ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายและมาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 มูลค่า 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อวานนี้ (27 ธ.ค.) ซึ่งช่วยให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนได้รับเงินอุดหนุนกรณีตกงานอีกครั้ง และทำให้หน่วยงานของรัฐบาลหลีกเลี่ยงวิกฤต “ชัตดาวน์” ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ไปได้อย่างหวุดหวิด
ทรัมป์ วัย 74 ปี ซึ่งจะพ้นตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า ยอมเป็นฝ่ายล่าถอยเองในที่สุด หลังขู่จะคัดค้านร่างงบประมาณที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และทำให้ตัวเขาเองถูกกดดันอย่างหนักจากสมาชิกรัฐสภาทั้ง 2 พรรค
ทรัมป์ เรียกร้องให้คองเกรสเพิ่มวงเงินในเช็คกระตุ้นเศรษฐกิจที่จ่ายตรงให้กับคนอเมริกันจาก 600 ดอลลาร์ เป็น 2,000 ดอลลาร์สำหรับคนโสด และ 4,000 ดอลลาร์สำหรับคู่สมรส
ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าอะไรทำให้ ทรัมป์ เปลี่ยนใจเลิกขวางกฎหมายงบประมาณก้อนใหญ่ ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะสับสนอลหม่านในช่วงท้ายๆ ก่อนที่รัฐบาลของเขาจะหมดวาระลง
ในขณะที่บุคลากรทำเนียบขาวส่วนใหญ่ยังปิดปากเงียบไม่ยอมแพร่งพรายว่า ทรัมป์ คิดอะไรอยู่ แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดคนหนึ่งเผยว่า ที่ปรึกษาบางคนโน้มน้าวให้ ทรัมป์ ลดราวาศอก เนื่องจากขัดขวางไปก็ไม่มีประโยชน์
ตัว ทรัมป์ เองก็ได้ทวีตข้อความบอกใบ้กลายๆ เมื่อวานนี้ (27) ว่า “มีข่าวดีเกี่ยวกับร่างกฎหมายเยียวยาโควิด โปรดติดตาม!”
สมาชิกพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการจ่ายเช็คเงินสดขั้นต่ำ 2,000 ดอลลาร์ ในขณะที่คนของรีพับลิกันเองส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย
แม้นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับ ทรัมป์ ว่าควรจ่ายเงินกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่านี้ แต่ก็ย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องอนุมัติเงินช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยเร็วที่สุด
มาตรการจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ชาวอเมริกันตกงาน 14 ล้านคนหมดอายุลงไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (26) แต่คาดว่าจะเดินหน้าต่อได้ทันทีหลังจากที่ ทรัมป์ ได้ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณใหม่แล้ว
นอกจากแพ็กเกจเยียวยาโควิดมูลค่า 892,000 ล้านดอลลาร์แล้ว ร่างกฎหมายนี้ยังจัดสรรรายจ่ายทั่วไปสำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ อีก 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งหาก ทรัมป์ ยืนกรานปฏิเสธที่จะลงนามก็จะทำให้หน่วยงานของรัฐต้องเริ่มชัตดาวน์บางส่วนตั้งแต่วันอังคารนี้ (29) และหมายความว่าลูกจ้างรัฐบาลหลายล้านคนจะต้องขาดรายได้
ที่มา : รอยเตอร์