ใครจะนึกว่าชาติมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกอย่างเช่นสหรัฐอเมริกาจะมีผู้นำประเทศซึ่งธาตุแท้เป็นคนจิตใจเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทจองเวรไม่เลิกรา เพื่อระบายความแค้นจากการที่แพ้เลือกตั้งชิงตำแหน่งผู้นำ
คนอเมริกันส่วนหนึ่งคงไม่คิดว่าคนอย่างโดนัลด์ ทรัมป์จะได้มีโอกาสเป็นผู้นำทำเนียบขาวได้ โดยระบบการเลือกตั้งที่มี 2 ตัวแทนของพรรคการเมืองมาให้เลือก และเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ
ก่อนหน้านั้นผู้นำประเทศสหรัฐฯ ที่ผ่านมา ก็ยังไม่เคยมีใครแสดงให้เห็นพฤติกรรมเลือดเย็น เอาแต่ได้ เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน อย่างเช่นกรณีของ โดนัลด์ ทรัมป์
ทุกวันนี้ยังหวังว่าจะได้อยู่เป็นประธานาธิบดีต่อ แม้สภาคองเกรสคาดว่าจะยืนยันผลเลือกตั้งในวันที่ 6 เดือนหน้านี้แล้ว
ทรัมป์ยังดิ้นรนต่อสู้ไม่เลิกรา หวังว่าพวกตัวเองในวุฒิสภาจะยังช่วยได้ ดูแล้วยังเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ แต่ทรัมป์ก็ยังหวัง
ถ้าสหรัฐอเมริกาไม่โชคร้ายจนเกินไปก็คงจะไม่เผชิญกับผู้นำอำมหิตเช่นนี้ในปี 2024 ซึ่งทรัมป์ประกาศว่าจะลงสู้อีกรอบ แต่คงเป็นไปได้ยาก เพราะจะต้องโดนฟ้องร้องคดีอาญาสารพัดที่รออยู่หลังพ้นจากตำแหน่ง
โดนัลด์ ทรัมป์ไม่ยอมลงนามกฎหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือคนที่ได้รับผลกระทบจากภัยการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส มูลค่า 9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้คนอเมริกันต้องตกทุกข์ได้ยากมากกว่าที่เป็นอยู่ เป็นเรื่องผิดปกติมาก
มีคนอเมริกันอย่างน้อย 14 ล้านคนที่จะไม่ได้รับสวัสดิการความช่วยเหลือจากภาครัฐในกรณีที่ตกงานและปัญหาอื่นๆ เช่น กลุ่มคนที่จะต้องถูกขับออกจากบ้านที่ขาดการผ่อนส่งชำระ ขาดจ่ายค่าเช่า ภาระผูกพันอื่นๆ
และยังรวมถึงมาตรการเยียวยาธุรกิจรายย่อยที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน
ความอำมหิตเลือดเย็นของโดนัลด์ ทรัมป์ถูกมองว่าเป็นการล้างแค้นที่ตัวเองแพ้การเลือกตั้งหมดโอกาสที่จะได้เป็นผู้นำทำเนียบขาวในสมัยที่ 2
หลังจากพยายามยื้อการลงนามในมาตรการความช่วยเหลือตั้งแต่ช่วงคริสต์มาส ในที่สุด โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ต้องยอมเซ็นเมื่อวันจันทร์ เพราะจะได้เลี่ยงการที่หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางไม่ต้องเจอกับการชัตดาวน์รอบใหม่
เป็นการเล่นเกมจนถึงนาทีสุดท้ายของโดนัลด์ ทรัมป์เพราะมีความเสี่ยงที่จะทำให้ตัวแทนผู้สมัครของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาต้องแพ้ในศึกเลือกตั้งรัฐจอร์เจีย
ช่วงแรกของการยื้อลงนามในมาตรการนั้น โดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่าต้องการจะเพิ่มเงินจ่ายให้กับคนอเมริกันจาก 900 ดอลลาร์เป็น 2 พันดอลลาร์ต่อหัว แต่ก็ถูกแย้งว่าถ้ามีเจตนาเช่นนั้นจริงคงต้องแสดงออกในช่วงที่ทั้งสองพรรคถกกันในสภาแล้ว
เท่ากับว่าคนอเมริกันที่มีรายได้ต่ำกว่า 75,000 ดอลลาร์ต่อปี จะได้รับเงิน 600 ดอลลาร์ต่อเดือนจนเงินช่วยเหลือหมด
เงินจำนวน 9 แสนล้านดอลลาร์เป็นส่วนหนึ่งของยอดรวมมาตรการมีจำนวน 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งในนั้น 1.4 ล้านล้านดอลลาร์เป็นการใช้เงินตามปกติของรัฐบาลกลาง
ถ้าภายในเที่ยงคืนของวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ไม่ลงนามในมาตรฐานนี้นอกจากหน่วยงานของรัฐบาลจะถูกชัตดาวน์แล้วคนอเมริกันมากถึง 14 ล้านคน ต้องเสียสิทธิประโยชน์ต่างๆ
ยังไม่มีคำอธิบายชัดเจนว่าทำไม โดนัลด์ ทรัมป์ถึงยอมเซ็นมาตรการความช่วยเหลือนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้ยืนหยัดว่าจะไม่ยอมจนกว่าจะมีการเพิ่มเงินช่วยเหลือต่อหัวให้คนอเมริกัน
เป็นที่คาดกันว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกแรงกดดันจากนักการเมืองพรรครีพับลิกันทั้งในสภาคองเกรสและวุฒิสภาให้ยอม วุฒิสมาชิกนายมิตต์ รอมนีย์ บอกว่าตนเองรู้สึกโล่งอกที่มาตรการนี้ได้รับการอนุมัติ
ถ้าโดนัลด์ ทรัมป์ยังไม่ผ่านมาตรการนี้ตัวเองจะต้องถูกจดจำโดยคนอเมริกันว่าเป็นต้นเหตุของความทุกข์ยากลำบากในช่วงของการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสเพราะมีพฤติกรรมผิดเพี้ยนจากคนทั่วไปที่ไม่ยอมเห็นใจคนทุกข์ยาก
ก่อนหน้านี้นายโจ ไบเดน ผู้ชนะการเลือกตั้ง ก็ได้เตือนแล้วว่าถ้าผู้นำทำเนียบขาวยังดึงดันไม่ใส่ใจ ผลพวงที่ตามมาจะเป็นความหายนะมหาศาลเกินประเมินได้ และยังบอกว่าจะเป็นการทอดทิ้งความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง
มาตรการเยียวยาการระบาดของโคโรนาไวรัสครั้งนี้ ได้ผ่านการเห็นชอบโดยทั้งสองสภาเมื่อวันจันทร์ก่อนหน้านี้ แต่โดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่ามีแต่ค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองและไม่จำเป็นและเป็นสิ่งที่ไม่สมควร