้งยังเดินสายโชว์เท็จ ไปในมหาวิทยาลัยต่างๆ อีกหลายเวที
เรียกว่าในประเทศคือ ด็อกเตอร์ปลวก กับพรรคพวก นอกประเทศก็มีนักวิชาการปลวก อย่าง สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์
มนุษย์ปลวกพวกนี้ ทำงานสอดประสานกันทั้งในและนอกประเทศ อย่างเป็นขั้นเป็นตอนมาอย่างยาวนาน จนสามารถล้างสมองลูกไทย ให้ตกเป็นทาสได้อย่างที่เห็น
เรื่องที่น่าแปลกใจก็คือ เมื่อสภามหาวิทยาลัยจุฬาฯ ทราบเรื่องนี้ แทนที่จะเพิกถอนปริญญาเอกของด็อกเตอร์กำมะลอคนนี้ กับเว้นระยะเพิกเฉย ปล่อยให้เอกสารวิทยานิพนธ์เท็จนี้ เผยแพร่ไปทั่วโลก จนสร้างความเสียหายให้แก่สถาบันในวงกว้าง แม้ในปัจจุบัน ก็ยังมีวางขายกันเกร่อตามร้านหนังสือทั่วไป แต่เปลี่ยนแค่ปกและชื่อเท่านั้น แถมมีนายทุนใหญ่อย่าง “ฟ้าเดียวกัน” จัดพิมพ์ โปรโมทให้อีกต่างหาก
เช่นนี้จะไม่ให้คนเขาเข้าใจว่า ขบวนการล้มเจ้ามันเกิดมาจากในรั้วของสถาบันการศึกษาชั้นนำของชาติได้อย่างไร
หากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ทำเรื่องนี้ให้กระจ่างชัด นั่นก็แสดงว่า ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในมหาวิทยาลัย มีส่วนรู้เห็นเป็นใจต่อการจาบจ้วงล่วงเกินสถาบันพระมหากษัตริย์ มาตั้งแต่ครั้งเมื่อองค์พ่อหลวง ร.๙ ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่
เรื่องนี้ประชาชนผู้มีหัวใจจงรักภักดี คงจะปล่อยเฉยไปไม่ได้ หากสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ ยังมีพฤติกรรมเป็นปรปักษ์ต่อการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่นนี้ถือว่า เข้าข่ายฐานความผิดอาญา มาตรา 112 รวมทั้งด็อกเตอร์ปลวก ที่คอยกัดแทะเสาหลักของประเทศนี้ด้วย”
ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความระบุว่า
“นี่คุณชาญวิทย์จะไม่ออกมาปกป้อง ณัฐพล ใจจริง เลยหรือ?
จากที่บางกอกโพสต์ชี้แจง ปี 2493 ไม่เคยลงข่าวผู้สำเร็จราชการฯ เข้าร่วมประชุม ครม. ตามที่ “ดร.ณัฐพล-ฟ้าเดียวกัน” อ้างในวิทยานิพนธ์-หนังสือ
เมื่อ ณัฐพล ใจจริง เด็กในสังกัดถูกเปิดโปงเรื่องผลงานวิชาการบิดเบือนขนาดนี้ จาก “หนังสือเบิกเนตรม็อบ 3 นิ้ว” กลายเป็น “หนังสือแหกตาม็อบ 3 นิ้ว”
แต่ทำไมคุณชาญวิทย์ เกษตรศิริ ถึงไม่มีน้ำใจออกมาช่วยปกป้อง ณัฐพล ใจจริง บ้างเลย ทั้งๆ ที่ปกติแล้วจะออกงานเสวนาด้วยกันบ่อยๆ คอยสนับสนุนกันมาโดยตลอด แถมยังโพสต์เฟซบุ๊กอวยอยู่เป็นประจำ
ดังนั้น ในฐานะที่คุณชาญวิทย์คอยสนับสนุน ณัฐพล ใจจริง มาโดยตลอด และมีส่วนในการแหกตาด้วยกันมาอย่างต่อเนื่อง คุณชาญวิทย์จะออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างไรบ้าง? คุณชาญวิทย์ ยังพอมีศักดิ์ศรีในความเป็นครูบาอาจารย์หลงเหลืออยู่บ้างไหม?
