“ไบเดน” คืนสนามเลือกตั้งช่วยสมาชิกเดโมแครตหาเสียงชิงตำแหน่งวุฒิสมาชิกรอบตัดสินที่รัฐจอร์เจีย ขณะที่ผู้นำรีพับลิกันในสภาสูงแสดงความยินดีกับว่าที่ประธานาธิบดี และว่าที่รองประธานาธิบดี พร้อมส่งสัญญาณชัดเจนไม่ให้วุฒิสมาชิกรีพับลิกันร่วมผลักดันค้านผลการเลือกตั้งในประชุมร่วมรัฐสภาต้นปีหน้า อย่างไรก็ตาม ด้านทรัมป์ยังพยายามยื้อต่อ โดยมีข่าวว่าเขากำลังชั่งใจตั้งที่ปรึกษากฎหมายพิเศษเพื่อเปิดการสอบสวนคดีภาษีลูกชายไบเดน รวมทั้งคดีที่เขากล่าวหาอย่างไร้หลักฐานว่ามีการโกงเลือกตั้งมโหฬาร
ในวันอังคาร (15) หรือ 1 วันหลังได้รับการรับรองชัยชนะจากคณะผู้เลือกตั้ง โจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ กลับสู่แคมเปญหาเสียงอีกครั้งด้วยการไปปราศรัยที่จัดแบบให้คนมาฟังนั่งอยู่ภายในรถ เรียกร้องให้ชาวรัฐจอร์เจียลงคะแนนให้สองผู้สมัครของพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกในวันที่ 5 มกราคม
ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ปรากฏว่าคะแนนของคู่แข่งขันชิงเก้าอี้ ส.ว.ของรัฐนี้ทั้ง 2 ตัวมีคะแนนคู่คี่จนอยู่ภายในกรอบซึ่งกฎหมายของรัฐนี้กำหนดให้ต้องจัดการเลือกตั้งกันใหม่เพื่อตัดสิน
หากเดโมแครตชนะเรียบที่จอร์เจียได้ ส.ว.เพิ่มมาอีก 2 คน จะทำให้มีจำนวนวุฒิสมาชิกเท่ากันกับรีพับลิกัน คือ 50 ต่อ 50 คน แต่เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญ รองประธานาธิบดีเป็นประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง จึงทำให้เดโมแครตสามารถกลายเป็นผู้ครองเสียงข้างมาก ไม่เช่นนั้นแล้ว รีพับลิกันก็จะเป็นผู้กุมสภาสูงเอาไว้ต่อไป ซึ่งจะสร้างความลำบากให้แก่การบริหารงานและการผลักดันนโยบายสำคัญๆ ของคณะบริหารไบเดน
เช้าวันเดียวกันนั้น มิตช์ แม็กคอนเนลล์ ผู้นำรีพับลิกันในวุฒิสภา ได้ออกมาแสดงความยินดีต่อไบเดน และว่าที่รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส เป็นครั้งแรก พร้อมส่งข้อความชัดเจนถึงโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ว่า คณะผู้เลือกตั้งประกาศรับรองผลการเลือกตั้งแล้ว
แม็กคอนเนลล์ยังกดดันให้วุฒิสมาชิกรีพับลิกันคนอื่นๆ งดเข้าร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดียวกันบางคนที่อาจพยายามคัดค้านผลการเลือกตั้งระหว่างการประชุมรัฐสภาวันที่ 6 มกราคมเพื่อรับรองการโหวตของคณะผู้เลือกตั้งเมื่อวันจันทร์ (14)
ความพยายามดังกล่าวค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า ไม่มีทางประสบความสำเร็จ เพราะต้องได้รับอนุมัติจากทั้งสองสภา ซึ่งรวมถึงสภาล่างที่เดโมแครตครองเสียงข้างมากอยู่
ทางด้านไบเดนเปิดเผยก่อนบินไปจอร์เจียว่า ได้คุยโทรศัพท์กับแม็กคอนเนลล์แล้ว และเสริมว่า แม้เห็นต่างกันในหลายประเด็น แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่สามารถร่วมมือกันได้ โดยเขาและแม็กคอนเนลล์ตกลงพบกันเร็วๆ นี้เพื่อหารือส่วนที่จะทำงานร่วมกัน
