xs
xsm
sm
md
lg

บังอาจหยามเกียรติ “สถาบันพระมหากษัตริย์”!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”



“ใดๆ ในใต้ฟ้าที่ยาก มิใช่การบัญญัติกฎหมาย หากความยากอยู่ที่การปฏิบัติตามกฎหมาย”

ประธานาธิบดีจีน “สีจิ้นผิง” พูดกำกับให้เหล่า “ผู้มีอำนาจ” รู้ถึงสังคมมีกฎหมาย แต่มิได้ยากเข็ญเท่าผู้บังคับใช้กฎหมาย ที่ต้องทำให้ชาติเป็นนิติรัฐเปี่ยมนิติธรรม!

ทว่า..รัฐบาล “เลือกตั้ง” โกงชาติ และรัฐบาล “รัฐประหาร”ไม่ปฏิรูปชาติ ทำให้กฎหมายเกิดสองมาตรฐาน ที่ “เงิน” กับ “อำนาจ” ซื้อ “ผู้บังคับใช้กฎหมาย”ได้ ทำให้ชาติไทยต้องขาด “นิติรัฐ” และไร้ “นิติธรรม” แถม “นักการเมือง” รัฐบาลทั้งสองรูปแบบ มักหลงอำนาจและเงินทอง จนกลายเป็น “รัฐบาลโกงชาติ” อยู่เสมอ

รัฐบาลเลือกตั้งในอดีตของ “นายกฯ ทักษิณ” เคยเป็นความเชื่อมั่นชนิดเกินร้อย ของประชาชนไทยส่วนใหญ่ว่า จะต้องเป็น “รัฐบาลรวยแล้วไม่โกง” อีกทั้ง “นายกฯ ทักษิณ” ต้องทำให้ชาติเจริญยิ่งขึ้น และประชาชนจะต้องมีรายได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
แต่รัฐบาลทั้งหลายเครือข่ายมหาเศรษฐี “ทักษิณ” กลับทำให้ผู้คนที่เลือก “พรรคทักษิณ” ซึ่งเชื่อกันในห้วงนั้นว่า เป็น “นักการเมืองคนรุ่นใหม่” ก็ต้อง “อกหัก” ดังเป๊าะครั้งใหญ่ กับพฤติกรรม “รวยแล้วยังโกง” ชนิด “ไม่รู้จักพอ” อย่างเหลือเชื่อ!

ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เสียใจ-เสียดาย ผิดหวังอย่างแรง ต่อการกระทำของ “นายกฯ ทักษิณ” จนกระทั่งทุกวันนี้!

แทบทุกครั้งที่ “รัฐบาลเลือกตั้ง”โกงชาติหลงในอำนาจ จนไม่สนใจต่อการเปิดโปงความชั่วโดยสื่อมวลชน ไม่สนใจกับเสียงคัดค้านต่อต้านของปวงชน ไม่เคยเกรงกลัวต่อกฎหมายแม้แต่น้อย สุดท้ายยัง “บ้าอำนาจ” หลงมัวเมาฟังแต่เสียงสรรเสริญ ระเริงอยู่กับคำเยินยอจอมปลอมจนโงหัวไม่ขึ้น ฯลฯ

จนชีวิตทางการเมืองที่ควรจะได้เป็น “วีรบุรุษชาติ” เป็น “นายกฯ มหาเศรษฐี” ที่ประชาชนรักชื่นชม ก็ต้องมาจบลงอย่างน่าอนาถ จากการถูกประชาชนผู้รักชาติชุมนุมขับไล่ อย่างต่อเนื่องยาวนานจน “รัฐบาลเลือกตั้งโกงชาติ” เครือข่ายของ “มหาเศรษฐีนักการเมืองคนรุ่นใหม่” ต้องล้มครืนลง โดยถูก “คณะนายทหาร”ทำรัฐประหารถึงสองครั้งสองคราไงล่ะ

ทำให้ “อดีตนายกฯ สองคน” ที่เผชิญ “เวรกรรมติดจรวด” ต้องจากลูกเมียไปใช้ชีวิตมหาเศรษฐี ร่อนเร่พเนจรอยู่ต่างแดนตราบจนวันนี้!

ถ้า “มหาเศรษฐีนักการเมืองคนรุ่นใหม่ทักษิณ” ในวันนั้น ใช้อำนาจรัฐทำดีให้ชาติกับประชาชน ป่านนี้ชีวิตทั้งส่วนตัวและครอบครัว จะต้องเปี่ยมเกียรติกับศักดิ์ศรี เดินยืดอกเป็นที่เคารพยกย่อง ของคนไทยโดยส่วนใหญ่แล้วล่ะ..

