ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
และ Actuarial Science and Risk Management
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ดังที่เคยเขียนเล่าให้ฟังมาแล้วว่าไม่เคยมีการคุกคามสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ด้วยความถ่อยหยาบช้าเช่นนี้มาก่อนในประวัติศาสตร์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ https://mgronline.com/daily/detail/9630000107437
ทั้งนี้ขบวนการม็อบเยาวชนปลดแอกและคณะราษฎร 2563 ถูกปลุกปั่นขึ้นมาโดยผู้ไม่หวังดี อาศัยสายสัมพันธ์จากกิจกรรมนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของคนเนรคุณสองแผ่นดิน โปรดอ่านรายละเอียดของคนเนรคุณสองแผ่นดินได้จาก https://www.thaipost.net/main/detail/47934 และ https://mgronline.com/daily/detail/9620000099524
การปลุกระดมแกนนำใช้หลักการทางจิตวิทยา โดยเลือกและพัฒนาแกนนำจากคนที่มีแผลในใจ มีความเจ็บแค้น มีความยากลำบากในชีวิต เรียกว่ามีปมในชีวิตหรือมีความเคียดแค้นในใจ (Frustration) และปลุกเร้าความคิด โดยการแทรกซึมชุดความคิดเข้าไปอย่างต่อเนื่อง เสริมแรงด้วยการทำให้แกนนำเหล่านี้มีตัวตน มีอัตลักษณ์ในตน เป็นคนสำคัญขึ้นมาจากที่ไม่มีความหมายและไม่มีคุณค่าใดๆ การแปรเปลี่ยนพลังแห่งความคับแค้นดังกล่าวให้กลายเป็นพฤติกรรมก้าวร้าว เป็นไปตามทฤษฎีทางจิตวิทยาที่เรียกว่า Frustration-Aggression Hypothesis ดังที่เราจะสังเกตได้ว่าเด็กที่เข้าร่วมการชุมนุมมีพฤติกรรมการแสดงออกที่หยาบคาย เต็มไปด้วยพลังแห่งความก้าวร้าว เรียกร้องสิทธิและเสรีภาพอย่างเกินขอบเขต ขาดการเคารพในสิทธิของผู้อื่นและไม่ใส่ใจคิดถึงคำว่าหน้าที่พลเมืองเลย
การแทรกซึมเพื่อสร้างแกนนำแบบการตลาดเครือข่ายหลายชั้น (Multi-level marketing) เช่นนี้ ขยายผลลงไปยังโรงเรียนชั้นมัธยมด้วย เช่น แกนนำหญิงคนหนึ่ง เรียนอักษรศาสตร์ จุฬา มีรุ่นน้องมัธยมปลายแผนกศิลปะ-ภาษาเยอรมัน ก็แทรกซึมได้สร้างแกนนำจากสายสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้อง โดยมีอาจารย์ภาษาเยอรมันเพศที่สามที่นิยมการล้มเจ้าด้วยคอยช่วยเหลือ และมีผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนสนับสนุนอย่างโจ่งแจ้งเช่นกัน ทั้งๆ ที่เป็นข้าราชการกันทั้งสิ้น
ม็อบล้มเจ้าเหล่านี้แอบอ้างว่าจะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ หากแต่ได้กระทำการอันจ้วงจาบหยาบช้า เขวี้ยงปาสิ่งของ ด่าทอหยาบคาย หน่วงเหนี่ยวกักขังเสรีภาพ และล้อเลียนด้วยความหยามเหยียดเย้นหยันต่อศรัทธาของปวงประชาพสกนิกรชาวไทยจำนวนมากที่มีศรัทธาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
