xs
xsm
sm
md
lg

ประชาธิปไตยยูเอส พังยับคามือทรัมป์

เผยแพร่:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร



หลังลงคะแนนผ่านไปถึง 42 วัน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา (ซึ่งทรงอิทธิพลทางการเมืองอย่างสูงเพราะสามารถจะให้ไฟเขียวแก่ร่างกฎหมายต่างๆ รวมทั้งงบประมาณที่จะผ่านสภาฯ ได้ และประธานอนุมัติการแต่งตั้งระดับรมต.; ทูต และข้าราชการระดับสูงถึง 1,200 คน) คือ ส.ว.ลายครามอาวุโส มิตช์ แมคคอนเนล (จากรัฐเคนตั๊กกี) ได้ออกมากล่าวในวุฒิสภา ยอมรับว่า นายโจ ไบเดน ได้ผ่านการลงคะแนนจาก Electoral College และไบเดนได้คะแนนชนะ 306 เสียงได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดี ส่วนคู่แข่งคือ นายทรัมป์ (ผู้ครองทำเนียบขาวมา 1 สมัย) ได้แค่ 232 เสียงเป็นฝ่ายปราชัย...นับว่าไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ตลอด 250 ปีนี้ ที่สภาใช้เวลายาวนานมากกว่าผู้นำของสภาจะออกมากล่าวยอมรับว่า ไบเดนชนะการเลือกตั้ง เพราะหลังการนับคะแนนทุกใบ (ที่ผ่านการนับเหล่าบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์เป็นเกือบ 100 ล้านใบ) น่าจะมีการออกมายอมรับชัยชนะของไบเดนตั้งแต่ 40 วันก่อนหน้านี้

เนื่องจากเกิดอาการเคลือบแคลงสงสัยในชัยชนะของไบเดน ตามคริปต์ที่ทรัมป์เขียนขึ้นมา ว่าเขาถูกโกงอย่างมหศาล จากการลงคะแนนไพ่ไฟ โดยมีการเปลี่ยนคะแนนของเขาเป็นล้านๆ ใบไปมอบให้ไบเดน ทั้งๆ ที่มีคณะกรรมการนับคะแนนอย่างเคร่งครัดในแต่ละรัฐโดยเฉพาะในรัฐสมรภูมิ ซึ่งเหล่าบรรดาผู้ว่าการรัฐ (ที่ทรัมป์กล่าวหาว่ามีการโกงการเลือกตั้ง) ก็เป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน และออกมาเถียงกับทรัมป์ การลงคะแนนไม่มีการโกงดังที่ทรัมป์กล่าวหา หรือแม้แต่ศาลของรัฐต่างๆ ที่ทรัมป์ตั้งทนายไปร้องเรียน ก็พิจารณาว่าหลักฐานไม่เพียงพอที่จะให้มีการนับคะแนนใหม่ รวมทั้งรมต.ยุติธรรม บิล บาร์ ก็ออกมายืนยันว่า ไม่มีการโกงการเลือกตั้ง; จนทรัมป์กำลังจะไล่บิล บาร์ ออก เขาจึงชิงลาออกอย่างเร่งด่วน

จนทรัมป์ได้ร่วมกับอัยการรัฐเท็กซัสได้ร้องเรียนไปยังศาลสูงสุด (SCOTUS-หรือ Supreme Court of the US.) ให้พิจารณาถึงการโกงการเลือกตั้งใน 4 รัฐสมรภูมิ

