ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
และ Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ผมในฐานะครูสอนสถิติศาสตร์และสอนการวาดภาพนิทัศน์จากข้อมูล (Data visualization) ต้องขอขอบคุณอดีตพรรคอนาคตใหม่หรือคณะก้าวหน้า และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ทำให้ผมมีตัวอย่างอันชัดเจนเพื่อประกอบการสอนในหัวข้อการโกหกด้วยสถิติและกราฟ (How to lie with statistics and graph) ซึ่งผมสอนให้นักศึกษาที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ อยู่แล้วเป็นปกติ
ผมสอนนักศึกษาว่า สถิติ สามารถนำไปใช้โกหกให้คนที่ไม่มีความแตกฉานทางสถิติหรือข้อมูล (Data and statistical literacy) ได้อย่างง่ายดาย และบิดไปมานิดเดียวก็โกหกได้แล้ว ที่สอนนักศึกษาเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์อยู่สองอย่าง อย่างแรกคือให้นักศึกษาจับการโกหกด้วยกราฟหรือสถิติได้ จะได้เป็นผู้ตื่นรู้และเท่าทัน อย่างที่สอง คือ สอนว่าอย่าทำเช่นนี้ ต้องมีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพตนเองไม่ว่าจะเป็นนักสถิติหรือนักวิทยาการข้อมูลก็ตาม ก็ได้สอนเช่นนี้มาโดยตลอด และคิดไตร่ตรองก่อนสอน อาจจะเป็นเรื่องคุณธรรม/จริยธรรมในวิชาชีพที่ผมได้สอนอย่างเน้นแล้วเน้นอีกตาม มคอ หรือผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง (Expected learning outcome) ด้านคุณธรรมหรือจริยธรรม ตามแนวคิดของ กระทรวง อว ที่ผมย้ำแล้วย้ำอีก
การโกหก โคตรของการโกหก และสถิติ สามคำนี้มาจากภาษาอังกฤษ คือ Lie, damn line, and statistics ว่ากันว่าคำนี้มาจาก Benjamin Disraeli รัฐบุรุษชาวอังกฤษ แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันมากว่าใครกันแน่ที่เป็นคนคิดคำพูดนี้เป็นคนแรก แต่นั่นก็ไม่ใช่สาระสำคัญ สาระสำคัญคือสถิติถ้าจงใจเอาไปใช้อย่างผิดๆ (Misuse of statistics) ก็จะกลายเป็นขั้นสูงสุดของการโกหก คือการโกหกด้วยสถิติ
Darell Huff นักหนังสือพิมพ์ชื่อดังได้เขียนหนังสือ How to lie with statistics อันกลายเป็นหนังสือคลาสสิกที่ได้รับการยอมรับในวงวิชาการสถิติศาสตร์มายาวนานกว่า 70-80 ปี แล้ว ตีพิมพ์ไปนับครั้งไม่ถ้วน และมีคนแปลเป็นหนังสือภาษาไทยแล้วเช่นกัน