“มหาเศรษฐีทักษิณ” ได้บริหารชาติไทย โดยมี “ส.ส.” ในสภาฯอย่างล้นเหลือ แม้เมื่อคิดผิด-ทำผิดก็ยังโชคดีที่มีโอกาส ได้คิดใหม่ทำใหม่อีกหลายครั้งครา แต่ “ทักษิณ” กับเครือข่ายก็ยังคงคิดผิดแล้วคิดผิดอีก ทำผิดแล้วทำผิดอีก..เฮ้อ!..น่าเสียดายจริงๆ

รัฐประหารถึงสองครั้ง จน “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ได้เป็น “ผู้นำรัฐประหาร” ควบ“นายกฯ” นานร่วม 5 ปี โดยไม่ได้ทำตาม “คำพูด” ว่าจะแก้ต้นเหตุปัญหาสำคัญๆ โดยเฉพาะไม่ได้ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง ทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม จึงมี “นักการเมืองสามานย์” ในสนามเลือกตั้งมากมาย จนทำให้การเมืองหลังการเลือกตั้งต้อง “ถอยหลังลงคลอง”

การเมืองไทยวันนี้ จึงยังมี “กลุ่มนักการเมือง” อ้างเป็น “คนรุ่นใหม่” มี “ผู้นำสามหน่อ” ที่ห้าวเป้ง“เธอกับฉัน” นั่นคือ หนึ่ง-ลูกชายมหาเศรษฐีทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์! สอง-นักวิชาการหลงกลิ่น “ครัวซองต์” ของเมืองน้ำหอม! สาม-สาวอดีตนักจ้อหน้าจอทีวีช่องแดง! ที่หน้ามืดตามัว “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว” ด้วยหลงคิดว่า “พวกตรูเป็นเทพเจ้าแห่งความถูกต้องบนแผ่นดินไทย”

“ผู้นำสามหน่อ” ดันทุรังมุ่งกระทำแต่เรื่องของ “หนึ่งความฝัน” จนต้องเคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภาอยู่ตลอดเวลา มุ่งทำให้เกิดการ “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” เป็นหลัก โดยอ้างต้องโค่นล้ม “คนอยู่เหนือนายกฯ บิ๊กตู่”

นั่นทำให้ “ผู้นำเธอกับฉัน” เปิดปฏิบัติการสนับสนุนหนุนหลัง “กลุ่มละอ่อนล้มเจ้า” ทั้งลับและเปิด

เผย ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยร่วมกับ “กลุ่มนักวิชาการ-สื่อมวลชน-ม็อบนอกสภา” ทั้งยังทุ่มเงินพิมพ์หนังสือความคิด “ล้มเจ้า” ออกเผยแพร่ รวมทั้งช่วยเหลือเจือจุน “กลุ่มคนล้มเจ้า” มาโดยตลอด อีกทั้งยังใช้เล่ห์ร้ายทางการเมือง ลวงหลอกเยาวชนที่บริสุทธิ์ ซึ่งไม่เท่าทัน “ความเจ้าเล่ห์” ของ “ผู้บงการอยู่เบื้องหลัง” โดยพยายามจะปกปิดความต้องการแท้จริงที่ซ่อนเร้นเอาไว้

เมื่อ “กลุ่มคนล้มเจ้า” ทั้งหลายเหล่านี้ มีพรรคการเมือง-มีกลุ่ม สส.ในสภา-มีนักวิชาการล้มเจ้า คอยป้อนความคิดทฤษฎี “ล้มเจ้า”ให้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีแกนนำ “กวิ้น-รุ้ง-อานนท์” ที่ “ปากกล้าทางการเมือง” มาเป็น “หุ่นให้ชัก” จึงคิดว่าการเคลื่อนไหวนอกสภา “ปีกกล้าขาแข็ง” แล้วโว้ย

เพราะ “กลุ่มแกนนำม็อบ” บางคน ที่เคยร่วมก่อตั้ง “พรรค” ที่ “ผู้คนก็รู้ว่าคือพรรคใด-ชื่อพรรคใด-พรรคของใคร” ได้ประกาศกลางที่สาธารณะอย่างเปิดเผยว่า การชุมนุมเคลื่อนไหวอย่างก้าวร้าว ใช้ถ้อยวาจาต่ำช้าสามานย์ของม็อบ “คณะราษฎร 63” ต้องการจะเปลี่ยน “ราชอาณาจักรไทย” ให้เป็น “สาธารณรัฐไทย” อันไร้ซึ่ง “สถาบันพระมหากษัตริย์” ที่ปวงชนชาวไทยส่วนใหญ่เทิดทูนนั่นเอง

ความคิดกับการกระทำที่ซ่อน “ความฝันล้มเจ้า” นี้ ได้สร้างความแตกแยกอย่างกว้างขวางรุนแรง ระหว่าง “คนไทยด้วยกัน”อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์

