คนอเมริกันคงจะได้ โจ ไบเดน เป็นผู้นำใหม่ในทำเนียบขาว ถ้าไม่มีอะไรพลิกล็อกหลังจากนี้ และจะได้หญิงผิวสีลูกครึ่งอินเดียและจาเมกาเป็นรองประธานาธิบดี เป็นประวัติศาสตร์ และยังเป็นโอกาสสำหรับประเทศเข้าสู่ยุคปรองดอง ลดความขัดแย้ง
ส่วนโดนัลด์ ทรัมป์ จอมบ้าระห่ำ ยังคงทำใจไม่ได้กับความพ่ายแพ้แบบหมดรูป ขณะที่เจ้าหน้าที่นับคะแนนไม่เสร็จ ทรัมป์ก็ปลีกตัวไปเล่นกอล์ฟ เป็นการคลายเครียด หรือไม่อยากสู้หน้าผู้ใกล้ชิด คนในทำเนียบขาว บริวาร สมาชิกครอบครัว
ในที่สุดก็มีวันนี้สำหรับโดนัลด์ ทรัมป์ นักธุรกิจผู้กลายมาเป็นนักการเมือง ไร้ศีลธรรมจรรยาและคุณงามความดี จริยวัตรของความเป็นมนุษย์ในโลกที่พัฒนาแล้ว ก่อนวันเลือกตั้ง ทรัมป์แสดงตัวให้โลกได้รู้ว่าจะขอเป็น “ขี้แพ้ชวนตี” ไม่ยอมง่ายๆ
ประกาศอย่างไม่อายว่าต่อให้นับคะแนนแพ้ ก็จะดันทุรังสู้จนถึงศาลสูงของรัฐบาลกลาง เพราะในใจของทรัมป์ การต่อสู้ครั้งนี้ต้องชนะ ถ้าแพ้แปลว่าโดนปล้นชัยชนะ คำว่าแพ้ไม่มีอยู่ในคำศัพท์ของทรัมป์ มีแต่ชนะ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
เห็นคะแนนแบหราชัดๆ อย่างนี้อย่างน้อยก็หลายรัฐในช่วงปลายของการนับ ทรัมป์ก็ยังโวยวาย ประกาศตัวเองว่าชนะ ทั้งๆ ที่คะแนนตามหลัง และยังนับไม่เสร็จ จะหาคนแบบนี้ในระดับผู้นำประเทศ คงไม่มีอีกแล้ว ซ้ำเป็นชาติมหาอำนาจด้วย
จะหาคนระดับผู้นำหน้าด้าน หน้าทน อย่างนี้หายาก แต่พอจะมีให้เห็น!
หลังจากไบเดนประกาศชัยชนะ ทีมงานของทรัมป์ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ยอมรับความปราชัย หรือต้องรอให้ทรัมป์ประกาศด้วยตัวเอง มีข่าววงในบอกว่าลูกเขยหัวแก้หัวแหวน จาเร็ด คุชเนอร์ ได้ไปกล่อมให้ทรัมป์ยอมรับความพ่ายแพ้
การทำตัวเป็น “ขี้แพ้ชวนตี” อย่างนี้ รังแต่จะสร้างความอับอายขายหน้าให้บรรดาลูกเมีย เพื่อนฝูง และคนในพรรครีพับลิกัน ซึ่งต้องทนกับความอัปยศร่วมกับทรัมป์ ยิ่งปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไป ก็จะทำให้ทรัมป์ยิ่งดูเลวร้ายมากขึ้น
คนส่วนใหญ่ก็ไม่คาดหวังว่าทรัมป์จะทำใจยอมรับง่ายๆ เพราะความถือดี ไม่ฟังใคร ทำให้คนอเมริกันติดเชื้อโคโรนาไวรัสมากถึง 10 ล้านคน เสียชีวิตเกือบ 2.5 แสนคน ทั้งๆ ที่ในเดือนมีนาคมปีนี้ จำนวนคนติดเชื้อมีเพียง 247 คนเท่านั้น
ใครจะนึกว่าความเลือดเย็นอำมหิตของทรัมป์ คิดแต่เรื่องของตัวเอง จะทำให้คนอเมริกันต้องประสบเคราะห์กรรมมากอย่างนี้ และต้องทนทุกข์กับปัญหาเศรษฐกิจ ความยากลำบาก ต้องตกงาน เพราะความรั้น ถือดีของผู้นำอหังการ
ทรัมป์คงต้องเผชิญชะตากรรมกับคดีฟ้องร้องและความเสื่อมเสียชื่อเสียง เกียรติภูมิ ทำให้ประเทศชาติตกต่ำในสายตาชาวโลก ถ้าไม่รีบหนีออกนอกประเทศ หรือจะดันทุรังอยู่ต่อเพื่อขอเป็นคู่ชิงอีกรอบในอีก 4 ปีข้างหน้านี้ ถ้าไม่ติดคุก
คนทั่วไปคงไม่เห็นใจทรัมป์ นอกจากคนอเมริกันที่เลือกทรัมป์ ซึ่งจะยังขุ่นแค้น ไม่ยอมรับผลเลือกตั้ง ออกมาประท้วงหรือไม่ นั่นต้องรอดู แต่เมื่อคะแนนไม่เฉียดฉิวกันมาก การจะคิดหวังพลิกผลด้วยการนับคะแนนใหม่ ไม่น่าจะเป็นเรื่องง่าย
รังแต่จะทำให้ทรัมป์และครอบครัวต้องอับอายขายหน้า เว้นแต่จะไม่อาย!