ว่าด้วยการโกหกนั้น Frank Abagnale จอมต้มตุ๋นบรรลือโลก ได้เขียนหนังสือ Catch me if you can เอาไว้และได้เอามาทำเป็นภาพยนตร์อันโด่งดัง Frank ได้สอนเคล็ดลับในการโกหกที่สมบูรณ์แบบเอาไว้ว่า วิธีการโกหกที่ได้ผลแยบยลดีที่สุด คือให้เชื่ออย่างหมดหัวใจว่าเรื่องที่ตนเองโกหกนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น หมายความว่าการจะโกหกให้ได้แยบยลได้ผลดีที่สุดนั้น ต้องโกหกหลอกลวงตนเองให้เชื่อในสิ่งที่ตัวเองโกหกหลอกลวงว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมดอย่างหมดจดหมดหัวใจ จึงจะสามารถโกหกได้อย่างแนบเนียน
วันนี้ผมได้เห็นว่าคณะก้าวหน้าและธนาธร ได้บูรณาการหลอมรวมวิธีการโกหกด้วยสถิติอันเป็นการโกหกขั้นสูงสุดและวิธีการโกหกให้แนบเนียนแยบผลที่สุดคือการโกหกตนเองให้ได้สมบูรณ์และหลอกตัวเองว่าสิ่งที่โกหกนั้นเป็นจริง ทั้งนี้การแถลงข่าวของคณะก้าวหน้าและธนาธรได้ใช้ทั้งสองวิธีการอย่างน่าทึ่งและคนไทยตลอดจนนักวิชาการทางสถิติศาสตร์และวิทยาการข้อมูลควรจะได้เรียนรู้ไว้ให้แตกฉานถ่องแท้
เรามาฟัง/อ่านและวิเคราะห์การแถลงข่าวยอมรับความพ่ายแพ้การเลือกตั้งท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2563 อย่างราบคาบของคณะก้าวหน้าหรืออนาคตใหม่ ที่แถลงไว้ว่า
นายธนาธร กล่าวว่า แต่แม้จะไม่ได้ตำแหน่งนายก อบจ. ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ประสบความสำเร็จใดๆ เลย เราได้รับคะแนนทั้งหมด 2,670,798 คะแนน ซึ่งตนขอขอบคุณทุกคะแนนและความไว้วางใจที่ทุกคนมอบให้ นอกจากนี้ ยังช่วงชิงตำแหน่ง ส.อบจ.ได้ทั้งหมด 57 ที่นั่ง ใน 20 จังหวัด และยังมีส่วนร่วมผลักดันให้สังคมไทยได้รับรู้ถึงความสำคัญของ อบจ. ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ บ่งบอกว่า คณะก้าวหน้าไม่ได้รับความนิยมลดลงเมื่อเทียบกับสมัยพรรคอนาคตใหม่ ในการเลือกตั้งทั่วไป มี.ค. 2562 มีผู้มาใช้สิทธิใน 42 จังหวัด 19.6 ล้านคน พรรคได้รับคะแนนรวมกันกว่า 3.18 ล้านคะแนน ส่วนการเลือกตั้งวานนี้ มีผู้มาใช้สิทธิ 15.7 ล้านคน มีผู้เลือกเรา 2.6 ล้านคน แม้คะแนนดิบดูจะน้อยลง แต่เมื่อเทียบสัดส่วนของคะแนนแล้ว จะเห็นได้ว่าในรอบ 1 ปีกว่าที่ผ่านมา คะแนนนิยมของเราไม่ได้ลดลง ดังนั้น คะแนนที่พวกเราได้มา เราจึงมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง |
ซึ่งสามารถรับชมได้จากทาง https://www.youtube.com/watch?v=ozNO6DYNc3w ตั้งแต่นาทีที่ 13 เป็นต้นไปเริ่มมีการโกหกด้วยสถิติและเริ่มมีการหลอกตัวเอง
มีการทำภาพกราฟิกประกอบการโกหกหลอกลวงตัวเองด้วยว่า
หนึ่ง แม้ไม่มีผู้สมัครได้รับเลือกในตำแหน่งนายกอบจ.