การแสดง การละเล่น และการล้อเลียน เหยียดหยามเย้ยหยัน สถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์อย่างขาดความเคารพยำเกรง ไม่ให้เกียรติ ใส่ร้ายป้ายสี ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องทั้งบนท้องถนนและในโลกออนไลน์
ในช่วงแรก พฤติกรรมก้าวร้าวเกะกะระรานของบรรดาม็อบปลดแอกเหล่านี้ ทำให้ปวงประชาพสกนิกร ต่างกลัวหรือคิดว่าไม่คุ้มที่จะเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ การพาทัวร์ไปลงของนางสุรชัย แห่งโตเกียว การไปกดดันดารานักแสดงที่ไม่แสดงจุดยืนทางการเมืองสนับสนุนกลุ่มล้มเจ้าของตัวเอง และอีกสารพัดพฤติกรรมก้าวร้าวชั่วช้า ทำให้คนไทยที่รักสงบและอดทน ได้แต่อดทน และหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกับกลุ่มคนดังกล่าว หรือหลีกเลี่ยงการปะทะ การโต้ตอบ ทางความคิดอันอย่างรุนแรง เพราะต่างคิดว่าได้ไม่คุ้มเสีย
แต่ในช่วงหนึ่งหรือสองวันนี้ เกิดกระแสตีกลับอย่างรุนแรง คนไทยปวงประชาพสกนิกรที่อาจจะกล่าวได้ว่ามวลชนผู้จงรักภักดี เริ่มทนไม่ได้กับการกระทำของม็อบปลดแอกล้มเจ้า ผมเห็นว่าในสื่อสังคม (Social media) ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube, Twitter, Instagram, และ Tiktok เป็นอาทิ หากมีเนื้อหาที่จาบจ้วงใส่ร้ายป้ายสีหยาบช้า ล้อเลียนเสียดสี ต่างมีมวลชนที่จงรักภักดี ไปคอมเมนต์ด่าทอ ตำหนิติเตียน ด้วยความโกรธแค้นอย่างรุนแรงมาก มีการล่าประวัติของเยาวชนปลดแอกที่กระทำการชั่วร้ายออกมาแฉในโลกออนไลน์จนแทบจะครบทุกคน ปวงประชาพสกนิกรเหล่านี้อดทนมายาวนาน จนถึงวันหนึ่งที่เด็กปลดแอกล้ำเส้นเลยธงความอดทนของมวลชนผู้จงรักภักดีที่เป็นพลังเงียบและนิ่งเฉยมายาวนาน ทำให้คนไทยอีกกลุ่มหนึ่งไม่เกรงกลัวที่จะปะทะทางความคิด ไม่เกรงกลัวว่าจะมีทัวร์ลง ไม่สนใจอีกแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะทนไม่ได้อีกต่อไปแล้วกับการเหยียดหยาม เย้ยหยัน ดูหมิ่น เยาะเย้ยในสิ่งที่พวกเขาศรัทธา
ความโกรธแค้นนี้เกิดขึ้นอย่างชัดเจนเป็นกระแสรุนแรงบนโลกออนไลน์ และน่าจะแปรเปลี่ยนกลายเป็นความรุนแรงบนท้องถนนได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน
ผมนั่งแท็กซี่เป็นประจำ เริ่มเห็นว่าโชเฟอร์ขับแท็กซี่ มีทัศนคติที่ไม่ดีกับม็อบปลดแอกเลย กล่าวว่า พวกนี้มันเลว ถ้าไล่แค่รัฐบาลหรือไอ้ตู่ ผมเอาด้วย ผมลงไปร่วมด้วยแน่นอน แต่นี่มันเลยธงไปมาก ล้ำเส้น พระเจ้าแผ่นดิน สถาบันพระมหากษัตริย์ท่านอยู่ของท่านดีๆ ทำไมต้องไปล้ม ทำไมต้องไปจาบจ้วง แบบนี้ผมไม่เอาด้วย ผมไม่ชอบเผด็จการทหาร ไม่ชอบไอ้ตู่มัน แต่แผ่นดินนี้เป็นของราชวงศ์จักรี เป็นของพระเจ้าแผ่นดิน พวกนี้ลามปาม ไม่แยกแยะ จะไม่ได้ตายดี จะไม่มีแผ่นดินอยู่ ถ้าพวกมันนี้ยังไม่เลิกสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายเช่นนี้อีก
โปรดอย่าลืมว่าการเหยียดหยามเย้ยหยันในสิ่งที่มหาชนเคารพศรัทธา นำไปสู้ความโกรธแค้นได้ง่ายเหลือเกิน และนำไปสู่ความรุนแรงอย่างที่สุด ยกตัวอย่างเช่น สื่อมวลชนฝรั่งเศสชื่อชาร์ลี เอ็บโด ไปเขียนการ์ตูนล้อเลียนพระศาสดาของพี่น้องชาวมุสลิมในกรุงปารีสที่ฝรั่งเศส เป็นการ์ตูนที่ตลกฝืดและไร้รสนิยมอย่างที่สุด ทำให้เกิดมือปืนเข้าไปบุกฆ่าทั้งสำนักงานตายกันเป็นหลายสิบคนด้วยความโกรธแค้น
ปฏิกิริยาของมวลชนผู้จงรักภักดีในช่วงสองถึงสามวันนี้ รุนแรง โกรธแค้นมาก เด็กกลุ่มปลดแอกเองก็ไม่เลิกยั่วยุมวลชนผู้จงรักภักดี ด้วยการจาบจ้วง ล้อเลียน สถาบันพระมหากษัตริย์ที่ปวงชนชาวไทยส่วนมากเคารพศรัทธาหนักแน่นมายาวนาน ด้วยเหตุที่สถาบันพระมหากษัตริย์ได้ทรงสะสมบารมีต่อเนื่องในการทำความดีเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชนมานับร้อยปี และประชาชนได้รับพระมหากรุณาธิคุณไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ผมหลับตาลงแล้วเห็นภาพอันแสนน่ากลัวว่า อีกไม่นานจะเกิดเหตุสังหารหมู่แบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อมีคนที่จงรักภักดีสักคน เช่น ทหารแก่เกษียณอายุราชการแล้ว อายุ 80 กว่าปี ผู้เคยผ่านการปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมรูปทรงม้าอยู่ทุกวันที่เป็นนักเรียนนายร้อยจปร. ว่า ข้าจะรักษามรดกของพระองค์ไว้ด้วยเลือด อดรนทนไม่ได้อีกต่อไป และคิดว่าตัวเองก็อาศัยแผ่นดินนี้อยู่มานานพอแล้ว หากจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ในการกำจัดคนที่เนรคุณแผ่นดิน คิดคดทรยศต่อชาติ และเป็นภัยต่อราชบัลลังก์แล้ว ก็เดินพกอาวุธปืนหรือระเบิด เข้าไปในที่ชุมนุมเยาวชนปลดแอก ถ้าเจอตัวหลักอย่างเช่น คนเนรคุณแผ่นดิน นักวิชาการนิติราษฎร์ชาติชั่ว ก็จัดการปลิดชีวิตให้หมด อาจจะยิ่งจนหมดลำกล้องหรือหมดแม็ก แล้วอาจจะรอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุม หรือไม่ก็ฆ่าตัวตายไปเลย ณ ที่ก่อเหตุ เพราะตัวเองก็อายุมากแล้วได้ทำประโยชน์แก่แผ่นดินเป็นครั้งสุดท้าย
