xs
xsm
sm
md
lg

ประชาธิปไตย-เผด็จการกับ“คุณค่าความเป็นมนุษย์”

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงพื้นที่หาเสียงที่เมือง Sanford รัฐฟลอริดา สหรัฐฯ
วันนี้...คงต้องขออนุญาตไปหยิบเอา “ปฏิกิริยาท่าที” ของผู้คน ตลอดไปจนรัฐบาลแต่ละรัฐบาล ในการเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่โลกทั้งโลกยังไม่ถึงกับเข้าถึง-เข้าใจ มากมายสักเท่าไหร่นัก อย่างเชื้อ “COVID-19” มาพูดจา ว่ากล่าวกันอีกสักรอบ เพราะจากภาพข่าว ภาพเหตุการณ์ ช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา โดยเฉพาะระหว่างสองประเทศอภิมหาอำนาจอย่างคุณพี่จีนกับคุณพ่ออเมริกา ออกจะเป็นภาพที่ตัดกันไป-ตัดกันมา ก่อให้เกิดความรู้สึกขัดแย้ง แปลกแยกระหว่างกันและกันชนิดแทบเป็นคนละเรื่อง คนละม้วน เอาเลยก็ว่าได้...

คือขณะประเทศอภิมหาอำนาจอย่างคุณพี่จีน ที่ค่อนข้างหนักไปทาง “เผด็จการ” แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ (11 ต.ค.) ที่ผ่านมานี่เอง เพียงแค่ตรวจพบ “ผู้ติดเชื้อ” ในเมืองชิงเต่า เมืองท่าในมณฑลซานตง แถวๆ แถบตะวันออกของประเทศเพียงแค่ 12 รายเท่านั้นเอง รัฐบาลจีนถึงกับต้องออกประกาศให้ผู้คนจำนวนถึง 9 ล้านคน เข้ามาตรวจหาเชื้อภายในช่วงระยะเวลา 5 วัน สั่งล็อกดาวน์โรงพยาบาลกลางและแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล ระดมทีมแพทย์และอาสาสมัครตรวจเชื้อผู้คนนับล้านๆ ที่พร้อมเข้าแถว เข้าคิวรอกันตั้งแต่ไก่โห่ หรือตั้งแต่ 7.00 น. ไปจนถึง 23.00 น. โดยหลังจากตรวจเชื้อไปแล้วประมาณ 110,000 คน จะไม่พบเชื้อบวกใดๆ ก็ตาม แต่ออกจะเป็นอะไรที่สะท้อนถึงความเอาจริง-เอาจังเอามากๆ ไม่ว่าจะในแง่รัฐบาล หรือประชาชนก็ตาม...

ขณะประเทศอภิมหาอำนาจอีกรายอย่างคุณพ่ออเมริกา ที่ออกจะเป็นอะไรที่อิสระเสรี เป็น “ประชาธิปไตย” แบบทั้งแท่ง ทั้งด้ามมาโดยตลอด ในช่วงระยะใกล้ๆ กัน หรือเมื่อช่วงวันจันทร์ (12 ต.ค.) ที่ผ่านมานี่เอง บรรดาอเมริกันชนนับร้อย นับพัน แห่งเมือง Sanford ในรัฐฟลอริดา พากันแห่ไปต้อนรับผู้นำประเทศ อย่าง “ทรัมป์บ้า” ที่เดินทางเข้ามารณรงค์หาเสียงเป็นจุดแรก หลังจากที่เพิ่งผ่านการ “ติดเชื้อ” โควิดมาหมาดๆ โดยไม่ได้คิดจะสวมหน้ากาก ไม่คิดเว้นระยะห่างใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ออไปอยู่ที่สนามบิน Orlando ชนิดแทบไม่ต่างไปจากพวก “ฮูลิแกน” เชียร์บอล อะไรทำนองนั้น ขณะที่ตัวของ “ทรัมป์บ้า” เอง ก็ไม่ได้คิดจะชี้แนะ ชี้นำ ใครต่อใครไปใน “ทางที่ควร” กลับ “ยุส่ง” หรือ “บ้าส่ง” ไปซะอีกต่างหาก...

