ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -กำลังจะก้าวข้ามศึกม็อบได้ หลังม็อบคณะราษฎร 2563 ออกอาการแผ่วปลาย อีนุงตุงนังกับปัญหาภายในที่แนวทางสะเปะสะปะเป็นไม้หลักปักขี้เลน ประกอบกับกระแสตก ปั่นมวลชนไม่ขึ้นแล้ว แต่กลับมาตกม้าตาย พ่ายแพ้ให้กับโควิด-19 หลังระบาดรอบใหม่ โดยมีศูนย์กระจายเชื้ออยู่ที่ จ.สมุทรสาคร
การระบาดรอบนี้ต้องบอกว่า อาการหนักกว่ารอบแรก เพราะปริมาณผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันพุ่งพรวดแตะหลักร้อยทุกวัน บางวันปาไปครึ่งพันคน ตรงกันข้ามกับการระบาดรอบแรกที่ว่าหนักแล้ว ยังวันละ100 กว่าๆ สูงสุดอยู่ที่ 188 คนต่อวัน
ขณะเดียวกัน การระบาดรอบนี้ดูจะรับศึกได้ยากกว่า เพราะสาเหตุมาจากแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมือง ที่ไม่ได้มีแค่ จ.สมุทรสาคร แต่กระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วประเทศ
ความซวยคือ จุดระเบิดคือแพกุ้ง จ.สมุทรสาคร ที่เป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าอาหารทะเลแห่งใหญ่ แต่ละวันมีผู้เข้าไปรับซื้อ - ขายกุ้ง จากหลายจังหวัด การกระจายตัวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งกว่าจะรู้ว่า มีการติดเชื้อที่ จ.สมุทรสาคร ผ่านไปแล้วหลายวัน เชื้อกระจายไปเป็นวงกว้าง แพร่เชื้อใส่กันไม่รู้กี่ทอดต่อกี่ทอด ยากจะควบคุม คอนโทรล หรือกำหนดได้ว่าจะปิดเคสได้ภายในกี่วัน
การพบการติดเชื้อในประเทศ จากกรณีหญิงสาวชาวไทยลักลอบจากการไปทำงานที่ท่าขี้เหล็ก แล้วต่อมาพบว่ามีเชื้อ จนทำเอาการท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ เชียงราย กลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย
แม้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พยายามใจดีสู้เสือว่า จะสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ แต่ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ ที่โผล่เป็นดอกเห็ดตามต่างจังหวัดต่างๆ ล่าสุด 2 จังหวัดที่เคยบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในรอบแรกอย่าง จ.กำแพงเพชร ชัยนาท ยังถูกตีแตกไปเรียบร้อย โอกาสที่การแพร่เชื้อจะกระจายทั่วทุกจังหวัดแบบรอบแรกมีสูงมาก
เสียงชื่นชมจากความเก่งกาจที่ปราบโควิด-19 ในรอบแรกแบบอยู่หมัด ถูกลืมไปหมดสิ้น เสียงก่นด่ากลับมาอีกครั้ง และน่าจะเสียงดังกล่าวกว่ารอบแรก เพราะรอบนี้การระบาดรอบใหม่เกิดจากแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาที่ลักลอบเข้ามาทำงานใน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่แรงงานเหล่านี้จะเข้าถึงใจกลางประเทศ ประชิดคอหอยชาวกรุงได้ใกล้เท่านี้ หากไม่มีเจ้าหน้าที่บางรายมีส่วนกับการพาเข้ามา
ขณะเดียวกัน จะโทษว่าเป็นความหละหลวมของรัฐบาล ย่อมสามารถตำหนิได้ เพราะช่วงที่ผ่านมามีรายงานมาตลอดว่า ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเมียนมา กำลังเกิดการระบาดอย่างหนัก แต่กลับไม่มีการป้องกันซีนแนวชายแดนให้มิดชิด จนต้องเกิดการระบาดในรอบที่ 2
