ผู้จัดการสุดสัปดาห์- แตกคอกันไปแล้ว สำหรับคณะราษฎร 2563 ระหว่างแกนนำสายเยาวชนปลดแอก ที่นำโดย “ฟอร์ด”ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี กับแกนนำสายกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่นำโดย“เพนกวิ้น”พริษฐ์ ชิวารักษ์ หลังกลุ่มเยาวชนปลดแอกเผยธาตุแท้ต้องการให้ประเทศเป็นคอมมิวนิวสต์ จนทำเอามวลชนงงเป็นไก่ตาแตก อยากจะโดดออกจากม็อบ
ล่าสุด เพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ตลอดจนแกนนำ ไม่ว่าจะเป็น“เพนกวิน”หรือ“รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ต้องออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ว่าการแสดงออกของเพจเยาวชนปลดแอก เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว ไม่ได้เป็นฉันทามติของคณะราษฎร 2563
กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ต้องรีบตัดเนื้อร้าย เพราะรู้ว่า การชูธงคอมมิวนิสต์คือการขุดหลังฝังม็อบคณะราษฎร เนื่องจากย้อนแย้งต่อข้อเรียกร้องประชาธิปไตย ที่คนส่วนใหญ่ในประเทศไม่เอาด้วย จึงต้องชิงออกแถลงการณ์ก่อนที่มวลชนจะหายมากไปกว่านี้
ต้องย้ำข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต้องลาออก ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบันฯ เอาไว้ให้แน่น เพื่อรักษาแนวร่วม เพราะปัจจุบันการชุมนุมแต่ละครั้งก็หรอมแหรมเต็มที ยังต้องมาเจอลูกแนวร่วมออกทะเล มันจะไปกันใหญ่
ม็อบคณะราษฎร 2563 นั้นรู้ตัวมาสักพักแล้วว่า กระแสม็อบตอนนี้ยากจะจุดติด และอยู่ในสภาวะขาลง จึงพักเบรกรวบหัวรวบหางจะจัดการชุมนุมใหญ่อีกทีในช่วงปีหน้า อ้างว่าหลบให้เทศกาลสอบ และเทศกาลปีใหม่ แต่ความจริงม็อบอยู่ในอาการล้าศึก
ประเด็น 3 ข้อ มันเริ่มไม่เปรี้ยงปร้าง คนเริ่มกลับไปหาเช้ากินค่ำ เพราะประเมินแล้วว่า ถ้าเด็กๆ พวกนี้ยังสู้แบบที่ทำอยู่ ยากที่จะชนะ จึงเริ่มสถาปนาตัวเองเป็นกองเชียร์หน้าจอ แทนกองเชียร์ภาคพื้นที่สนาม
อีกทั้งความหวังที่จะโค่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่เข้มขลัง ห่างไกลความจริงไปเรื่อยๆ หลังจุดเปลี่ยนสำคัญไม่ได้เป็นจุดเปลี่ยน เพราะศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่า การอยู่บ้านพักทหารเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยกองทัพบก
ขณะที่เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พอจะเอามาชำแหละเรียกความสนใจจากกองเชียร์ ไทม์ไลน์ยังอีกไกล คร่าวๆ น่าจะจัดกันได้ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ระหว่างนี้เลยต้องสงบนิ่ง ปล่อยให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ลอยหน้าลอยตาไปก่อน พ้นปีใหม่น่าจะกลับมาเรียกน้ำย่อยกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี หากสังเกตความเคลื่อนไหวของม็อบคณะราษฎรในช่วงพักรบ จะเห็นว่า เด็กๆเริ่มมีการปรับยุทธศาสตร์การต่อสู้ใหม่ โดยเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในช่วงที่ผ่านมา ว่าการดึงฟ้าต่ำแม้จะหวือหวา แต่มีข้อเสียคือ ชนเพดานไว้ ไปต่อไม่ได้ และไม่สามารถเพิ่มแนวร่วมได้ หนำซ้ำยังต้องมานั่งรักษาแนวร่วม
