ครูสอนประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศสถูกคนร้ายใช้มีดฆ่าตัดศีรษะกลางวันแสกๆ สาเหตุเพราะแค้นที่นำภาพการ์ตูนล้อเลียน “ศาสดามูฮัมหมัด” ของอิสลามไปใช้เป็นสื่อการสอนในห้องเรียน กลายเป็นคดีฆาตกรรมโหดที่สะเทือนขวัญชาวเมืองน้ำหอมทั่วประเทศ และตอกย้ำความทรงจำอันเจ็บปวดจากเหตุมือปืนอิสลามิสต์บุกกราดยิงกองบรรณาธิการนิตยสาร ชาร์ลี เอ็บโด เมื่อ 5 ปีก่อน ขณะที่บุคคลผู้มีชื่อเสียงต่างประณามสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นการโจมตีต่อสาธารณรัฐและค่านิยมอันเป็นรากฐานของสังคมฝรั่งเศส
ชาวฝรั่งเศสนับหมื่นคนออกมาเดินขบวนประท้วงการตายของ ซามูเอล ปะตี (Samuel Paty) ครูสอนประวัติศาสตร์ของโรงเรียนมัธยม Bois d’Aulne ที่ชานกรุงปารีส และประกาศยืนหยัดปกป้องเสรีภาพในการแสดงออก ขณะที่ เฌราร์ด ดาร์มาแน็ง รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศส ประกาศกร้าวว่ารัฐบาล “จะไม่ผ่อนปรนให้กับศัตรูของสาธารณรัฐแม้แต่นาทีเดียว”
พิธีไว้อาลัยถูกจัดขึ้นอย่างเป็นทางการในวันพุธ (21 ต.ค.) ที่มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ โดยมีประธานาธิบดี เอมมานูแอล มาครง, ครอบครัวของ ปะตี และแขกผู้มีเกียรติประมาณ 400 คน ร่วมเป็นสักขีพยานในการมอบเครื่องอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดของประเทศ “Legion D'Honneur” ให้แก่ครูผู้จากไป
มาครง แถลงเมื่อวันอังคาร (20) ว่า “เพื่อนร่วมชาติของเราคาดหวังให้รัฐบาลต้องจัดการเรื่องนี้” พร้อมรับปากว่ารัฐบาล “จะยกระดับมาตรการตอบโต้ให้เข้มข้นยิ่งขึ้นอีก”
ปะตี วัย 47 ปี เริ่มตกเป็นเหยื่อการรณรงค์สร้างความเกลียดชังทางออนไลน์ หลังจากที่เขานำภาพการ์ตูนล้อศาสดามูฮัมหมัดของชาร์ลีเอ็บโดไปใช้ประกอบการสอนในหัวข้อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เนื่องจากชาวมุสลิมนั้นถือว่าการวาดหรือจำลองภาพของนบีมูฮัมหมัด ไม่ว่าจะในเชิงล้อเลียนหรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นสิ่งต้องห้าม
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ครูหนุ่มถูกดักทำร้ายระหว่างทางกลับบ้านจากโรงเรียนซึ่งตั้งอยู่ในเขต Conflans-Sainte-Honorine ห่างจากปารีสไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 40 กิโลเมตร โดยผู้ก่อเหตุคือ “อับดุลลัค อันซอรอฟ” หนุ่มผู้ลี้ภัยชาวเชเชนวัย 18 ปี ซึ่งอพยพจากภูมิภาคเชชเนียในรัสเซียมาอาศัยอยู่ในฝรั่งเศสกับครอบครัวเมื่อราวๆ 10 ปีก่อน
หนุ่มผู้ลี้ภัยรายนี้ถูกตำรวจตามล่าและวิสามัญฯ หลังก่อเหตุได้ไม่นานนัก โดยในโทรศัพท์มือถือของเขามีภาพถ่ายของ ปะตี รวมถึงข้อความสารภาพว่าจงใจฆ่าครูเพราะแค้นที่ดูหมิ่นศาสนา
จากคำบอกเล่าของลูกศิษย์ในชั้นเรียนพบว่า ปะตี ได้แจ้งกับนักเรียนล่วงหน้าว่าเขาจะนำภาพการ์ตูนล้อศาสดามูฮัมหมัดมาใช้สอน และอนุญาตให้นักเรียนที่เป็นมุสลิมออกไปก่อนได้หากรู้สึกไม่สบายใจ ทว่าการกระทำของเขายังคงสร้างความเป็นเดือดเป็นแค้นต่อนักเรียนและผู้ปกครองบางคนที่นับถืออิสลาม
