"โสภณ องค์การณ์"
“รัฐบุรุษคิดว่าตัวเองเป็นคนของชาติ นักการเมืองอุบาทว์คิดว่าชาติเป็นของตัวเอง” ประโยคนี้ขอดัดแปลงมาจากอมตะวจีของใครก็ไม่รู้ เพื่อปรับมาใช้กับการเมืองน้ำเน่านิรันดรกาลในบ้านเรา เข้ากับสถานการณ์ เป็นวิกฤตตีบตันหาทางออกยังไม่ได้
ทุกฝ่ายที่เป็นตัวปัญหาหลักต่างไม่ยอม ขอปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่ม อ้างว่าทำเพื่อประชาชน เหตุผลที่ยกมาอ้างให้อีกฝ่ายรับฟังถูกมองว่าเป็นลีลาของเกมแย่งชิงอำนาจผลประโยชน์ เหมือนเล่นหมากรุก ฝ่ายเดินพลาดอาจแพ้ทั้งกระดาน
การอภิปรายในรัฐสภา 2 วันเป็นไปตามคาด ไม่มีเนื้อหาสาระสำหรับทางออกอย่างรวดเร็วรับกับความเร่งด่วนและความจำเป็น การตั้งกรรมการนั่นนี่โน่น ให้ฝ่ายนั้นทำนั่นนี่โน่น จึงเป็นเกมซ้ำซากเพื่อยื้อ ดึงเวลาให้ทอดยาวเพื่อรักษาผลประโยชน์
ลุงผู้นำถูกมองว่าเป็นตัวปัญหา หลายฝ่ายเรียกร้องให้ลาออก แต่คำตอบที่ได้รับก็ยังเหมือนเดิม “ไม่ออก” “ไม่ได้ทำอะไรผิด” ที่น่าหัวร่อก็คือ “ขออยู่ทำหน้าที่ต่อไป” “บ้านเมืองยังมีปัญหาต้องแก้ไข” และ “ไม่ตัดช่องน้อยแต่พอตัว”
ฟังดูแล้วช่างเป็นวจีโอ่อ่า สูงส่ง น่ายกย่อง เป็นผู้เสียสละทำงานเพื่อบ้านเมือง ไม่ยอมเหนื่อย ไม่ยอมให้ผู้อื่นมาเหนื่อยกับปัญหา ขอรับภาระหนักไว้คนเดียว
ทั้งๆ ที่คนทั้งเมืองมองว่า “ช่องน้อย” ที่ลุงผู้นำควรตัดออกไปนั่นแหละ คือทางออกสำคัญของวิกฤตที่กดดันบ้านเมืองอยู่ขณะนี้ เหมือนดุ้นฟืนใหญ่ในกองไฟที่ลุกโชน ถ้าใครลากออกไปแล้วจะลดกระแสความร้อนแรงได้รวดเร็ว เฉียบพลัน
การไม่ “ตัดช่องน้อยแต่พอตัว” ย่อมถูกมองว่าเป็นการเห็นแก่ตัวก็ได้ คือลุ่มหลงมัวเมาเสพติดอำนาจ หลังจากอยู่มานานหลายปี คุ้นกับการใช้อำนาจพิเศษควบคุมผู้อื่น จนกลายเป็นเครือข่ายกว้างขวางมีแต่กลุ่มผลประโยชน์ขนาดใหญ่
เสียงเรียกร้องให้ลุงผู้นำเสียสละเก้าอี้ด้วยการลาออกเริ่มดังขึ้นในท้องถนนเกือบทั่วประเทศ และดังก้องในรัฐสภา เสียงมวลชนเสื้อเหลืองที่ออกมารณรงค์บ้างนั้นก็แสดงออกเพียงปกป้องรักษาความมั่นคงของสถาบันกษัตริย์ให้คงอยู่สืบไป
ไม่มีเสียงเรียกร้องให้ลุงผู้นำอยู่ต่อ หรือยกย่องรัฐบาลว่ามีผลงานล้ำเลิศ มีคุณค่ากับการอยู่ต่อเพื่อบริหารบ้านเมือง เว้นแต่มีบางเสียงตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ ไอ้ห้อยไอ้โหนที่ยังเกาะลุงกินไม่อิ่ม ขออยู่ต่อ หลุดจากอำนาจต้องอดอยากปากแห้ง
ลุงผู้นำเริ่มยอมรับแล้วว่าตัวเองเป็นคู่ขัดแย้งกับกลุ่มต่างๆ ที่เรียกร้องให้ลุงลาออก แต่ยังไม่ยอมรับว่าเป็นตัวปัญหา เป็นตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ด้านทุนธุรกิจกลุ่มใหญ่ซึ่งเป็นภาพของโครงสร้างทุนนิยมสามานย์ ประเภทปลาใหญ่กินปลาเล็ก
ปัญหาถ่วงชาติอย่างนี้ ถ้าผู้นำใจกว้างต้องพร้อมถกปัญหาด้วยตัวเองอย่างจริงจัง มีความกล้าหาญเผชิญหน้า ตอบคำถามผู้สงสัยทั้งหลาย เพื่อแสดงให้เห็นว่ามีคุณสมบัติเป็นผู้นำ และมีความสามารถในการแก้ปัญหาของบ้านเมือง
ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้คือกลุ่มเรียกร้องให้ลุงผู้นำลาออกมองว่าลุงคือตัวปัญหา และปัญหาที่สุมบ้านเมืองวันนี้กลุ่มของลุงเป็นผู้ก่อช่วงกว่า 6 ปี ดังนั้นจะให้คนสร้างปัญหาแก้ปัญหาของตัวเองนั้นเป็นเรื่องไร้เหตุผล ไม่มีหลักประกันว่าจะทำได้สำเร็จ
