วิกฤตนี้ “บิ๊กตู่” จะ “รอด” หรือจะ “ร่วง”?

สอดแนมการเมือง
ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย

“สรรพสิ่งในโลกล้วนต้องเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรอยู่อย่างจีรังยั่งยืน กาลเวลาและความสอดคล้องเหมาะสม จะทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นหรือเลวลงเสมอ”

อ้าว..แบบนี้ต้องมาฟังนักการเมืองหญิงมะกัน “อลิซาเบธ วอร์เรน” ทุกคนที่ได้ฟังต้องนำไปคิดและไตร่ตรอง โดยยึดผลประโยชน์ชาติกับประชาชนเป็นหลัก

“ประเทศไม่ได้อยู่ได้เพราะประชาธิปไตย ไม่ได้อยู่ได้เพราะรัฐธรรมนูญ ไม่ได้อยู่ได้ด้วยกฎหมาย แต่ประเทศจะยั่งยืนอยู่ได้ ด้วยกำลังของพลเมืองดีที่ไม่ดูดาย และไม่ยอมแพ้ต่อคนชั่ว ที่กัดกร่อนทำลายประเทศชาติ พลเมืองดีจึงต้องยืนหยัด รักษาบ้านเมืองไว้ให้มั่นคง เพื่อลูกหลานรุ่นต่อไป”

เอาล่ะ..คราวนี้มาดูอดีตบางเรื่องโดยสังเขป เพื่อจะได้ช่วยกันนำไปคิดหาทางออกให้ชาติ ที่กำลังเผชิญกับปัญหามากมาย จนปั่นป่วนวุ่นวายอยู่ในขณะนี้

ย้อนกลับไปดูอดีตเมื่อ“88 ปี”ก่อน ในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 มี“คณะนายทหารกลุ่มหนึ่ง” กับ “พลเรือนอีกกลุ่มหนึ่ง” ที่โดดเด่นก็เห็นจะเป็น“ปรีดี พนมยงค์” ในนาม “คณะราษฎร” ได้ทำให้“พระมหากษัตริย์” ลงมาอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ

โดย “คณะราษฎร” เป็นผู้นำริเริ่ม นำการเมืองระบบ “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” มาใช้ในชาติไทย นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา

แต่ด้วยความไม่พร้อมในหลายหลากมิติ ทั้งของชาติกับประชาชนส่วนใหญ่ แม้แต่ “กลุ่มคน” ของ“คณะราษฎรบางคน” เองนั่นแหละ ที่ยังไม่พร้อมในมิติสำคัญๆ เพราะยังไม่ “ตกผลึก” ทางความคิด และไม่มีความเสียสละอย่างแท้จริง ในการจะทำให้ชาติกับประชาชนคนไทย เจริญก้าวหน้าและอยู่ดีกินดียิ่งขึ้น อีกทั้งขาดความพร้อมจะพัฒนา “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ให้แข็งแรงมั่นคงยั่งยืนเพื่อส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
ดังนั้น หลัง 24 มิถุนายน 2475 จึงเกิดความแตกแยกแย่งชิงอำนาจอย่างเอาเป็นเอาตาย ภายในกลุ่ม“คณะราษฎร” เรียกว่า..น่าเสียดายที่ “อำนาจผลประโยชน์เข้าสิงใจ” ความโลภทำให้เกิดการหักหลังกันอุตลุด ถึงขั้นทำ “รัฐประหาร” โค่นล้มกันเอง

ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2494 จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีของรัฐบาล “คณะราษฎร” ถูกรัฐประหารโค่นล้มลง โดย “จอมพล แปลก พิบูลสงคราม”(ว่ะ)!

นับเป็น“ตลกการเมือง” ยุค “คณะราษฎร” ที่ “หัวเราะไม่ออกจริงๆ” ด้วยผู้คนยังงงงวยว่า นั่นเป็นเรื่องจริง หรือ “การเล่นละครน้ำเน่า” กันแน่? แหม..ก็เล่นทำรัฐประหาร“ตัวเอง” ดื้อๆ ถือเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ชาติไทยเลยนะเว้ยเฮ้ย จนผู้คนพากันอุทานว่า ใย “แปลก” จึงทำกับ “ป.”ได้ขนาดนี้?!
ประชาธิปไตยเลือกตั้งที่ถูก “คณะราษฎร”ใช้ในชาติไทย ผ่านมากว่า 88 ปีแล้ว ยังคงไร้มาตรการป้องกันการซื้อเสียงและโกงเลือกตั้ง ทำให้ชาติไทยมักได้ “นักการเมือง” ส่วนใหญ่ ที่เห็นแก่ตัวกับพวกพ้องและพรรค ที่ผ่านมาจึงเกิดการคอร์รัปชั่นโกงชาติ จาก “รัฐบาลเลือกตั้ง ”ตลอดเวลา..
ทั้งๆ ที่ “ผู้มีอำนาจ” ทั้งจากเลือกตั้งและรัฐประหาร รู้อยู่แก่ใจมานานแล้วว่า ต้องเร่งให้มีการ“ปฏิรูปชาติ” ทุกมิติโดยเร็ว หรืออย่างน้อยต้อง “ปฏิรูปการเมือง” และ“วิธีการเลือกตั้ง” ให้ยุติธรรมมากที่สุดและด่วนที่สุด

