‘ไบเดน’ อัด ‘ทรัมป์’ ไม่เคารพเจตนารมณ์ประชาชน หลังได้คณะผู้เลือกตั้งโหวตรับรองชัยชนะเป็นทางการ

‘ไบเดน’ เหน็บ ‘ทรัมป์’ ไม่เคารพเจตนารมณ์ของประชาชน หลักนิติธรรม และรัฐธรรมนูญ หลังได้รับการรับรองชัยชนะจากคณะผู้เลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันจันทร์ (14 ธ.ค.) อย่างไรก็ดี ตัวอดีตพิธีกรเรียลิตีโชว์จอมกร่างเอง ยังทวีตยืนยันว่า ตนถูกปล้นชัยชนะ และหวังพึ่งรัฐสภาสหรัฐฯเป็นทางออกสุดท้าย ทว่า พวกสมาชิกรีพับลิกันหลายคนประกาศเลิกสนับสนุน แถมแนะทรัมป์มูฟออนดีกว่าหาเรื่องผิดพลาดซ้ำในคองเกรส

คณะผู้เลือกตั้งที่เป็นตัวแทนจากรัฐต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ ได้ลงมติด้วยเสียงข้างมาก เลือก โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป ซึ่งเท่ากับเป็นการประกาศรับรองชัยชนะของไบเดนในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนอย่างเป็นทางการ

วันเดียวกันนั้น ไบเดนได้กล่าวปราศรัย โจมตี โดนัลด์ ทรัมป์ ยาวเหยียดครั้งแรกนับจากการเลือกตั้ง โดยระบุว่า ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันที่กำลังจะพ้นตำแหน่งผู้นี้ตลอดจนพวกผู้สนับสนุนของเขา ปฏิเสธที่จะเคารพเจตนารมณ์ของประชาชน หลักนิติธรรม และรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ ไบเดนกำลังพาดพิงถึงการฟ้องร้องต่อศาลต่างๆ ของพรรครีพับลิกัน ที่มีทรัมป์คอยผลักดันสนับสนุน เพื่อหวังเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งในรัฐสำคัญๆ หลายๆ รัฐ ก่อนที่จะปิดฉากด้วยการถูกปฏิเสธโดยมติเอกฉันท์จากศาลสูงสุดเมื่อวันศุกร์ (11) ที่ผ่านมา

อดีตรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ตั้งข้อสังเกตว่า คะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งที่ตนชนะ 306-232 คะแนนครั้งนี้ เท่ากับทรัมป์ในการเลือกตั้งปี 2016 ซึ่งเหล่าสมาชิกพรรครีพับลิกันเคยกู่ร้องว่า เป็นชัยชนะชนิดถล่มทลาย

ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งดังกล่าว ทรัมป์ เอาชนะ ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตในการลงคะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง แต่แพ้ป็อปปูลาร์โหวตเกือบ 3 ล้านคะแนน ขณะที่ปีนี้ไบเดนชนะป๊อปปูลาร์โหวตกว่า 7 ล้านคะแนน

ไบเดนยังยกย่องชาวอเมริกันที่ออกไปใช้สิทธิอุ่นหนาฝาคั่งเป็นประวัติการณ์แม้กังวลกับโควิด-19 และท่ามกลางความกดดันทางการเมืองอย่างรุนแรง การล่วงละเมิดทางวาจา และการข่มขู่ใช้ความรุนแรง ซึ่งตอกย้ำว่า ประชาธิปไตยของอเมริกาสามารถยืนหยัดต้านทานการใช้อำนาจโดยมิชอบของทรัมป์

“เพลิงแห่งประชาธิปไตยได้ถูกจุดขึ้นในประเทศชาตินี้เป็นเวลายาวนานมาแล้ว และมาถึงเวลานี้เราก็ได้ทราบว่า ไม่มีอะไร ไม่แม้กระทั่งโรคระบาดใหญ่หรือการใช้อำนาจอย่างมิชอบ จักสามารถดับเพลิงนี้ได้” ไบเดนกล่าว