รังแต่จะทำให้ปัญหาเลวร้าย ซับซ้อน ยากแก่การแก้ไข หรืออย่างที่ทำได้คือกวาดปัญหาไปซุกไว้ให้พ้นสายตาคน หรือสร้างเรื่องฮือฮาใหม่มากลบเรื่องเก่า
ถ้าลุงมีความกล้าหาญ จริงจัง มีความโปร่งใส สุจริตใจ ต้องนั่งถกกับคู่กรณี ถ้าจะให้ดีต้องถ่ายทอดโทรทัศน์ให้ประชาชนได้รับรู้ทั่วประเทศ เป็นการดีเบตให้รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ใคร อะไรเป็นต้นตอ และแต่ละฝ่ายมองอย่างไร ทั้งตัวเองและอีกฝ่าย
เช่นฝ่ายลุงต้องบอกว่าที่ผ่านมาทำอะไรไว้บ้าง ทำไมไม่ลาออก มีปัญหาหรือติดขัดอะไร ถ้าลาออกบ้านเมืองจะมีปัญหารุนแรงอย่างไร ถ้าอยู่ต่อบ้านเมืองและประชาชนจะอยู่ในสภาพดีขึ้นอย่างไร ถ้าล้มเหลว แก้ไขไม่ได้ จะรับผิดชอบอย่างไร
ฝ่ายต้องการให้ลุงออกต้องยกเหตุผลมาอ้างว่าที่ผ่านมาลุงสร้างปัญหาอย่างไร บ้านเมืองและประชาชนอยู่ในสภาพดีขึ้นหรือแย่ลง ถ้าอยู่ต่อจะมีปัญหาอะไร และถ้าลาออกจะช่วยทำให้ปัญหาบ้านเมืองมีทางแก้ และทางเลือกจะดีขึ้นอย่างไร
ว่ากันอย่างนี้แหละ มีตัวแทนสื่อมวลชนเป็นพิธีกรร่วม 2 คน น่าจะพอ สำคัญที่ว่าลุงผู้นำจะกล้าเผชิญกับบรรยากาศดีเบตอย่างเปิดเผย เช่นนี้ได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาสังคมมองว่าลุงผู้นำนิยมพูดเดี่ยว ยึดไมค์และโพเดียมไว้แต่เพียงผู้เดียว
เมื่อแถลงข่าว ก็ไม่ได้ชี้แจง ตอบคำถามอย่างมืออาชีพ จริงจัง มีเนื้อหาสาระ ไม่มีการตีฝีปาก เล่นสำนวน หรือเล่นบทงิ้วพิโรธ ถือโดนคำถามแทงใจดำตรงๆ ที่ผ่านมานอกจากไม่ตอบคำถามจริงจัง ยังมีคำพูดยอกย้อน กระทบกระแทกแดกดัน
ลืมตัวไปว่าการเข้ามาเป็นผู้นำนั้น ไม่มีใครเชื้อเชิญหรือประชาชนเลือกเข้ามา แต่ทำรัฐประหารล้มรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วมีคนสั่งให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อให้คณะรัฐประหารได้อยู่สืบทอดยาวอำนาจไปเรื่อยๆ
ถ้ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันดีเลิศจริง จะไปนั่งถกกัน 2 วันทำไมเรื่องจะแก้ไขอย่างไร ที่เห็นอยู่คือวุฒิสมาชิก 250 คนที่ไม่มีใครเลือกเข้ามา แต่ดันมีอำนาจเลือกคนที่ประชาชนไม่ได้เลือกเข้ามาให้เป็นผู้นำรัฐบาล คงสภาวะความโอหังของอำนาจ
การสำคัญตัวเองผิดถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ผู้นำอย่างนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องหลุดจากอำนาจ เพราะในโลกนี้ไม่มีใครที่โลกจะขาดเสียมิได้ จะเป็นการผิดธรรมชาติ
การเป็นผู้นำดื้อ ดึงดันทุรัง ลำพองในอำนาจ ประวัติศาสตร์มีให้เห็นแล้วว่าลงเอยไม่สวยทั้งนั้น ไม่ช้าก็เร็ว การเมืองไทยก็ไม่อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์เช่นกัน
การลงจากอำนาจจะช้าหรือเร็ว ลงแบบดีหรือร้าย เมื่อถึงเวลาก็ต้องไป มีไม่กี่คนที่ยังมีโอกาสได้เลือกเวลาลงได้ คนอื่นๆ มีแต่คนไล่ให้ลง หรือธรรมชาติไม่ยอมให้อยู่ต่อ การมัวเมา ลุแก่อำนาจ ความนิยม ถือว่าเป็นศัตรูสำคัญของผู้นำการเมือง
ลุงผู้นำยังพอมีเวลาสำหรับให้โอกาสประเทศไทยได้หาทางออกเองได้!