สอง แต่ก็ยังมีผู้สมัครได้รับเลือกสมาชิกสภาอบจ 55 คนจา 18 จังหวัด และ
สาม คะแนนจากการเลือกนายกใน 42 จังหวัดทั้งหมด 2,670,798 คะแนน นอกจากนี้
สี่ คณะก้าวไกลและกระผม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยังได้ช่วยเหลือยกระดับคุณภาพความเข้าใจของประชาชน
ข้อความโกหกหลอกลวงตัวเองที่สำคัญมากคือ คณะก้าวหน้าไม่ได้รับความนิยมลดลงเมื่อเทียบกับสมัยพรรคอนาคตใหม่ ในการเลือกตั้งทั่วไป มี.ค. 2562 มีผู้มาใช้สิทธิใน 42 จังหวัด 19.6 ล้านคน พรรคได้รับคะแนนรวมกันกว่า 3.18 ล้านคะแนน ส่วนการเลือกตั้งวานนี้ มีผู้มาใช้สิทธิ 15.7 ล้านคน มีผู้เลือกเรา 2.6 ล้านคน แม้คะแนนดิบดูจะน้อยลง แต่เมื่อเทียบสัดส่วนของคะแนนแล้ว จะเห็นได้ว่าในรอบ 1 ปีกว่าที่ผ่านมา คะแนนนิยมของเราไม่ได้ลดลง
ทั้งยังได้ทำกราฟแท่ง (Bar chart) ประกอบการโกหกด้วยสถิติและการโกหกหลอกลวงตัวเอง เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดรวดร้าวอุรา โดยการพยายามปฏิเสธความพ่ายแพ้และสร้างเรื่องโกหกหลอกลวงให้ตนเองสบายใจหรือไม่ ? หลังจากทำกราฟแท่งก็ได้นำเสนออินโฟกราฟิกแสดงผลว่าจังหวัดใดบ้างที่ได้รับการคัดเลือกสมาชิก อบจ. อย่างละกี่คน
กราฟแท่งด้านล่างนี้มีความผิดปกติหลายประการ
ประการแรก มีการใช้สัดส่วนที่ผิดมาก (Scale distortion) เรียกว่ามีการบิดเบือนการรับรู้ (Perceptual distortion) ดังนี้
คะแนนของคณะก้าวหน้าได้สองล้านหกแสนจากจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 63 ที่มีราวสิบห้าล้านเจ็ดแสนหรือคิดเป็นคะแนนนิยมร้อยละ 14 แต่กราฟแท่งของจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 63 ต้องมีความยาวมากกว่ากราฟแท่งคะแนนของคณะก้าวหน้าอย่างน้อย 15.7 ล้าน/2.6 ล้าน หรือ 100%/17% ซึ่งผมลองใช้ไม้บรรทัดวัดแล้วอย่างไรก็ไม่ถึง ห้าเท่าเป็นแน่แท้ จึงเป็นการจงใจโกหกเพื่อให้ดูว่าคณะก้าวหน้าได้คะแนนเลือกตั้ง 63 สูงกว่าความเป็นจริง
เช่นเดียวกันกับการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2562 กราฟแท่งสีแดง ก็มีสัดส่วนที่บิดเบือน คือคะแนนเลือกตั้งที่พรรคอนาคตใหม่ได้คือ 3.1 ล้าน ส่วนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งปี 2562 เท่ากับ 19.6 ล้านหรือประมาณ 6 เท่า ดังนั้นกราฟแท่งของคะแนนของพรรคอนาคตใหม่ในปี 2562 ก็ต้องมีความยาวเพียงแค่ประมาณ 1 ในหก ของกราฟแท่งผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในปี 2562