คุณพ่อของนักเรียนหญิงคนหนึ่งซึ่งรณรงค์ผ่านสื่อออนไลน์ให้คนร่วมกันเข้าชื่อไล่ครูคนนี้ออก เวลานี้ถูกจับกุมแล้วพร้อมกับชาวมุสลิมหัวรุนแรงอีกคนหนึ่ง โดยทางการฝรั่งเศสชี้ว่าการกระทำของทั้งคู่ถือว่าเข้าข่ายไปตัดสินหรือ “ฟัตวา” ความผิดของครู จนเป็นเหตุให้ครูถูกสังหาร
ตำรวจพบยังพบด้วยว่า ผู้ปกครองรายนี้ส่งข้อความตอบโต้กับ อันซอรอฟ ในช่วงไม่กี่วันก่อนที่เขาจะไปดักสังหารครู
คดีฆาตกรรมโหดที่เกิดขึ้นกระตุ้นให้ตำรวจฝรั่งเศสยกระดับปราบปรามเครือข่ายอิสลามิสต์ โดยมีการบุกตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยหลายสิบแห่งรอบๆ กรุงปารีส ขณะที่รัฐบาลสั่งปิดมัสยิดแห่งหนึ่งในกรุงปารีสเป็นเวลา 6 เดือน ฐานแชร์ข้อมูลที่เข้าข่ายสนับสนุนการคุกคามครูผู้เสียชีวิต
เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสยังเตรียมสั่งปิดองค์กรมุสลิม 2 แห่ง ได้แก่ กลุ่ม Collective Against Islamophobia in France ซึ่งติดตามสอดส่องเรื่องการโจมชาวมุสลิมในฝรั่งเศส, กลุ่ม BarakaCity ซึ่งอ้างตัวเป็นหน่วยงานด้านมนุษยธรรม และกลุ่ม Cheikh Yassine Collective ซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนขบวนการฮามาสในปาเลสไตน์
ประธานาธิบดี มาครง ยังได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียในวันอังคาร (20) เพื่อขอให้เพิ่มความร่วมมือระหว่างกันในการต่อต้านลัทธิก่อการร้าย ขณะที่รัฐบาลรัสเซียยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฆาตกรที่ก่อเหตุสังหารครู และย้ำว่า อันซอรอฟ ไม่เคยติดต่อกับเจ้าหน้าที่รัสเซีย เนื่องจากลี้ภัยออกนอกประเทศไปนานกว่า 10 ปีแล้ว
นักการเมืองและผู้มีชื่อเสียงหลายคนมองว่า เหตุสังหารครูครั้งนี้เทียบได้กับการโจมตี “หัวใจ” ของความเป็นรัฐฝรั่งเศส ซึ่งเชิดชูค่านิยมทางโลก (secularism), เสรีภาพในการนับถือศาสนา และเสรีภาพในการแสดงออก และยังทำให้บทบาทของโซเชียลมีเดียตกเป็นที่เพ่งเล็งอีกครั้ง เนื่องจากกระแสเกลียดชัง ปะตี ในหมู่ชาวมุสลิมถูกปลุกปั่นขึ้นในเฟซบุ๊ก
รัฐบาลฝรั่งเศสให้สัญญาว่าจะกำหนดโทษทางอาญาใหม่สำหรับบุคคลที่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่นลงสื่อออนไลน์ จนเป็นเหตุให้คนๆ นั้นได้รับอันตราย ส่วนคณะรัฐมนตรีก็ได้เปิดประชุมร่วมกับบรรดาผู้บริหารโซเชียลมีเดียเพื่อกำหนดมาตรการต่อสู้สิ่งที่เรียกว่า “ลัทธิอิสลามไซเบอร์” (cyber-islamism)
ขณะเดียวกัน สื่อท้องถิ่นบางสำนักก็ลุกขึ้นแสดงจุดยืนปกป้องเสรีภาพในการแสดงออก เช่น หนังสือพิมพ์ ลา นูแวลล์ เรปุบบลิก (La Nouvelle Republique) ที่นำการ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัดของชาร์ลีเอ็บโดมาตีพิมพ์ซ้ำอีกเมื่อวันที่ 18 ต.ค. โดยอ้างว่าต้องการตอกย้ำภัยคุกคามจากกลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรง
ด้านนิตยสารชาร์ลีเอ็บโดฉบับล่าสุดที่วางแผงเมื่อวันพุธ (21) ได้ใช้ถ้อยคำพาดหัวว่า “The decapitated Republic” หรือ “สาธารณรัฐหัวขาด” และมีภาพการ์ตูนบุคคลจากสายอาชีพต่างๆ ที่ถูกตัดเหลือแต่คอ
“ฆาตกรพวกนี้จงใจฆ่าตัดหัวสาธารณรัฐฝรั่งเศส” บทบรรณาธิการ ระบุ