จนมีโอกาสจะทำให้ “คนไทย” ขัดแย้งและปะทะกัน ในหมู่ประชาชนไทยส่วนใหญ่ที่รักเคารพเจ้า และคนส่วนน้อยที่มุ่งโค่นล้มเจ้า เพื่อนำชาติไทยสู่ประชาธิปไตยแบบตะวันตกบางชาติ

ม็อบ “คณะราษฎร 63” ที่เหิมเกริมถึงขนาดการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2563 ได้บังอาจเข้ามากีดขวางและหยามเกียรติ ด้วยการ “ชูนิ้ว” เป็นสัญลักษณ์ที่ต่ำช้า และตะโกน “ด่าทอ”อย่างหยาบคาย ขณะที่ขบวนรถของ “พระราชินี” กับพระราชวงศ์เสด็จผ่าน
ขณะที่ประชาชนผู้จงรักภักดีเรือนแสน ที่ใส่เสื้อเหลืองเปล่งเสียงเทิดพระเกียรติซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ขอพระองค์ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องตลอดเส้นทาง

พฤติกรรมเถื่อนถ่อยของ“ม็อบล้มเจ้า” ที่มี “สามแกนนำอหังการ”อย่าง “กวิ้น-รุ้ง-อานนท์” มี“สามหน่อเธอกับฉัน” ที่บงการ “พรรคการเมือง ”ที่เรารู้ว่า “คือใคร”

ได้กระทำพฤติกรรมต่ำช้าจนประชาชนคนส่วนใหญ่ กำลังหมดสิ้นความอดทนลงเรื่อยๆ!

ส่วนรัฐบาลนายกฯ“ลุงตู่-ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยังคงไม่รู้ถึงการบริหารชาติแบบ “ตู่ๆ” ที่นำประชา

ชนเดินไปข้างหน้าด้วยคำสัญญาที่ว่า “ขอแค่เธอจงไว้ใจและศรัทธา แผ่นดินจะดีในไม่ช้า ความสุขจะคืน
กลับมา..ประเทศไทย”

แต่วันเวลาผ่านมานานเกินกว่า 6 ปีแล้ว “นายกฯ บิ๊กตู่” ยังไม่ได้ทำตาม “คำพูด” ที่สัญญากับประชาชนคราครั้งทำรัฐประหารว่า จะแก้ต้นเหตุปัญหาสำคัญๆให้ชาติ ทำให้ผู้คนยัง “มองไม่เห็นอนาคตอันสดใส” แถมยังมาเจอไวรัส “โควิด-19” ระบาดไปทั่วโลกและในชาติไทย จนทำให้เศรษฐกิจต้องสะดุดหยุดกึกลงจนทุกวันนี้

แม้ชาติไทยจะได้รับคำชมจากชาวโลก ด้วยรัฐบาล “บิ๊กตู่” เชื่อมั่นในบรรดา “หมอไทย” จนสามารถสกัดภัยร้ายจากไวรัส “โควิด-19” ไว้ได้ เป็นชาติในอันดับต้นๆของโลก

แต่ทางด้านเศรษฐกิจของชาติไทย ภายใต้การบริหารของรัฐบาล “บิ๊กตู่” จากวันแรกต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ยังคงมืดมนไร้อนาคตอันสดใส ประชาชนคนส่วนใหญ่ที่มีรายได้น้อยและยากจน ยังจมปลักอยู่ในสภาพต้องไป “ตายเอาดาบหน้า”(ว่ะ)!

ส่วนการเมืองของชาติไทยในวันนี้ ได้เกิดความแตกแยกในสังคม ปั่นป่วนวุ่นวายไร้ความสงบสุข จากความคิดและการกระทำของ “คนล้มเจ้า” ที่เป็นกลุ่มคนส่วนน้อยของชาติ ซึ่งกำลังปะทะกับคนส่วนใหญ่ที่ “รักเจ้า” จนอาจเกิดเหตุการณ์รุนแรงอันเลวร้ายขึ้นได้ตลอดเวลา

ถ้า “นายกฯ บิ๊กตู่” จะยังคงอยู่ในอำนาจต่อไป ก็ต้องใช้กฎหมายจัดการ “ขบวนการล้มเจ้า” อย่างเด็ดขาดจริงจัง และต้องดำเนินการปฏิรูปการเมืองชาติโดยเร็วที่สุดอีกด้วย!

“นายกฯ บิ๊กตู่” ต้องหยุด “พูดเรื่อยเจื้อย” ได้แล้ว และต้อง “ทำจริง” ให้ประชาชนเห็นในบัดนี้!


กำลังโหลดความคิดเห็น