xs
xsm
sm
md
lg

“ความปกติแบบใหม่”ในทะเลจีนใต้

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


จีนเคลื่อนย้ายขีปนาวุธ DF-17 เข้าประจำการในหน่วยรบแดนใต้
ปิดฉากสัปดาห์นี้...มาว่ากันถึงเรื่อง “เบาๆ” หรือเรื่องที่อาจพอช่วยให้เกิดความปลอดโปร่ง โล่งสบายขึ้นมาได้มั่ง เพราะอะไรต่อมิอะไรในบ้านเราช่วงนี้ ออกจะหนักไปทาง “น่าปวดหัวฉิบหาย” อย่างเป็นพิเศษ คือเต็มไปด้วยสีสันบรรยากาศแห่งความพยายามสร้างความเปรี้ยวมือ เปรี้ยวเท้า ให้กับฝ่ายตรงข้าม เพื่อหวังจะนำมาซึ่งรายการแจกส้นมือ ส้นตีน ระหว่างกันและกันให้จงได้ ประเภทนั่งโหยหวนครวญคราง บทเพลง “อยากจะชิมส้นตีนนัก...อยากจะชิมส้นตีนนัก” อยู่บนหัวสะพาน แบบบรรดาดาวร้ายในหนังไทยเมื่อยุคอดีต อะไรประมาณนั้น...

แม้แต่ข่าวคราวในต่างประเทศ...ก็ยังถูกนำมาทำให้เต็มไปด้วยสีสันบรรยากาศ แห่งความตึงเครียด ความน่าหนักอก-หนักใจ จนใครต่อใครอาจต้องเกิดอาการ “หูแหก-ตาแหก” โดยใช่เหตุ อย่างเช่นข่าวคราวการ “สับเปลี่ยน” อาวุธยุทโธปกรณ์ ของคุณพี่จีน หรือของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนในช่วงระหว่างนี้ ที่เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา เกิดการนำเอา “บ้องข้าวหลามยักษ์” หรือจรวดขีปนาวุธรุ่นล่าสุด ที่เรียกๆ กันว่า “ตงเฟิง 17” (DF-17) ไปติดตั้งเอาไว้แถบด้านใต้ของประเทศจีน ที่อยู่ห่างจากช่องแคบไต้หวันไปไม่เท่าไหร่ หรือแถวๆ มณฑลกวางตุ้ง อันส่งผลให้พวก “กูรู-กูรู้” หรือบรรดานักสังเกตการณ์ต่างประเทศบางราย ถึงกับพยายามออกมาแปลความ ตีความ ว่าคุณพี่จีนท่านอาจกำลังคิด “มัน-เอา-เรา-แน่” หรือคิดจะ “ถล่มไต้หวัน” ให้ราพณาสูร ก่อนที่จะรวมชาติ รวมแผ่นดิน ให้กลายเป็น “จีนเดียว” ไปซะที!!!

แต่ก็นั่นแหละ...ถึงแม้ขีปนาวุธรุ่นใหม่ อย่าง “DF-17” ของคุณพี่จีน อาจเอาเรื่อง-เอาราวอยู่ไม่น้อย สามารถถล่มอะไรต่อมิอะไรให้ราบเรียบเป็นหน้ากลองภายในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม แต่การ “เคลื่อนย้าย” หรือการ “สับเปลี่ยน” อาวุธชนิดนี้ ก็ใช่ว่าจะต้องถือเป็นการแสดงออกถึง “เจตนาร้าย” ของพญามังกร ที่ออกจะเก่งในการเล่นคลื่น โต้คลื่น ลอดเลื้อย รัดเลี้ยวเกี่ยวพัน มากซะยิ่งไปกว่าการคิดสำแดงเดช สำแดงพลัง แบบโจ้งโต้งๆ หรือถนัดในการเล่น “หมากล้อม” มากกว่า “หมากรุก” อยู่แล้วแน่ๆ แม้การนำเอายุทโธปกรณ์ระดับนี้ ไปวางไว้ในพื้นที่ดังกล่าว อาจถือเป็นปรากฏการณ์แบบที่ “ไม่เคยมีมาก่อน” ก็ตาม เพราะถ้าว่ากันตามสายตาของนักสังเกตการณ์ระดับ “ของจริง-ของแท้” อย่างเช่น “นายDerek Grossman” หรือ “นายTimothy Heath” นักวิเคราะห์อาวุโสของบรรษัทที่ปรึกษาด้านความมั่นคงระดับโลก อย่างบริษัท “Rand” การแสดงออกในลักษณะเช่นนี้ของจีน อาจถือเป็นเพียงแค่ “ความปกติแบบใหม่” (A New Normal) ในอีกลักษณะหนึ่งเท่านั้นเอง...