“ประชาธิปไตยของเรา แม้ถูกผลักดัน ถูกทดสอบ และถูกคุกคาม แต่ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีความหยุ่นตัว เป็นของจริง และมีความแข็งแกร่ง”

ไบเดนที่จะสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของอเมริกาในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า ยังชักชวนให้ชาวอเมริกันที่มีความเห็นขัดแย้งคนละขั้วร่วมมือกันเพื่อสร้างประเทศที่ดีขึ้น

ขณะเดียวกัน แม้เมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์ประกาศว่า จะเก็บของออกจากทำเนียบขาว หากคณะผู้เลือกตั้งโหวตเลือกไบเดน แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ เขากลับยืนกรานว่า ตัวเองถูกปล้นชัยชนะ โดยทวีตเมื่อวันจันทร์ว่า มีการโกงการเลือกตั้งขนานใหญ่ และยังประกาศว่า การรับรองผลการเลือกตั้งถือเป็นอาชญากรรมที่ต้องถูกลงโทษ

การประกาศรับรองชัยชนะของไบเดนของคณะผู้เลือกตั้งทำให้ความหวังในการพลิกสถานการณ์ของทรัมป์แทบไม่หลงเหลือหนทางอะไรอีก กระนั้นเขายังตั้งตารอโอกาสสุดท้าย ซึ่งก็คือการโน้มน้าวรัฐสภาไม่ให้รับรองผลการโหวตของคณะผู้เลือกตั้งระหว่างการประชุมร่วมนัดพิเศษของทั้งสองสภาในวันที่ 6 มกราคม ถึงแม้ความพยายามเช่นนี้ถูกมองว่าไม่มีทางประสบความสำเร็จ เนื่องจากจะต้องได้เสียงข้างมากสนับสนุนจากทั้งสองสภา โดยที่เวลานี้สภาล่างนั้นพรรคเดโมแครตเป็นฝ่ายครองเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ส่วนในสภาสูงแม้ควบคุมโดยรีพับลิกัน แต่ขณะนี้สมาชิกจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ประกาศไม่เอาด้วยกับการเล่นเกมเช่นนี้

หนึ่งในนั้นคือ วุฒิสมาชิก จอห์น ทูน ผู้นำอันดับ 2 ของรีพับลิกันในวุฒิสภา ที่กล่าวว่า แม้สมาชิกรัฐสภามีสิทธิท้าทายการโหวตของคณะผู้เลือกตั้ง แต่เขาเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่อเมริกาจะก้าวไปข้างหน้า และสำทับว่า ความพยายามดังกล่าวมีแนวโน้มได้รับการสนับสนุนน้อยมาก

จอห์น คอร์นิน วุฒิสมาชิกเก่าแก่ของรีพับลิกันอีกคน เห็นด้วยว่า ความพยายามดิ้นเฮือกสุดท้ายในสภาของทรัมป์รังแต่จะกลายเป็นความผิดพลาดมหันต์ และย้ำว่า ถึงเวลาแล้วที่ทรัมป์จะตระหนักว่า แม้พยายามถึงที่สุดแต่ก็อาจล้มเหลวได้ เพราะการเลือกตั้งย่อมต้องมีผู้ชนะและผู้แพ้

คอร์นินยังแสดงความหวังว่า จะมีการถ่ายโอนอำนาจจากทรัมป์สู่ไบเดนอย่างราบรื่น

ทั้งนี้ วุฒิสมาชิกรีพับลิกันคนอื่นๆ ที่ยอมรับไบเดนในฐานะว่าที่ประธานาธิบดีอย่างเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ยังรวมถึง ลินด์ซีย์ เกรแฮม พันธมิตรที่ภักดีต่อทรัมป์, ร็อบ พอร์ตแมน, รอย บลันต์ และ เชลลี มัวร์ คาปิโต

(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)