“ทรัมป์”ข่มขู่จะวีโต้มาตรการเยียวยาโควิด ซึ่งฝ่ายรีพับลิกันและฝ่ายเดโมแครตในคองเกรสเจรจาต่อรองกันด้วยความลำบากกว่าจะตกลงกันได้สำเร็จ โดยเขาเรียกร้องให้แก้ไขเพิ่มมูลค่าความช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจที่ได้รับความเดือดร้อน เห็นกันว่าความเคลื่อนไหวเช่นนี้เท่ากับเป็นการบีบให้พรรครีพับลิกันซึ่งทรัมป์โกรธกริ้วว่าทรยศตน ต้องเลือกว่าจะยอมทำตามโดยดี หรือท้าทายตนต่อไปอีกและเสี่ยงทำให้แพ็คเกจความช่วยเหลือล่ม ส่งผลต่อเนื่องให้หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลต้องชัตดาวน์ส่งท้ายปี
ในคืนวันอังคาร (22) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์คลิปวิดีโอบนทวิตเตอร์ โดยมีเนื้อหาข่มขู่ว่า อาจไม่ลงนามอนุมัติรับรองร่างกฎหมายเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิดมูลค่า 900,000 ล้านดอลลาร์ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาล่างและสภาสูงแล้ว พร้อมเรียกร้องให้สมาชิกคองเกรสเพิ่มมูลค่าเช็คสั่งจ่ายโดยตรงให้คนอเมริกันส่วนใหญ่ จาก 600 ดอลลาร์ เป็น 2,000 ดอลลาร์สำหรับคนโสด และ 4,000 ดอลลาร์สำหรับคู่สมรส
ทรัมป์ที่กำลังจะพ้นตำแหน่งในอีกไม่ถึงเดือนยังกำชับให้คองเกรสตัดค่าใช้จ่ายที่เขาเห็นว่าไม่จำเป็น อาทิ การช่วยเหลือต่างชาติ ออกจากร่างดังกล่าวและส่งร่างใหม่ที่เหมาะสมไปให้ตนพิจารณาเพื่อลงนามรับรอง
เขาไม่ได้ประกาศตรงๆ ว่า จะใช้อำนาจยับยั้งร่างกฎหมายมาตรการเยียวยานี้หรือไม่ ถึงแม้เห็นกันว่า เนื่องจากร่างนี้ผ่านการเห็นชอบจากในทั้ง 2 สภาโดยได้คะแนนท่วมท้นมาแล้ว ดังนั้นทั้ง 2 สภาจึงน่าจะสามารถลงมติยืนยันอีกครั้งด้วยคะแนนเสียงเกิน 2 ใน 3 ซึ่งจะสามารถล้มล้างอำนาจวีโต้ของประธานาธิบดีได้
กระนั้นก็ตาม ถ้าทรัมป์คว่ำร่างกฎหมายฉบับนี้ที่รีพับลิกันและเดโมแครตใช้เวลาถกกันนานหลายเดือน อาจส่งผลกระทบรุนแรงหลายอย่างในเฉพาะหน้านี้ เช่น รัฐบาลกลางไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจขนาดเล็กได้ในทันที ไม่มีทรัพยากรเพิ่มเติมสำหรับใช้ในการดำเนินการแจกจ่ายวัคซีน รวมทั้งจะต้องมีการชัตดาวน์หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลในวันที่ 29 ที่จะถึง เนื่องจากรัฐสภาพ่วงแพ็คเกจเยียวยานี้เอาไว้กับร่างงบประมาณรายจ่ายก้อนใหญ่
กล่าวคือ มาตรการเยียวยานี้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกฎหมาย “โคโรนาบัส” มูลค่า 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ โดยที่จำนวน 1.4 ล้านล้านดอลลาร์จะเป็นงบประมาณเพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลสามารถทำงานได้จนถึงเดือนกันยายนปีหน้า
ที่ผ่านมา รีพับลิกันลังเลที่จะเพิ่มยอดใช้จ่ายในมาตรการเยียวยา และเพิ่งมาตกลงแพ็คเกจใหญ่ส่งท้ายปีเนื่องจากใกล้เส้นตายในการบรรลุข้อตกลงสุดท้าย
เห็นกันว่าการเรียกร้องของทรัมป์ เป็นการทดสอบอำนาจของตนเองที่มีต่อพรรครีพับลิกัน ด้วยการกดดันให้สมาชิกพรรคต้องเลือกระหว่างการยินยอมตามข้อเรียกร้อง หรือท้าทายตนและเสี่ยงทำให้มาตรการเยียวยาล่ม ทั้งนี้หลังจากก่อนหน้านี้วุฒิสมาชิกสำคัญในพรรคหลายคน ซึ่งรวมถึงมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา เริ่มตีตัวออกห่าง ด้วยการยอมรับชัยชนะของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต แถมยังเตือน ส.ว.คนอื่นๆ ของพรรค ให้งดเข้าร่วมการท้าทายผลการเลือกตั้งในการประชุมรัฐสภาวันที่ 6 มกราคม
ทั้งนี้ หลังขู่คว่ำแพ็คเกจเยียวยาไม่นาน ทรัมป์ที่ยังยืนกรานว่า การเลือกตั้งเมื่อต้นเดือนที่แล้วมีการโกงอย่างมโหฬาร และล่าสุดเมื่อวันอังคารยังอวดอ้างว่า ตนเองชนะ “ถล่มทลาย” นั้น ได้ทวิตท้าทายแมคคอนเนลล์และวุฒิสมาชิกจอห์น ทูน ผู้นำหมายเลข 2 ของรีพับลิกันในสภาสูงที่เคยบอกก่อนหน้านี้ว่า ความพยายามคัดค้านชัยชนะของไบเดนไม่มีทางสำเร็จ โดยทรัมป์ขู่ว่า จะสนับสนุนคู่แข่งของทูนในตอนที่ทูนต้องลงเลือกตั้งสมัยหน้าในปี 2022
ด้านผู้นำเดโมแครตฉวยโอกาสประกาศทันทีว่า พรรคสนับสนุนการเพิ่มมูลค่าช่วยเหลือประชาชนมาตั้งแต่ต้น
ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเดโมแครตในวุฒิสภา ทวิตว่า เดโมแครตผลักดันการจ่ายเช็คให้ประชาชนคนละ 2,000 ดอลลาร์มานานหลายเดือน แต่รีพับลิกันไม่ยอม บางทีครั้งนี้ทรัมป์อาจได้ทำตัวเป็นประโยชน์เสียทีด้วยการทำให้รีพับลิกันเลิกขัดขวางมาตรการนี้
ขณะที่ แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต กระตุ้นให้สมาชิกรีพับลิกันเพิ่มวงเงินช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจตามที่ทรัมป์เรียกร้อง และผู้ช่วยเผยว่า เปโลซีพร้อมเสนอร่างใหม่ให้สภาโหวตทันทีในวันพฤหัสฯ (24)
(ที่มา: เอเอฟพี, เอพี, รอยเตอร์)