ไบเดนแสดงออกให้เห็นถึงความเป็นผู้นำที่ใจกว้าง บอกคนอเมริกันให้ลืมความแตกแยก ขอให้เป็นหนึ่งเดียว แม้จะเป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ไม่ได้หมายความต้องเป็นศัตรูกัน ขอให้ร่วมมือสร้างชาติใหม่ภายใต้บรรยากาศสามัคคีปรองดอง
“ผมรู้ว่าความพ่ายแพ้เจ็บปวด ผมเองก็เคยพ่ายแพ้แบบนี้ 1-2 ครั้งเช่นกัน แต่ถึงเวลาที่ต้องร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูประเทศให้เป็นชาติที่ได้รับการยอมรับอีกครั้ง” นั่นเป็นคำประกาศ แสดงให้เห็นความตัวเองเป็นผู้ชนะ แต่ไม่ได้เป็นเจ้าแค้นอาฆาต
ประการแรกที่ไบเดนทำให้คนอเมริกันมีความหวังก็คือความตั้งใจที่จะจัดการวิกฤตโคโรนาไวรัส ซึ่งทุกวันนี้มีคนอเมริกันติดเชื้อวันละกว่า 1 แสนคน 4 วันติดต่อกัน และอาจจะมากถึง 2 แสนคนในอีกไม่นานจากนี้ คนจะตายมากขึ้น
ถ้าทุกอย่างไม่มีปัญหาทางกฎหมาย กว่าไบเดนจะเข้าทำงานได้ก็ต้องรอวันรับมอบตำแหน่งจากทรัมป์ 20 มกราคม 2021 หรืออีกเกือบ 2 เดือน และทรัมป์ไม่ใส่ใจเรื่องอย่างนี้ อยู่ในอารมณ์หมดอาลัยตายอยาก หัวใจสลายอย่างนี้ คงไม่ทำอะไรอีก
ไบเดนประกาศแล้วว่าจะระดมผู้เชี่ยวชาญ นักวิทยาศาสตร์ และแพทย์เข้ามาเพื่อจัดการปัญหาโรคนี้ให้ได้ นั่นหมายความว่าผู้มีความรู้ ความสามารถ แต่ทรัมป์ไม่เลือกใช้งาน คงจะได้ร่วมงานกับไบเดน ถ้าสำเร็จในเร็ววัน ประเทศจะฟื้นตัวเร็วขึ้น
และโอกาสที่จะกอบกู้เศรษฐกิจ ปัญหาเร่งด่วนต่างๆ จะรวดเร็วขึ้นด้วย
ไบเดนต้องมารับภาระด่วนในการจัดการวิกฤตสารพัด ตัวเองก็เข้าสู่วัย 78 ปี นับว่าชราเต็มทน จะอยู่ได้นานอีกเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ถ้าเป็นอะไรไป รองฯ คือนางกมลา แฮร์ริส ก็จะเป็นประธานาธิบดีสตรีคนแรกของสหรัฐฯ และเป็นหญิงผิวสีอีกด้วย
กว่าจะถึงวันนั้น ต้องรอดูว่าวันส่งมอบตำแหน่ง ทรัมป์จะทำหน้าท่าทางอย่างไร เพราะสิ้นลาย เป็นผู้นำทำเนียบขาวเพียงสมัยเดียว และพ่ายต่อไบเดนที่ได้คะแนนนิยมของคนอเมริกันกว่า 75 ล้านเสียง มากที่สุดในประวัติศาสตร์
หลายคนเชื่อว่า วันประกาศเข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์คงไม่เข้าร่วมพิธีให้เกิดความรู้สึกบาดใจแน่ มีแต่ความคับแค้นสุมในหัวอก ไม่โทษตัวเอง โทษแต่คนอื่น
ทรัมป์เป็นตัวอย่างสำหรับผู้นำประเทศคนอื่นๆ ได้สำนึกว่าต่อให้ซ่า กร่าง อหังการ ยโสโอหัง ลำพองในอำนาจมากอย่างไร เมื่อสิ้นอำนาจวาสนา จะเป็นยิ่งกว่าเทวดาตกสวรรค์ ถ้าไม่สร้างคุณความดี ให้เป็นที่รักของประชาชน
ถ้าเป็นเหมือนคางคกตกวอ มีแต่คนซ้ำเติม คนนินทาหมาดูถูก ทั้งแผ่นดิน!