นอกจากนั้น ภายหลังการรับรองชัยชนะของไบเดน โดยคณะผู้เลือกตั้งประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ประกาศว่า พร้อมร่วมมือกับว่าที่ประธานาธิบดีใหม่ของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับผู้นำต่างชาติที่เป็นพันธมิตรกับทรัมป์ อาทิ ประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารูของบราซิล และแอนเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ของเม็กซิโก ที่เพิ่งออกมาแสดงความยินดีกับไบเดน
กระนั้น ทรัมป์เองยังไม่ยอมแพ้และทวิตกล่าวหาเรื่องการโกงการเลือกตั้งไม่เลิก แม้ไม่มีหลักฐานและถูกศาลในหลายรัฐ รวมถึงศาลสูงสุดของอเมริกา ปฏิเสธคำร้องก็ตาม
ล่าสุด สำนักข่าวเอพีรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่หลายคนในคณะบริหาร รวมทั้งสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนที่ใกล้ชิดกับทำเนียบขาวว่า ทรัมป์กำลังปรึกษากับมาร์ก มีโดว์ส ปรธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว, แพต ซิโพลโลน ที่ปรึกษากฎหมายของทำเนียบขาว และพันธมิตรอื่นๆ เรื่องการแต่งตั้งที่ปรึกษากฎหมายพิเศษ เพื่อมาผลักดันการสอบสวนคดีภาษีของฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของไบเดน รวมทั้งยังต้องการแต่งตั้งที่ปรึกษากฎหมายพิเศษอีกคนมาดำเนินการเกี่ยวกับคดีที่ทรัมป์กล่าวหาว่ามีการโกงเลือกตั้งอีกด้วย
เอพียังรายงานว่า ทรัมป์กำลังชั่งใจระหว่างกดดัน เจฟฟรีย์ โรเซน ที่กำลังจะเข้ารักษาการตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรมแทนวิลเลียม บาร์ ในสัปดาห์หน้า ให้แต่งตั้งที่ปรึกษากฎหมายพิเศษดังกล่าว หรือไม่ทรัมป์ก็จะหาคนอื่นที่พร้อมรับคำสั่งของตนมารักษาการตำแหน่งนี้แทนโรเซนถ้าจำเป็น ทรัมป์ยังถึงขั้นปรึกษาทีมทนายความ ซึ่งรวมถึงรูดี้ จูเลียนี ทนายความส่วนตัว ว่าประธานาธิบดีมีอำนาจแต่งตั้งที่ปรึกษากฎหมายพิเศษเองโดยไม่ผ่านกระทรวงยุติธรรมหรือไม่
บรรดาผู้ช่วยของทรัมป์เชื่อว่า การสอบสวนของที่ปรึกษากฎหมายพิเศษ จะก่อกวนคณะบริหารของไบเดนตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทำงานด้วยซ้ำ และยังทำให้ไบเดนไม่สามารถหยุดยั้งการสอบสวนได้ง่ายๆ แม้เข้ารับตำแหน่งแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการตัดสินใจเรื่องนี้ นอกจากนั้น ทรัมป์ยังอาจผิดหวังหากต้องการให้โรเซนแต่งตั้งที่ปรึกษากฎหมายพิเศษ เนื่องจากเขาแสดงจุดยืนแน่วแน่ตั้งแต่แถลงในรัฐสภาปีที่แล้วก่อนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยยุติธรรมว่า จะไม่ยอมอยู่ใต้แรงกดดันทางการเมืองจากทำเนียบขาวหรืออิทธิพลทางการเมืองใดๆ ก็ตาม
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)