ทว่า..ทั้งรัฐบาลกับสภาเลือกตั้ง และรัฐบาลกับสภารัฐประหาร ที่ผลัดกัน “ยึดอำนาจรัฐ” ไม่เคย“ปฏิรูปการเมืองเรื่องวิธีการเลือกตั้ง” เลย ด้วย “นักการเมืองทั้งสองรูปแบบ”นี้ มักบริหารชาติอย่างสามานย์ แบบ “สมบัติชาติผลัดกันโกง” ทำให้การเมืองของชาติและประชาชน ต้องผจญกับภัย “หนีเสือปะจระเข้” ครั้งแล้วครั้งเล่า

น่าเสียดายและน่าผิดหวังอย่างยิ่ง ที่มหาเศรษฐี “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งชาวไทยยุคนั้นถือเป็น“คนรุ่นใหม่” เป็น “คลื่นลูกที่สาม” ที่ได้รับการชื่นชมว่า “เขา” เป็นมหาเศรษฐีที่ “ตามองฟ้า-เท้าติดดิน” กระโจนลงมาสู่สนามการเมืองไทย ถือเป็นความหวังอย่างสูงของผู้คนทั่วไป ว่าจะทำให้ชาติเจริญก้าวหน้ามากขึ้น และทำให้ชาวไทยมีคุณภาพชีวิตดียิ่งขึ้น

ที่แน่ๆชาวไทยเชื่อมั่นในคำพูด “รวยแล้วไม่โกง” ของ “มหาเศรษฐีทักษิณ” ยิ่งนัก เพราะหาก“ทักษิณ”ได้เป็น “นายกฯ” เป็น “รัฐบาลมหาเศรษฐี” เมื่อรวยอยู่แล้วต้องไม่โกงชาติแน่นอน
ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เทคะแนนเลือกตั้งให้ “พรรคมหาเศรษฐี”อย่างท่วมท้น จนได้จำนวน “ส.ส.”เกินครึ่งสภา มากเป็นประวัติการณ์!

“ทักษิณ”ได้เป็น“นายกรัฐมนตรี”สมใจนึก! “รัฐบาลทักษิณ”เริ่มต้นด้วยความแข็งแกร่ง มีอำนาจมากมายล้นฟ้า ที่จะสร้างสรรค์ผลงานให้ชาติกับประชาชนอย่างเต็มที่ หาก“นายกฯ ทักษิณ”ทำเพื่อชาติกับประชาชนเป็นหลัก มิใช่ทำเพื่อ “ตัวเอง-พวกพ้อง-พรรค” ล่ะก้อ เชื่อได้เลยว่านักการเมืองมหาเศรษฐี ทักษิณ ชินวัตร จะต้องได้รับการยกย่องสรรเสริญให้เป็น “วีรบุรุษ” ของชาติแน่นอน

แต่ “น่าเสียดาย” และ “น่าผิดหวัง” ยิ่งนัก เพราะ“นายกฯ ทักษิณ” ดัน “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว” หลงอำนาจ-เงินทอง-ทรัพย์สินไม่รู้จักพอ “โชคดี”ของ“ทักษิณ” ที่ได้เป็น “นายกฯ” จึงกลายเป็น “โชคร้าย” ของ“ทักษิณ”โดยพลัน รวมทั้งรัฐบาลเลือกตั้งเครือข่าย “ทักษิณ” ที่มีพฤติกรรม “รวยแล้วยังโคตรโกง” ล้วนถูก “กรรมติดจรวด” พุ่งเข้าใส่จนพังครืน..
พฤติกรรมคอร์รัปชั่นโกงชาติ ถูกสื่อฯเปิดโปงแฉโพยจนล่อนจ้อน ถูกประชาชนผู้รักชาติชุมนุมขับไล่อย่างต่อเนื่องแรมปีถึงสองครั้ง ตามมาด้วย “คณะนายทหาร” นำกองทัพออกมาทำรัฐประหารอีกสองครา!
ส่งผลให้สองพี่น้องอดีตนายกฯ ตระกูล “ชินวัตร” นาม “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ต้องเผ่นหนีความผิดออกจากชาติไทย ไปใช้ชีวิต “สบายกาย” แต่ “ทุกข์ใจ” ในต่างแดนจนทุกวันนี้