หรืออย่างที่หนึ่งในนักวิเคราะห์อาวุโสของบริษัทดังกล่าว สรุปเอาไว้นั่นแหละว่า...แม้ว่าจีนอาจพยายามเพิ่มแรงกดดัน หรือพยายาม “ขู่” ไต้หวันให้มากไปกว่าปกติธรรมดาอย่างที่เคยเป็นมา แต่ก็คงไม่คิดจะ “เสี่ยง” ถึงขั้นอยากเป็น “ผู้ลั่นกระสุนนัดแรก” อันจะนำมาซึ่ง “ไฟนรกสุดขอบฟ้า” ลุกโพลงขึ้นมาในอาณาบริเวณใกล้รั้ว ใกล้บ้านตัวเอง มากมายสักเท่าไหร่นัก ด้วยเหตุเพราะการใช้กำลังใดๆ กับไต้หวันแบบดื้อๆ ทื่อๆ ย่อมนำมาซึ่งการจุดชนวน “สงครามใหญ่” ได้แบบฉับพลัน-ทันที หรือย่อมนำมาซึ่งการไปลากเอากองกำลังทหารของสหรัฐฯ ที่แม้จะพยายามแสดงความกำกวม คลุมๆ เครือๆ ต่อนโยบายที่มีต่อไต้หวันอยู่ในทุกวันนี้ แต่ถ้าเกิดการบุก การโจมตี การถล่มไต้หวันขึ้นมาเมื่อไหร่ บรรดาเรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริกา ที่ป้วนๆ เปี้ยนๆ อยู่แถวทะเลจีนใต้และตะวันออกในช่วงระหว่างนี้ ย่อมไม่อาจเอามือซุกหีบอยู่แล้วแน่ๆ...

แม้แต่ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง อย่างญี่ปุ่นก็เถอะ...ไม่ว่าโดยสายใย ความใกล้ชิด ติดพันกับไต้หวัน หรือความพยายามเดินตาม “ลัทธิโยชิดะ” (Yoshida Doctrine) มาตั้งแต่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โน่นเลย คือการผูกขาตัวเองเอาไว้กับ “สุนัขเฝ้าบ้านผู้มีเกียรติ” หรือการเดินตามคุณพ่ออเมริกาอย่างไม่คิดจะผันแปรไปเป็นอื่น ยังไงๆ...ก็คงไม่คิดจะปล่อยให้ “จรวดตงเฟิง” หล่นใส่หัวกบาลชาวไต้หวันได้แบบหน้าตาเฉย ยิ่งเมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา...ถึงขั้นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น อย่าง “นายโยชิฮิเดะ ซูงะ” หรือ “ซูกะ” (Yoshihide Suga) ถึงขั้นลงทุนถ่อไปเยือนประเทศเวียดนาม คู่กัด คู่พิพาทกับคุณพี่จีนในเรื่องเกาะแก่งต่างๆ ในทะเลจีนใต้ และเพิ่งเซ็นสัญญาข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคง เปิดทางให้ญี่ปุ่นสามารถส่งออกอุปกรณ์ทางทหาร ไม่ว่าระบบเรดาร์หรือเครื่องบินตรวจการณ์ให้กับเวียดนามแบบถึงไหนก็ถึงกัน ย่อมถือเป็นสิ่งที่คุณพี่จีนจะไม่คิดหน้า-คิดหลังใดๆ คงมิได้ เพราะแม้งบประมาณความมั่งคงของญี่ปุ่นจะถูก “จำกัด” เอาไว้ตั้งแต่หลังสงครามโลก ไม่ให้เกินไปกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ก็เถอะ แต่ก็มากพอที่จะทำให้ศักยภาพและแสนยานุภาพ “กองกำลังป้องกันตัวเอง” ของบรรดานักรบซามูไร ยังเป็นอะไรที่น่าขนลุก ขนพอง ขนคอตั้งได้พอสมควรเหมือนกัน...