ตายแล้ว... แม้แต่สุดยอดนักประวัติศาสตร์ที่ถูกคนกลุ่มหนึ่งยกย่อง อย่าง ศ.ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ วัยเกือบ 80 ปี ยังออกหน้าออกตาสนับสนุนผลงานวิชาการบิดเบือนของ ณัฐพล ใจจริง รู้ถึงไหน อายถึงนั่นจริงๆ
คุณชาญวิทย์รู้สึกอายบ้างไหมครับ?
คุณชาญวิทย์อยากได้ปี๊บสักใบไหม?
Charnvit Kasetsiri
ผมยินดีบริจาคปี๊บให้เลยครับ
#บริจาคปี๊บให้ชาญวิทย์
#ให้ชาญวิทย์จบที่รุ่นเรา”...
อ้างอิง...
บางกอกโพสต์ชี้แจง ปี 2493 ไม่เคยลงข่าวผู้สำเร็จราชการฯ เข้าร่วมประชุม ครม. ตามที่ “ดร.ณัฐพล-ฟ้าเดียวกัน” อ้างในวิทยานิพนธ์-หนังสือ
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9630000132517
แน่นอน, ประเด็นที่ฝ่ายปกป้องสถาบัน สุดที่จะทนก็คือ ความพยายามบิดเบือนทางวิชาการ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถือว่า ผ่านการทำวิจัยมาแล้ว และยิ่งเป็นวิทยานิพนธ์ ก็ยิ่งทำให้อ้างอิงได้ค่อนข้างมาก และน่าเชื่อถือ แต่ทว่า เมื่อมันถูกบิดเบือน และมีคนเอามากล่าวอ้างอย่างน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะในการเคลื่อนไหวต่อสู้ทางการเมืองอย่างแหลมคมของ กลุ่มคณะราษฎร 2563 จึงเสมือนจงใจที่จะให้ร้ายสถาบันฯนั่นเอง
โดยเฉพาะ ประเด็น “สถาบันฯแทรกแซงทางการเมือง” ซึ่งก็คือ ประเด็นที่ม็อบราษฎร 2563 นำไปขยายผล ทั้งบนเวทีปราศรัย และในโลกโซเชียล อย่างเป็นจริงเป็นจัง
กระทั่ง ศาสตราจารย์ไชยันต์ ไชยพร นำเอาเรื่องนี้มาเปิดโปง ชี้จุดบกพร่องกว่า 30 จุด และเห็นชัดว่า มีการอ้างอิงเท็จ และเจ้าของวิทยานิพนธ์ ก็ยอมรับความผิดพลาดแล้ว แต่นักวิชาการ “ล้มเจ้า” ก็ยังหลับหูหลับตาใช้เป็นเครื่องมือโจมตีสถาบันฯ พร้อมตอบโต้ ฝ่ายตรวจสอบว่า “มโน” ไปเองอีกต่างหาก
ประเด็นที่ถูกวิเคราะห์เอาไว้ก็คือ ประการแรก กลัวเสียเครื่องมือ ที่ใช้อ้างในการต่อสู้ล้มเจ้า ประการที่สอง กลัวว่า จะถูกรื้อผลงานวิทยานิพนธ์อย่างขนานใหญ่ เพราะไม่แน่ว่า มีกี่รายที่อยู่ในข่ายทำนองนี้ หรือไม่
เหนืออื่นใด เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า ขบวนการ “ล้มเจ้า” ทำทุกอย่าง เพื่อที่จะหาทางโจมตีสถาบันฯ ต่อให้ทำผิดเรื่องใหญ่แค่ไหนก็ยอม โดยไม่สนใจว่า เยาวชนที่ถูกป้อนยาพิษอยู่ในเวลานี้จะมีอนาคตอย่างไร นี่คือ ความชั่วร้ายที่ไม่น่าให้อภัย ไม่แค่ทุจริตร้ายแรงในทางวิชาการ อย่างที่กูรูบางท่านออกมาแสดงความเห็นไปแล้วเท่านั้น