ที่หนักข้อคือ มี ส.ส.รีพับลิกันถึง 126 คน ลงชื่อร่วมร้องเรียนไปพร้อมกับอัยการรัฐเท็กซัส ในการยื่นถึง SCOTUS และหนึ่งในนั้นคือ ผู้นำเสียงข้างน้อยของสภาผู้แทนคือ ส.ส.เควิน แมคคาร์ธี ทั้งนี้ ส.ส. 126 คนนี้ กล่าวหาว่าไบเดนโกงการเลือกตั้ง จนมีคนเรียกชื่อผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาล่างว่าเป็นนายแมคคาร์ธี คนที่สอง เพราะคนแรกคือ นายโจเซฟ แมคคาร์ธี อดีต ส.ว.เจ้าปัญหาที่ได้สร้างวีรกรรมให้คนอเมริกันแตกแยกสาหัสช่วงทศวรรษ 1950’s โดยให้คนอเมริกันสอดแนมเพื่อนบ้านว่าใครฝักใฝ่สังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ และเที่ยวป้ายสี ส.ส., ส.ว.กล่าวหากันจนจับคนเข้าคุกมากมาย คนในชาติแตกแยก และในที่สุด อเมริกาก็ตื่นขึ้นมาหลังการปลุกปั่นของนายโจเซฟ จนคนรู้ทัน...และเขาถูกตัดสัมพันธ์ไม่มีเพื่อน, กินเหล้าเมายา และตายอย่างเดียวดาย

ตอนนี้มีขบวนการชาวบูชาคนขาวที่ติดอาวุธหลายกลุ่ม และกำลังถูกทรัมป์ปลุกปั่นให้ออกมาเดินขบวนประท้วงกรณีที่ไบเดนชนะเลือกตั้ง เช่น เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา มีกลุ่มบูชาผิวขาวได้จัดการประท้วงในหลายเมือง มีทั้งกลุ่ม Q-Anon ซึ่งเชื่อในเรื่องบอกเล่าแปลกๆ ว่า ไบเดนให้การสนับสนุนการร่วมเพศกับเด็ก และกำลังทำลายสหรัฐฯ หรือกลุ่ม Proud Boys ซึ่งเป็นเยาวชนติดอาวุธ...พวกเหล่านี้ปฏิเสธไม่ยอมรับว่าไบเดนชนะ และถูกปั่นหัวว่าทรัมป์ถูกปล้นชัยชนะ...ได้ปะทะกับกลุ่มสนับสนุนไบเดน และปะทะกับตำรวจ จนมีการแทงฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บ ต้องส่งรพ.หลายราย

พวกนี้จะตามรังควานขัดขวางการบริหารงานของคณะรัฐมนตรีของไบเดน จนเขาไม่สามารถเดินหน้าในการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่ได้หาเสียงไว้

แม้หลังมิตช์ แมคคอนเนล ประกาศยอมรับไบเดนเป็นว่าที่ปธน.แล้ว แต่ ส.ส./ส.ว. ของพรรครีพับลิกันก็ยังไม่ออกมายอมรับ, มี ส.ส., ส.ว.ไม่ถึง 10 คนของพรรครีพับลิกัน ที่ออกมายอมรับ

จนมีนักวิเคราะห์บางคนเปลี่ยนชื่อพรรครีพับลิกันเป็นรีทรัมป์ลิกัน (ReTrumpican) ไปเสียแล้ว-คือทำทุกอย่างเพื่อทรัมป์ทั้งสิ้น และชาติมาทีหลังพรรค

นาทีนี้ ทรัมป์ก็ยังปักหลักประโคมข่าวว่า เขาถูกโกงเลือกตั้ง ซึ่งบางคนอาจมองว่า เขาคงแก้เกี้ยวเพื่อไม่ให้เสียหน้า...แต่ดูเขาจะขัดขวางไบเดนเต็มที่เพื่อไม่ให้บริหารบ้านเมืองได้เลย เหมือนอย่างที่เขาเคยโหมต่อต้านโอบามามาก่อน ทั้งๆ ที่ในวันนั้น ทรัมป์ยังอยู่นอกวงการการเมือง แต่ด้วยความที่ทรัมป์เป็นคนเหยียดผิวอย่างรุนแรง จึงให้สัมภาษณ์และลงโฆษณาในหน้านสพ.ว่า โอบามาไม่ได้เกิดในแผ่นดินอเมริกา และใช้ทะเบียนใบเกิดปลอมว่าเกิดในอเมริกา เป็นต้น

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ความแตกแยกในสหรัฐฯ ขณะนี้ เหมือนกับเป็นสงครามเย็นกลางเมือง (Cold Civil War) ทีเดียว และคงฉุดไม่ให้สหรัฐฯ ก้าวหน้าต่อไป

บิล บาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น