xs
xsm
sm
md
lg

‘ทรัมป์’ คิดใช้กำลังทหาร-กฎอัยการศึกเพื่อล้มเลือกตั้ง นักการเมืองส่ายหน้าระอาพฤติกรรมสุดเพี้ยน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แม้เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนก่อนที่ “ไบเดน” จะเข้าไปพำนักในทำเนียบขาวแทนที่เขา แต่ “ทรัมป์” ยังไม่เลิกคิดหาวิธีล้มล้างผลการเลือกตั้ง โดยสื่อดังหลายสำนักรายงานว่า มีการเรียกประชุมที่ปรึกษาระดมไอเดียสุดโต่งต่างๆ เช่น ประกาศกฎอัยการศึก ส่งทหารคุมรัฐสมรภูมิสำคัญๆ และจัดการเลือกตั้งใหม่ เล่นเอานักการเมืองในวอชิงตันกุมขมับและส่ายหน้ากับพฤติกรรมแปลกเหลือเชื่อของอดีตเจ้าพ่อเรียลิตีโชว์

ทั้งนิวยอร์กไทมส์, ซีเอ็นเอ็น และวอลล์สตรีทเจอร์นัล ต่างรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เก็บตัวเงียบเชียบผิดวิสัยนับตั้งแต่โจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ได้รับการประกาศจากสื่อใหญ่ๆ ทุกสำนักว่าชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ได้นัดหมายเหล่าที่ปรึกษาไปหารือกันในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (18 ธ.ค.) ที่ผ่านมา เกี่ยวกับวิธีการใหม่ๆ ในการยื้อหรือเปลี่ยนผลการเลือกตั้ง

รายงานหลายชิ้นระบุว่า ในการประชุมดังกล่าวมีการนำเสนอไอเดียในการดึงกองทัพมาช่วยแต่ถูกคัดค้านจนต้องตัดทิ้งไป ข่าวยังบอกว่า ทรัมป์คิดจะสั่งยึดอุปกรณ์การลงคะแนนไปตรวจสอบ และแต่งตั้งซิดนีย์ พาวเวลล์ นักกฎหมายหญิงในทีมรณรงค์หาเสียงของเขาซึ่งเที่ยวผลักดันทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดแปลกประหลาด ให้เป็นที่ปรึกษากฎหมายพิเศษ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบข้อกล่าวหาโกงเลือกตั้งที่ทรัมป์กล่าวอ้างโดยไม่เคยแสดงหลักฐานยืนยัน

หนึ่งในผู้เข้าร่วมหารือ คือ ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติคนแรกของทรัมป์ ที่เคยยอมรับว่าให้การเท็จต่อสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) และเพิ่งได้รับการอภัยโทษจากทรัมป์เมื่อเดือนที่แล้ว

ก่อนหน้านั้น 1 วัน คือในวันพฤหัสบดี (17) ฟลินน์ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีทีวีนิวส์แม็กซ์ ของพวกอนุรักษนิยมสุดขั้วว่า ทรัมป์สามารถส่งทหารไปยังพวกรัฐสมรภูมิซึ่งคะแนนเสียงระหว่างเขากับไบเดนคู่คี่กัน แล้วจัดการเลือกตั้งกันใหม่

ทางด้านทรัมป์ได้ปฏิเสธรายงานข่าวเรื่องการประชุมในห้องทำงานรูปไข่ด้วยการทวีตสั้นๆ หลังเที่ยงคืนวันเสาร์ (19) ว่า “กฎอัยการศึก = ข่าวปลอม ก็แค่รายงานข่าวแย่ๆ อีกข่าวเท่านั้น!”

แต่มีนายทหารอาวุโสหลายคนออกมาประกาศชัดเจนว่า จะไม่ยอมมีส่วนร่วมในความพยายามล้มล้างผลเลือกตั้งที่ได้รับการรับรองแล้วจากทุกรัฐรวมถึงจากคณะผู้เลือกตั้ง

เมื่อวันศุกร์ รัฐมนตรีทบวงทหารบก ไรอัน แม็กคาร์ที และผู้บัญชาการทหารบก เจมส์ แม็กคอนวิลล์ ออกคำแถลงว่า กองทัพไม่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับการตัดสินผลการเลือกตั้ง

สำหรับกรณีการประกาศใช้กฎอัยการศึกนั้น ทรัมป์จะต้องได้รับอนุมัติจากรัฐสภาก่อน

ทว่า เพียงแค่รายงานข่าวชิ้นนี้ก็ทำให้นักการเมืองหลายคนในวอชิงตันตะลึงไปตามๆ กัน และบางคนส่ายหน้าด้วยความอิดหนาระอาใจ

มิตต์ รอมนีย์ วุฒิสมาชิกรีพับลิกันพรรคเดียวกับทรัมป์และเป็นขาประจำวิจารณ์อดีตพิธีกรเรียลิตีโชว์ผู้นี้ ให้สัมภาษณ์รายการ “สเตท ออฟ เดอะ ยูเนียน” ของซีเอ็นเอ็นว่า เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นและถึงเกิดขึ้นก็คงไม่สำเร็จ

รอมนีย์ที่เคยลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2012 สำทับว่า เป็นเรื่องเศร้าและน่าละอาย เพราะประธานาธิบดีสามารถปิดฉากคณะบริหารของเขาด้วยชัยชนะ ซึ่งก็คือการฉีดวัคซีนป้องกันครั้งประวัติศาสตร์เพื่อสยบไวรัสโคโรนา แต่กลับเลือกอำลาจากไปด้วยทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดและเรื่องเพี้ยนๆ ที่ทำให้หลายคนส่ายหัว

ตามรายงานของนิวยอร์กไทมส์ มีที่ปรึกษาของประธานาธิบดีหลายต่อหลายคน คัดค้านอย่างหนักในการประชุมเมื่อวันศุกร์ ไม่ให้เดินหน้าแนวความในการประกาศกฎอัยการศึก

จอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติที่ตั้งป้อมวิจารณ์ทรัมป์นับจากถูกปลดออกจากคณะบริหารในเดือนกันยายน บอกว่า เนื้อหาในการประชุมดังกล่าว “น่าตระหนกตกใจ” แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกที่อดีตนายของตนจะทำแบบนั้น ก่อนทิ้งท้ายว่า ทรัมป์ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นประธานาธิบดี

ด้านเอลิซาเบธ นิวแมนน์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิในคณะบริหารของทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “รีไลเอเบิล ซอร์ส” ของซีเอ็นเอ็นว่า การเอ่ยอ้างกฎอัยการศึกอาจปลุกเร้าให้กองเชียร์ทรัมป์ เช่น กลุ่มคนขาวเป็นใหญ่ ติดอยู่กับความเชื่อว่า มีการโกงการเลือกตั้งและมองว่า เป็นสัญญาณให้ออกไปก่อความรุนแรง ซึ่งจะทำให้ต้องใช้กฎอัยการศึกจริงๆ

(ที่มา : เอเอฟพี, ซีเอ็นเอ็น)

(ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 1 ก.พ. 2017) ไมเคิล ฟลินน์ ขณะที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว
กำลังโหลดความคิดเห็น