โดยปัจจุบันเริ่มมีการปรับเปลี่ยนประเด็นการต่อสู้ โดยหันไปจับเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในประเทศแทน อย่างเมื่อต้นสัปดาห์ หันมาเกาะกระแสคัดค้านเมืองต้นแบบอุตสาหกรรม ที่เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น มาปักหลักค้างแรมตรงสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล
มีการส่งทีมงานในคณะราษฎรมานอนเฝ้า และดูแลความสงบเรียบร้อยให้กับเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น นอกจากนี้ ยังประกาศผ่านเพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมว่า จะเฝ้าติดตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่าจะทำตามข้อเสนอของเครือข่ายฯ หรือไม่ หากเบี้ยวพร้อมจะส่งมวลชนมากดดัน
รัฐบาลเองก็เริ่มได้กลิ่น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่มาทำหน้าที่มือประสาน เลยรีบเข้ามาตกปากรับคำเครือข่ายฯไว้ก่อน เพื่อต้องการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่ให้ม็อบคณะราษฎรเข้ามาผสมโรง จนยืดเยื้อเป็นเรื่องใหญ่
ประเด็นเรื่องจะนะ ถือเป็นสัญญาณให้พอเห็นแนวทางการต่อสู้ของม็อบคณะราษฎร 2563 ต่อจากนี้ ว่าจะเข้ามาจับเรื่องปากท้องและความเดือดร้อนของประชาชน
หากม็อบคณะราษฎรกลับมาจับเรื่องความเดือดร้อนแบบจริงจัง ถือเป็นสัญญาณน่ากลัวสำหรับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เช่นกัน เพราะเท่ากับว่า ม็อบเริ่มรู้ว่า การเล่นของสูงยากจะสำเร็จ แต่หากขยับมาเพื่อกินข้าวทีละคำ โดยการชูธงขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ตรงนี้ไม่ต้องมาพะวงเรื่องสูญเสียแนวร่วม แต่จะได้แนวร่วมเพิ่ม
3 ข้อเรียกร้องยังอยู่ ไม่ได้ถอย แต่ต้องเปลี่ยนวิธีการต่อสู้ เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ เหมือนกับที่มีหลายฝ่ายเคยประเมินว่า หากในช่วงที่ม็อบยังพีคๆ ไม่ได้ก้าวล่วงสถาบันฯ แต่จับจุดแค่กดดันและไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เผลอๆ สถานการณ์ในปัจจุบันอาจไม่เป็นแบบนี้
“บิ๊กตู่”อาจกำลังเครียดอยู่กับแรงกดดัน แต่สาเหตุวันนี้ที่ยังยิ้มแป้นอยู่บนตึกไทยคู่ฟ้าได้ ก็เพราะว่าม็อบทำตัวเอง ไปจาบจ้วงเบื้องสูงที่คนส่วนใหญ่ในประเทศรับไม่ได้ เลยเป็นแรงส่งให้เก้าอี้ยังเหนียว
ดังนั้น หากม็อบไปจับเรื่องการตรวจสอบการทุจริตในรัฐบาล หรือการไปไล่บี้ประเด็นปัญหาในสังคมที่อยู่ในกระแส และยังไม่ได้รับการแก้ไข เป็นปัญหาเดิมๆ ที่เกิดจากน้ำมือภาครัฐ ตรงนี้อาจกระพรือกระแสกลับมาอีกครั้งได้
ดูอย่างตอนคดี “บอส”วรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจสน.ทองหล่อ ตาย แล้วจะลอยนวล พอเรื่องแดงขึ้นมา สังคมรับไม่ได้ เกิดอิมแพ็กถาโถมพุ่งตรงใส่รัฐบาลแบบรุนแรง หากม็อบมาจับปัญหาเหล่านี้อาจมีลุ้นมากกว่า
อาศัยจับประเด็นปัญหาที่อยู่ในกระแส โทษภาครัฐที่ล้มเหลวในการแก้ เลี้ยงกระแสไปเรื่อยๆ จนถึงวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ให้ส.ส.ฝ่ายค้าน ไปชำแหละ แล้วมารับลูกต่อนอกสภา รัฐบาลอาจเหนื่อยกว่าที่เคยเจอ
เป็นแนวทางที่ม็อบราษฎรน่าจะยึดตามนี้ในศึกปีหน้า.