นอกจากนี้ จำนวนคะแนนเลือกตั้งคณะก้าวหน้าได้ 2.6 ล้านในปี 2563 ส่วนคะแนนของพรรคอนาคตใหม่ 3.1 ล้านในปี 62 ซึ่งห่างกันประมาณ 5 แสนคะแนน หรือเท่ากับ 1 ในหก แต่กราฟแท่งสีขาวในปี 63 กับกราฟแท่งสีแดงในปี 62 มิได้เป็นสัดส่วนกันเท่ากับ 5 ใน 6 แต่อย่างใด มีการจงใจบิดเบือนสเกลของรูปเพื่อให้ดูว่าคะแนนนิยมตกลงไปเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนัก
เมื่อพิจารณาสัดส่วนที่ได้รับเลือกตั้งในปี 63 ได้คะแนนนิยมร้อยละ 16.98 (ตัวเลขจริง ในรูปอาจจะปัดเศษเป็นร้อยละ 17.00) แต่ความยาวแท่งกราฟคะแนนที่ได้รับเลือกตั้งของคณะก้าวหน้า/ความยาวแท่งกราฟจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมีค่าเท่ากับร้อยละ 21.95 ซึ่งสูงกว่ามาก
เมื่อพิจารณาสัดส่วนที่ได้รับเลือกตั้งในปี 62 พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนนิยมร้อยละ 16.24 แต่ความยาวแท่งกราฟคะแนนที่ได้รับเลือกตั้งของพรรคอนาคตใหม่/ความยาวแท่งกราฟจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมีค่าเท่ากับร้อยละ 23.54 ซึ่งสูงกว่ามาก แสดงว่ามีการโกหกโดยการบิดเบือนสัดส่วนในรูปให้ดูว่าได้รับเลือกตั้งสูงกว่าความเป็นจริง
ผมลองเอาตัวเลขจากกราฟที่คณะก้าวหน้าวาดไว้มากรอกใน Excel แล้ววาดใหม่ได้ดังรูปข้างล่างนี้ จะเห็นได้ชัดเจนว่ามีสัดส่วนที่ผิดเพี้ยนบิดเบือน ทำให้ดูว่าได้คะแนนนิยมมากกว่าความเป็นจริง เพราะสัดส่วนรูปบิดเบือน สเกลรูปกราฟเพี้ยน
ประการที่สอง การบอกแต่ข้อมูลเศษ โดยไม่บอกข้อมูลส่วน หรือบอกแต่ตัวตั้งไม่บอกตัวหาร เป็นการโกหกหรือการพูดความจริงแค่ครึ่งเดียว ดังที่ Facebook page ซึ่งต้องพิสูจน์ ได้เขียนวิจารณ์เอาไว้ว่า
|
ขอเสริมว่าอินโฟกราฟิกแสดงผลว่าจังหวัดใดบ้างที่ได้รับการคัดเลือกสมาชิก อบจ. อย่างละกี่คน ก็ไม่ได้ แสดงตัวหาร แสดงแต่ตัวตั้งเช่นกัน เช่น สมุทรปราการ มีสมาชิกอบจ. ทั้งหมด สมมุติว่า 30 คน ก็แสดงแต่ว่าคณะก้าวหน้าได้มา 1 ตำแหน่ง เลือกตั้งทั่วประเทศมีกี่จังหวัดก็ไม่ได้บอก คณะก้าวหน้าส่งผู้สมัครสมาชิกอบจ. กี่จังหวัดก็ไม่ได้รายงาน บอกแค่ว่าตัวเองได้ 18 จังหวัด
ประการที่สาม นอกจากจะไม่บอกตัวหารแล้ว ยังมีอคติในการเลือกลงสมัคร (Bias) เพราะคณะก้าวหน้าไม่ได้ส่งทุกจังหวัดที่มีการเลือกตั้ง อบจ. แน่นอนว่าคณะก้าวหน้าจะเลือกส่งสมัครในจังหวัดที่ตนเองพอจะมีหวังหรือมีแนวโน้มที่จะชนะ จึงส่งแค่ 42 จังหวัด
จังหวัดที่ไม่ส่งในภาคใต้คือ 9 จังหวัด จาก 14 จังหวัด
จังหวัดที่ไม่ส่งในภาคกลางคือ 10 จังหวัดจาก 22 จังหวัด