รัฐอาจอ้างว่า ประเทศไทยมีชายแดนยาวเป็นพันๆ กิโลเมตร ยากที่จะควบคุม แต่ข้อเท็จจริงคือเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดนที่อยู่ในพื้นที่ย่อมรู้ดีว่า จุดไหนเป็นจุดเสี่ยงที่จะมีการลักลอบเข้าเมืองได้ และรู้ดีว่า ใครเป็นใครในกระบวนการนี้ ย่อมต้องทำการป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ หากแต่มีการสมรู้ร่วมคิดเพียงเพราะผลประโยชน์ไม่กี่บาท ซึ่งต้องแลกมากับความเสียหายอันใหญ่หลวงของประเทศ
เรื่องนี้บรรดาโซเชียลมีเดีย ต่างพากันเอาทัวร์ไปลง “เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เพราะความหมั่นไส้เป็นทุนเดิม จากอาการปากดีเหยียดหยันว่า โควิด-19 กระจอก จึงยกให้เป็นแพะในเคสนี้ ทั้งที่โดยข้อเท็จจริงแล้วไม่ค่อยแฟร์ และไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ เพราะหน้าที่หลักๆ ของกระทรวงสาธารณสุขในเรื่องโควิด-19 คือการรณรงค์ให้ความรู้การป้องกันโควิด-19 กับดูแลรักษาคนไข้ที่ป่วยเป็นโควิด-19 หรือจะเรียกว่า เป็นหน่วยงานตามเช็ดตามล้างมากกว่า
หากจะหาแพะให้ถูกตัว ต้องมองไปที่ความรับผิดชอบตามแนวชายแดน ด่านหน้าที่ต้องป้องกันการลักลอบเข้าเมือง ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง แต่ปรากฏว่าทุกคนเงียบกริบ ปล่อยให้ทัวร์ลง“เสี่ยหนู”ไปคนเดียว พร้อมกับโทษแรงงานต่างด้าว ทั้งที่งานนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดัง หากไม่มีนายหน้าพาเข้ามา มีหรือแรงงานพวกนี้จะหลุดรอดมาถึงใจกลางประเทศได้
พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศจะดำเนินคดีหมด ไม่ว่าจะเป็นใคร ใหญ่มาจากไหน แต่ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ได้ยากที่จะลากตัวเลยหากจะทำจริง เพราะเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ หรือแม้แต่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ย่อมต้องรู้จักขบวนการเหล่านี้เป็นอย่างดี ยกเว้นมันจะหยิกเล็บเจ็บเนื้อตัวเอง
งานนี้ถือเป็นงานที่หินที่สุดของ “บิ๊กตู่”เพราะการระบาดหนักกว่ารอบแรกเยอะ อีกทั้งมันเกิดขึ้นในช่วงที่ประเทศยังไม่ได้ฟื้นตัวจากรอบแรก รัฐบาลหวังเอาไว้ชัย โดยจะเอาฤกษ์เอาชัยใช้เทศกาลปีใหม่เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ หลังโครงการคนละครึ่งทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจภายในมันดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อยแต่ตอนนี้ต้องมานั่งลุ้นกันว่า สิ้นปีนี้จะล็อกดาวน์ หรือเคาต์ดาวน์กันดี
หลายจังหวัดขณะนี้ล็อกดาวน์กันไปแล้ว หลังพบผู้ติดเชื้อหลายคน ขณะที่ใจรัฐบาลไม่ต้องการล็อกดาวน์ทั้งหมด เพราะรู้ดีว่า หากตัดสินใจทำแบบนั้น เศรษฐกิจจะพังพินาศกว่าเดิมจากที่ทำท่าจะฟื้นมาได้บ้าง ที่สำคัญ เงินที่ใช้สำหรับช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ใช้ไปเยอะพอสมควรในรอบแรก แม้จะยังมีเหลืออยู่บ้าง แต่แนวโน้มรอบนี้เหมือนต้องช่วยหนักกว่าเดิม เพราะผลกระทบมันมาก
อ่านใจรัฐบาลคงยื้อไปถึงที่สุด และคงไม่คิดล็อกดาวน์ทั้งประเทศ เพราะประเมินแล้ว ล็อกดาวน์ไปก็น่าจะไม่มีอะไรดีขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากโควิด-19 มันแพร่ไปทั่วแล้ว ล็อกดาวน์ไปเศรษฐกิจยิ่งพินาศย่อยยับ
คงฝืนๆ กันไปแบบนี้ และภาวนาให้การระบาดมันลดปริมาณลง