ทว่า..“โชคดีอย่างยิ่ง”ของ “ทักษิณ” กับพวกพ้อง! แต่เป็น “โชคร้ายใหญ่หลวง” ของชาติกับชาวไทย ที่“หัวหน้าคณะรัฐประหารทั้งสองครา” ได้ทำให้ “รัฐประหารเสียของ” ด้วย “เยี่ยวไม่สุด” จนกลายเป็น “รัฐประหารมวยล้มต้มกองเชียร์” เฉยเลย..

โดย “หน.รปห.บิ๊กบัง” ไม่ได้ปราบคนโกงชาติเท่าที่ควร! ไม่ได้ลดความเหลื่อมล้ำใดๆให้ชาติเลย!

ไม่ได้ปฏิรูปการเมืองชาติก่อนเลือกตั้ง ฯลฯ จนทำให้เครือข่าย “ทักษิณ” หวนกลับมายึดอำนาจรัฐได้อีกสบายๆ ผ่านการเลือกตั้งสกปรก!

ส่วน “หน.รปห.บิ๊กตู่” ผู้รู้แก่ใจและเห็นคาสองตาถึงเหตุ “รัฐประหารเสียของ” จาก “รุ่นพี่บิ๊กบัง” จึงขึ้นควบตำแหน่ง “นายกฯ” มีอำนาจเผด็จการเต็มร้อยด้วย “มาตรา 44”

“หน.รปห.บิ๊กตู่” ประกาศก้องว่า “รัฐประหารครั้งนี้ต้องไม่เสียของ” ทั้งยังให้สัญญาประชาคมอย่างชัดแจ้งว่า จะปราบปรามการโกงชาติ! จะลดความเหลื่อมล้ำให้ชาติ! จะปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง ฯลฯ ว้าว! ล้วนเป็นต้นเหตุปัญหาอันเลวร้ายของชาติทั้งสิ้น..

5 ปีกว่าของ “รัฐบาลรัฐประหาร” เผด็จการเต็มร้อย! “นายกฯ บิ๊กตู่-ผิดคำพูด” ไม่ได้แก้ต้นเหตุปัญหาสำคัญๆให้ชาติเลย ทำแต่ผลงานทั่วไปตามระบบราชการเท่านั้น แถมยังสืบทอดอำนาจจนได้เป็น“นายกฯ เลือกตั้ง” นับถึงวันนี้นานร่วมสองปี แต่ยังคง “ทำผิดคำพูด” เหมือนเดิม เพราะยังไร้ผลงานแก้ต้นเหตุปัญหาให้ชาติ

วิธีบริหารชาติแบบ “กวาดต้นเหตุปัญหาไปซุกใต้พรม” ของ “นายกฯ บิ๊กตู่” เสมือนปล่อยให้“มะเร็งร้ายลุกลาม” โดย “หมอตู่” ให้แต่ “ยาแก้ปวด” เท่านั้น ในที่สุด “มะเร็งร้ายก็แผลงฤทธิ์”ในวันนี้

เพราะ“รัฐบาลนายกฯ บิ๊กตู่” เต็มไปด้วยจุดเปราะ มีความล้มเหลวในหลายหลากเรื่อง ทำให้“ต่างชาติ-นักการเมืองฝ่ายค้าน-นักวิชาการ” และ “ไอ้โม่ง” ที่อยู่เบื้องหลัง “กลุ่มแกนนำเยาวชนบางคน” ชักนำเยาวชนและผู้คนที่ไม่เท่าทันเล่ห์ร้าย ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ในขณะนี้ โดยเรียกร้องให้ “บิ๊กตู่ลาออก-แก้รัฐธรรมนูญ-ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์”
จนวันนี้..“นายกฯ บิ๊กตู่” ยังไร้ปัญญาแก้ปัญหา “ขบวนการเยาวชน” ชุมนุมเคลื่อนไหวผลุบๆโผล่ๆ ตะโกนขับไล่ “..ตู่ออกไปๆๆ..”

ที่สำคัญ..“สถาบันพระมหากษัตริย์” อันเป็นที่รักเคารพของชาวไทยส่วนใหญ่ ยังคงถูกหยามพระเกียรติอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะอยู่ตลอดเวลา..

วิกฤตนี้กำลังชี้ชะตา “นายกฯบิ๊กตู่”..จะ“รอด” หรือ “ร่วง”??..!!!