แน่นอนว่าคณะก้าวหน้าไม่มีฐานเสียงในภาคกลางและภาคใต้มากนัก จึงเลือกที่จะไม่ส่ง ดังนั้นหากพิจารณาในการเลือกตั้งครั้งหน้าแล้ว ไม่มีทางได้ถึง 6.5 ล้าน เพราะที่ได้มา 17% หรือ 2.6 ล้านนั้นมาจากจังหวัดที่พอจะมีฐานเสียงหรือมีความมั่นใจได้เปรียบในระดับหนึ่ง แต่ถ้าสเกลใหญ่ เช่นเลือกตั้งทั่วไปทั้งประเทศซึ่งรวมกรุงเทพมหานครเข้าไปด้วย โอกาสที่จะได้สัดส่วนสูงถึงร้อยละ 17 จึงเป็นเรื่องยากมาก
คณะก้าวหน้าไม่ชนะคู่แข่งเลยในการเลือกตั้ง สมาชิก อบจ. ในภาคเหนือ 8 จังหวัด ภาคกลาง 11 จังหวัด ภาคใต้ 5 จังหวัด (ส่งห้าจังหวัดแพ้รวดห้าจังหวัด) ภาคตะวันตก 4 จังหวัด ภาคอีสาน 14 จังหวัด
ผมขอตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า คุณธนาธร และคณะก้าวหน้า พูดเสมอว่า พรรคอนาคตใหม่ไม่เกี่ยวกับคณะก้าวหน้า ที่ตนเองไปช่วยหาเสียงอย่างแข็งขัน และน่าจะผิดกฎหมายด้วยที่ทำเช่นนั้น แต่ทำไมเวลาแถลงผลนำกราฟมาเทียบกัน และกล่าวว่าคะแนนนิยมไม่ได้ตกต่ำลงแต่อย่างใด ช่างโกหกได้ย้อนแย้งเหลือเกิน ปากว่าตาขยิบ มือถือสาก ปากถือศีล อย่างชัดเจน
ผมต้องขอขอบคุณคณะก้าวหน้าและคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ได้ยกตัวอย่างการโกหกด้วยกราฟและสถิติและสุดยอดเทคนิคในการโกหกให้แนบเนียนแยบยลที่สุดคือการโกหกตัวเองและเชื่อสนิทใจในสิ่งที่ตัวเองโกหกให้ผมสามารถนำไปเป็นตัวอย่างในการสอนวิชาสถิติและการวาดภาพนิทัศน์จากข้อมูล ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ขอย้ำอีกครั้งว่า "ความจริงเท่านั้นที่มีชัย" อันเป็นคาถาภาษิตบนตราแผ่นดินของประเทศอินเดีย เมื่อคราวประเทศอินเดียได้รับเอกราช โดยใช้รูปแกะสลักสิงโตบนยอดเสาพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งเมืองสารนาถ และคาถาภาษิตนี้กำกับข้างใต้ คาถาภาษิตสันสกฤตนี้เขียนไว้ว่า สัตยเมวชยเต (สันสกฤต: सत्यमेव जयते, Satyameva Jayate)
และท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีสิ่งใดสามารถชนะความจริงได้ ดังพระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงกล่าวกับนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม เอาไว้ว่า “ต้องช่วยกันเอาความจริงออกมา”
Echo chamber ของพรรคอนาคตใหม่ คณะก้าวหน้า ธนาธร ปิยบุตร พรรณิการ์ ตลอดจนคณะราษฎรและม็อบปลดแอก จึงแตกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะมีการบิดเบือนและโกหกหลอกลวงประชาชนเป็นนิจศีล
พุทธศาสนสุภาษิตได้กล่าวไว้ว่า นตฺถิ อการิยํ ปาปํ มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน. (อ่านว่า นัด-ถิ, อะ-กา-ริ-ยัง, ปา-ปัง, มุ-สา-วา-ทิด-สะ, ชัน-ตุ-โน) คนมักพูดมุสา จะไม่พึงทำชั่ว ย่อมไม่มี (ขุ.ธ. ๒๕/๓๘, ขุ.อิติ. ๒๕/๒๔๓) หรือแปลให้ง่ายขึ้นว่า คนโกหก ไม่ทำชั่ว ไม่มี ฉะนี้แล