ผมหลับตาลงเห็นภาพ มวลชนสองฝ่ายปะทะกันบนท้องถนน มวลชนฝ่ายหนึ่งยั่วยุโดนการตะโกนด่าทอใส่ร้ายป้ายสีหรือแสดงละคร ล้อเลียนเสียดสีสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสนุกสนาน ในขณะที่มวลชนอีกฝ่ายระงับโทสะไม่อยู่ เมื่อคนมากขึ้น ก็เกิดการหลงหายในฝูงชน ตะลุมบอน ประชาทัณฑ์ทำร้ายผู้ที่เย้ยหยันเสียดสีสถาบัน จนเลือดตกยางออกและเสียชีวิตไปจำนวนหนึ่ง
ผมหลับตาลงแล้วเห็นภาพแกนนำเยาวชนปลดแอก แห่แหนศพผู้ที่ถูกฆ่าตายของฝ่ายตน ไปรอบเลือด ประชาชนต่างมองเยาวชนปลดแอกและคณะราษฎร 2563 ด้วยความโกรธแค้นเกลียดชัง เกิดการปลุกระดมเรียกมวลชนอย่างหนัก แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ขอร่วมด้วยแล้ว เพราะทนต่อความหยาบช้า ล่วงเกิน สิ่งที่พวกเขาส่วนใหญ่ในแผ่นดิน เคารพรักศรัทธามาตั้งแต่รุ่นบรรพชน
ผมหลับตาลงเห็นว่า ความรุนแรงจะเกิดขึ้น ม็อบชนม็อบ อาจจะเกิดสงครามกลางเมือง การปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างมวลชนสองฝ่าย และไม่มีใครฟังใคร ต่างใช้กำลังความรุนแรง ในการต่อสู้กัน เพราะมีความเชื่อและความศรัทธาที่แตกต่างกัน จนไม่อาจจะอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันได้
สภาพจิตใจของคนไทยวันนี้ที่เกิดกระแสตีกลับ เพราะทนเห็นการคุกคามรังแกสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรงเช่นนี้ที่ไม่เคยเกิดมีขึ้นมาก่อนได้ไหวอีกแล้ว จะทำให้เกิดความรุนแรง จนไม่มีใครฟังใคร และท้ายที่สุดจะเกิดสภาพรัฐล้มเหลว (Failed state) หรือสงครามกลางเมืองได้อย่างง่ายดาย
เมื่อถึงเวลานั้น อำนาจรัฐนั้นก็อยู่ที่ปลายกระบอกปืน เมื่อสองฝ่ายต่างทุ่มเถียงต่อสู้ใช้ความรุนแรงต่อกันและกัน และไม่มีใครยอมฟังใครแล้ว ทุกฝ่ายจะยอมรับฟังคนที่ถือปืนเข้ามาแต่โดยดี และหยุดพฤติกรรมก้าวร้าวทำร้ายประหัตประหารกัน
กฎอัยการศึกอันเป็นกฎหมายเก่าแก่โบราณ ใช้ในสถานการณ์บ้านเมืองคับขันมีภัยความมั่นคงร้ายแรง หรือเกิดความสั่นคลอนภยันตรายแก่ชาติและราชบัลลังก์จะถูกประกาศใช้ การกวาดล้างจะเกิดขึ้น จะต้องมีคนตาย สิ้นชีวี และจะมีคนที่ไม่มีแผ่นดินอยู่ต้องหนีเข้าป่า แต่ว่าไม่มีป่าให้เข้าเหมือนยุค 6 ตุลาคม 2519 ดังนั้นก็ต้องหนีไปตกระกำลำบากในต่างแดน การกวาดล้างนี้น่าจะเกิดขึ้นอยู่ยาวนานพอสมควร
ท้ายที่สุดคนที่เคยหลงผิดบางส่วน จะต้องกลับมาพึ่งพระบารมี ขอพระราชทานอภัยโทษ และกลับคืนสู่แผ่นดินไทยได้อีกครั้ง
ประเทศไทยกำลังจะเดินไปสู่ความรุนแรง การนองเลือด และรัฐประหาร อย่างไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ได้แต่กราบวิงวอนให้คนไทยทุกคนและทุกฝ่าย ให้ใช้ความอดทน อดกลั้น และใช้สติควบคุมตนให้ดีและสงบเย็น ภายใต้สถานการณ์อันร้อนแรงและวุ่นวายนี้ด้วยเทอญ