ม็อบ 3 นิ้ว สารพัดชื่อ เริ่มต้นมาตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม ชุมนุมแบบมาเย็นกลับดึกประกาศชัยชนะทุกครั้ง ยกระดับการชุมนุมขึ้นทุกคราว จู่ๆ ก็ลดระดับแบบกะทันหัน ประกาศยุติการชุมนุมโดยไม่แจ้งสาเหตุ ทำเอากองเชียร์หน้าคีย์บอร์ด จอสมาร์ทโฟนตั้งตัวไม่ติด
เหมือนเครื่องบินที่กำลังไต่เพดานบินสูงขึ้นไป ทันใดนั้น กัปตันก็ลดเพดานบินหักหัวลงโดยไม่บอกกล่าว ทำเอาผู้โดยสารหัวคะมำเกือบตกเก้าอี้กันทั้งลำ
แม้เจ้าของม็อบจะแจ้งผ่านหน้าเพจว่า ยุติการชุมนุมสำหรับปี 2563 แล้วจะกลับมาอีกแบบเข้มข้นกว่าเดิมปีหน้า แต่ปรากฏการณ์ที่จำนวนผู้มาร่วมชุมนุมถดถอยน้อยลงอย่างต่อเนื่อง การชุมนุมที่ไร้ทิศทาง ความแตกแยกกันภายในระหว่างแกนนำสายต่างๆ การทะเลาะเบาะแว้งกันของกลุ่มการ์ด กระแสต่อต้านที่เข้มข้นขึ้นจากพลังเงียบทั้งในโลกออฟไลน์ และออนไลน์ การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง สิ่งเหล่านี้ทำให้บรรดาแกนนำม็อบเคว้งคว้าง ไม่รู้จะไปทางไหนดี ประกอบกับเจ้าของม็อบที่มีภารกิจลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง อบจ.ถูกประณามขับไล่ในหลายๆ จังหวัด ว่าเป็นคนหนักแผ่นดิน
การประกาศยุติการชุมนุม จึงเป็นบันไดลงที่บรรดาแกนนำจำใจต้องเลือก เพราะม็อบเดินหน้าต่อไปไม่ได้แล้ว ถึงแม้ว่า ข้อเรียกร้อง 3 ข้อ หนึ่งความฝันยังไม่ได้เลยสักข้อ อาจจะพออ้างได้ว่า ทำให้เกิดการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ก็เป็นการแก้ตามร่างของพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน ไม่ใช่ตามร่างไอลอว์
ความจริงม็อบ 3 นิ้ว ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาผู้ที่เป็นผู้นำทางความคิดในโลกโซเชียลโลยีอยู่พอสมควรทั้งแบบเปิดเผย และแบบอีแอบ คนอย่าง ส.ศิวรักษ์ ผู้บริหารกลุ่มการเงินเกียรตินาคิน บรรยงค์ พงษ์พานิช นักประดิษฐ์ถ้อยคำสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่อ่อนโลกอย่าง นิ้วกลม ผู้นำเอ็นจีโอที่ต้องการเกาะรถไฟขบวนนี้ ไปจนถึงนักแสดง นักร้อง ที่ใช้กระแสม็อบมาสร้างยอดไลค์ ยอดแชร์ รวมทั้งสื่อหลายๆสำนัก ทั้งสื่อเก่า สื่อใหม่ ที่ให้พื้นที่เสนอข่าวการชุมนุมทุกครั้ง มากกว่าม็อบทุกม็อบที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวทีวีสาธารณะรายหนึ่งถึงกับทำตัวเป็น influencer โฆษณาชวนเชื่อแบบเนียนๆ ผ่านเพจของตัวเอง
แต่กระแสเหล่านี้วนเวียนอยู่ในโลกออนไลน์ ปนๆ ไปกับกระแสจัดตั้ง หรือยอดแชร์ ยอดรีทวีตที่ถูกปั่นให้สูงทะลุหลักล้านด้วยระบบอัตโนมัติ หรือ “บ็อต” ไม่สามารถแปรให้เป็นจำนวนคนที่มาร่วมการชุมนุมกันบนท้องถนนได้ จำนวนผู้ชุมนุมที่สื่อของเจ้าของม็อบพาดหัวว่า “พรึ่บ” ทุกครั้ง สูงสุดไม่เกิน 2 หมื่น แล้วก็ลดลงมาเรื่อยๆ เหลือหลักพัน หลักร้อยก็เคยมี การชุมนุมครั้งหลังๆ ต้องเกณฑ์คนเสื้อแดงมาร่วมด้วย และถึงขนาดต้องอิงลัทธิคอมมิวนิสต์ด้วยหวังจะดึง “ชนชั้นกรรมาชีพ” มาร่วมด้วย แต่ก็ได้เพียง “ไรเดอร์” มอเตอร์ไซค์ส่งอาหารตามสั่งร้อยกว่าคนเท่านั้น
ความผิดพลาดอย่างมหันต์ของม็อบ 3 นิ้ว คือ ประเมินความศรัทธาของคนไทยที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ต่ำเกินไป การใช้ถ้อยคำที่รุนแรง หยาบคาย จาบจ้วงในที่ชุมนุม การยื่นหนังสือต่อสถานทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย เป็นการเหยียบย่ำศรัทธาของคนไทยทั้งประเทศ
ปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นมา พลังของผู้จงรักภักดีถูกจุดขึ้นทั่วประเทศ พร้อมๆ กับ แนวรบในโลกโซเชียล เป็นการประกาศให้รู้ว่า คนไทยส่วนใหญ่พร้อมจะออกมาปกป้องสถาบันอันเป็นที่รักและเคารพ ในขณะเดียวกัน ความผิดพลาดของเจ้าของม็อบ ที่ส่ง “รุ้ง” ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ไปดีเบตเรื่อง สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ กับอานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ในรายการ ถามตรงๆ กับจอมขวัญ ทางไทยรัฐทีวี เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ทำให้ประเด็นเรื่องสำนักงานทรัพย์สินฯ ดับสนิทหายไปเลย
ม็อบ 3 นิ้ว เริ่มนับถอยหลังตั้งแต่นั้นมา
ท่าทีของรัฐบาล เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ม็อบ 3 นิ้วแผ่วลงเรื่อยๆ ความอดกลั้น ไม่ใช้กำลังแม้จะถูกยั่วยุ โดยการใช้คำพูด ข้อความที่รุนแรงหยาบคายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้ม็อบ 3 นิ้วไม่สามารถปลุกระดมให้คนออกมาชุมนุมมากกว่านี้ได้ การใช้วิธีตามไปจับแกนนำทีหลัง จับแล้วปล่อย ดูเหมือนจะเป็นการอ่อนข้อ แต่ในความเป็นจริง เป็นการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งคดีต่างๆ ของบรรดาแกนนำ รวมทั้งคดีตามมาตรา 112 ได้เริ่มต้นนับหนึ่งแล้ว และจะส่งผลต่อชีวิตของแกนนำที่ถูกดำเนินคดีตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป
พรรคอนาคตใหม่ ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เพราะกู้เงิน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค 191 ล้านบาท เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรค ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี อีก 5 วันต่อมา เกิดม็อบ “รวมพลังธรรมศาสตร์ ทวงคืนอนาคต” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต แต่การระบาดของโควิดทำให้กระแสม็อบในตอนนั้น ต้องยุติลง
ภายหลังจากสถานการณ์โควิด เริ่มอยู่ในการควบคุมการล็อกดาวน์ถูกผ่อนคลาย ม็อบ 3 นิ้วถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง ในนามเยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และอีกหลายๆ ครั้งต่อเนื่องกัน ข้อเรียกร้องที่ให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก ให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ ลดอำนาจ ส.ว.ในตอนแรก มีการเพิ่มข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ที่พุ่งเป้าตรงไปที่สถาบันพระมหากษัตริย์โดยตรง และหลังจากนั้นม็อบ 3 นิ้ว ก็มุ่งโจมตีสถาบันเป็นหลัก สอดคล้องกับอุดมการณ์ของแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งหลังจากถูกยุบพรรคได้ก่อตั้งคณะก้าวหน้า ขึ้นมาเคลื่อนไหวทางการเมือง
วาทกรรมของฝ่ายซ้าย ซึ่งม็อบ 3 นิ้วหยิบยืมมาใช้อยู่เสมอ มีข้อหนึ่งที่ว่า การต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม ความถูกต้อง จะประสบชัยชนะในที่สุด
ใช่หรือไม่ว่า ม็อบ 3 นิ้วสู้เพื่อเจ้าของม็อบที่ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้สู้เพื่อความถูกต้อง จึงปิดฉากลงในเวลาอันแสนสั้น