แต่ก็นั่นแหละ...การหันมาสร้าง “ความปกติแบบใหม่” ในนโยบายด้านความมั่นคงต่อไต้หวันของคุณพี่จีน ย่อมต้องถือเป็นเรื่องจำเป็น อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ เพราะช่วงหลังๆ มานี้...คุณพ่ออเมริกาท่านชั่ง “คณะราษฎร์” หรือชั่ง “ม็อบปลดแอก” เสียเหลือเกิน คือพยายาม “ยั่วยวนกวนส้นตีน” คุณพี่จีนอย่างค่อนข้างเป็นระบบและเป็นกิจการยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่า...ไม่เพียงส่งผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลไปเยือนเกาะไต้หวังแบบคราวแล้ว-คราวเล่า ล่าสุด...ยังพยายามหันไปลาก “สุนัขพูเดิล” ของอเมริกา อย่างอังกฤษ ให้เข้ามาร่วมหัว-จมท้ายในการขับขานบทเพลง “อยากจะชิมส้นตีนนัก” อยู่บนหัวสะพานแบบคอรัส หรือรัดคอ เอาเลยถึงขั้นนั้น โดยเห็นว่า...เมื่อช่วงวันพุธที่ 21 และพฤหัสฯ ที่ 22 ที่ผ่านมา ได้ส่งรัฐมนตรีการค้าต่างประเทศ “นายGreg Hands” ไปเยือนเกาะไต้หวันกันถึงที่ เพื่อฟื้นฟูสัมพันธภาพทางการค้าและการศึกษากับเกาะเล็กๆ แห่งนี้ โดยไม่คิดจะสนใจว่า “จีนเดียว” หรือ “สองจีน” อีกต่อไป...

อีกทั้งในช่วงของการพูดจาปราศรัยในเวทีประชุมความมั่นคงระดับโลก หรือ “The Atlantic Future Forum” เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เพียงรัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ “นายBen Wallace” ได้แสดงออกอย่างชัดเจน ถึงการยืนหยัด เคียงบ่า-เคียงไหล่กับคุณพ่ออเมริกาอย่างมิมีวันเป็นอื่น โดยคำป่าวประกาศที่ว่า...ภายใต้โลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและท่าทีที่เป็นปรปักษ์เพิ่มขึ้น หรือ “โลกที่เต็มไปด้วยพื้นที่สีเทา” อันเป็นตัวท้าทายการตัดสินใจอังกฤษให้ต้องเลือกระหว่าง “สงครามและสันติภาพ” โดยมีมหาอำนาจคู่แข่งอย่างคุณพี่จีนเป็นผู้เล่นรายหลัก... “อังกฤษจำต้องเดินเคียงบ่า-เคียงไหล่ไปกับสหรัฐอเมริกา เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให้กับผู้ที่เป็นพันธมิตรขั้นพิเศษ” รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา “นายMark Esper” ก็ยังพยายามอวดโชว์ความแข็งแกร่งของอเมริกา ไว้ภายในเวทีประชุมเดียวกัน โดยพยายามชี้ให้เห็นว่า...ประเทศที่ถือเป็น “พันธมิตร” กับมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีนและรัสเซียนั้น มีเพียงแค่ไม่ถึง 10 ประเทศ ในขณะที่ผู้ซึ่งพร้อมจะยืนหยัดกับอเมริกาอย่างไม่คิดจะผันแปรไปเป็นอื่น น่าจะมีไม่ต่ำกว่า 68 ประเทศเป็นอย่างน้อย...

แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยการหันไปเล่น “หมากล้อม” ไม่ได้เอาแต่คิดจะโขก “หมากรุก” ในแต่ละกระดาน แม้แต่ในกระดาน “ไต้หวัน” ก็ตาม สิ่งที่รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกาไม่ได้คิดจะหยิบยกมาพูดถึงในเวที “The Atlantic Future Forum” คราวนี้ และอาจถือเป็น “หมากล้อม” ที่สำคัญเอามากๆ นั่นคือ “ตัวเลขการขาดดุลงบประมาณ” ของรัฐบาลอเมริกันปีนี้ ที่ทะลุโด่งไปถึง 3.1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นอย่างน้อย อันอาจส่งผลให้ต้อง “ปรับลดงบประมาณด้านความมั่นคง” ของกระทรวงกลาโหม หรือของเพนตากอนในปีหน้า และอาจส่งผลให้แผนการเพิ่มแสนยานุภาพทางทะเลของสหรัฐฯ ในทะเลจีนใต้และตะวันออก ของรัฐมนตรีกลาโหมรายนี้ ที่ว่ากันว่า...อาจต้องใช้เม็ดเงินนับเป็นหมื่นๆ ล้านดอลลาร์ อาจถึงขั้น “แห้วกระป๋อง” เอาดื้อๆ!!! ขณะผู้ที่เป็นพันธมิตรหรือไม่เป็นพันธมิตรกับอเมริกาก็แล้วแต่ ต่างอยากหันมา “ค้า-ขายกับจีน” ประเทศที่สามารถฟื้นตัวเลขเศรษฐกิจให้กลับมาโต หรือกลับมาบวก 3 บวก 4 ได้เป็นประเทศเดียวในโลก แม้แต่ “สุนัขพูเดิล” อย่างอังกฤษก็เถอะ ที่คงหนีไม่พ้นต้องวิ่งเข้าหาจีนหลังการถอนตัวจาก “Brexit” ไม่ว่าทางหนึ่ง ทางใด อยู่แล้วแน่ๆ...




กำลังโหลดความคิดเห็น