คือระหว่างเดินไป-เดินมาบนแคทวอล์ค ที่จัดเตรียมไว้ต้อนรับตัวเอง ยังอุตส่าห์เต้นย็อกๆ แย็กๆ ในจังหวะเพลง “YMCA” เพื่อแสดงอาการว่ายังคงมีสุขภาพแข็งแรง ในการเดินทางหาเสียง หรือหา “คะแนนนิยม” ให้กับ “ตัวกูเอง” อะไรประมาณนั้น แถมยังป่าวประกาศซะอีกด้วยว่า... “เขาบอกว่าผมพ้นอันตรายเรียบร้อยแล้ว (จากการติดเชื้อ) ผมรู้สึกว่ามีพลังมาก จนพร้อมที่จะจูบใครต่อใคร ไม่ว่าผู้ชายหรือโดยเฉพาะผู้หญิงสวยๆ พร้อมที่จะจูบผู้เข้าร่วมชุมนุมทุกคนในแบบ fat, big kiss” เอาเลยถึงขั้นนั้น คือออกอาการห่าม ระห่ำ และ “อันตราย” แบบสุดๆ โดยเฉพาะถ้าว่ากันตาม “มาตรฐาน” ขององค์กรที่ทำหน้าที่ควบคุมและป้องกันโรคระบาด อย่าง “CDC” หรือ “Center for Disease Control and Prevention” ของอเมริกาเอง ที่พูดเอาไว้ชัดว่า “ผู้ป่วย” หรือผู้ผ่านการติดเชื้ออย่าง “ทรัมป์บ้า” นั้น อย่างน้อย...ควรที่จะ “กักตัวเอง” เอาไว้ไม่น้อยกว่า 10 วัน หรือถ้าเป็นไปได้อาจต้องมากกว่า 20 วันขึ้นไป ถึงจะเป็นอะไรที่ “ปลอดภัย” หรือไม่ไป “แพร่เชื้อ” ใส่ผู้อื่น ที่อยู่ร่วมภายในสังคมเดียวกัน...

แต่นี่...แค่ 3 วันเท่านั้น!!! ก็แหกค่าย แหกวงล้อมของพวกหมอๆ ออกมาเฉิดฉาย เจ๊าะๆ แจ๊ะๆ ถอดหน้ากาก พ่นแมงโม้ พ่นละอองเรณูและสารคัดหลั่ง อย่างไม่คิดสนใจความฉิบหายวางป่วงของผู้อื่นเอาเลยแม้แต่น้อย ไม่แต่เฉพาะหน้าระเบียงทำเนียบขาว ยังตามมาด้วยการเต้นไป-เต้นมาที่สนามบินรัฐฟลอริดาเมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา แล้วยังคิดจะต่อไปยังรัฐเพนซิลเวเนียในวันอังคาร ไอโอวาในวันพุธ นอร์ทแคโรไลนาในวันพฤหัสฯ ฯลฯ ฯลฯ หรือพร้อมที่จะออกไปยุ ไปเชียร์ ให้บรรดาอเมริกันชน ไม่ต้องกลัว หรือไม่จำเป็นต้องสนใจการแพร่ระบาดของเชื้อ “COVID-19” ใดๆ ต่อไปอีกแล้ว ชนิดเล่นเอาบรรดา “Stupid White Men” ทั้งหลาย พร้อมที่จะเลิกสวมหน้ากาก ไม่คิดเว้นระยะห่าง ออกมา “มั่ว” หรือออกมา “บ้า” เช่นเดียวกับ “ทรัมป์บ้า” ทั้งๆ ที่บรรดาชาวอเมริกันจำนวนถึง 214,985 ราย จะเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ไปเพราะเชื้อ “COVID-19” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หรือมากกว่าจำนวนคนตายในสงครามของอเมริกา 5 ครั้งรวมกัน ติดเชื้อไปแล้วไม่น้อยกว่า 7,792,816 ราย อยู่ในอาการน่าวิตก น่ากังวล ไม่ต่ำกว่า 3,075,077 ราย เอาเลยถึงขั้นนั้น...

อันนี้นี่แหละ...ที่มันทำให้เกิดความขัดแย้ง แปลกแยกในอารมณ์-ความรู้สึกขึ้นมาดื้อๆ!!! เพราะดูเหมือนว่า...อาจต้องถือเป็น “คำตอบ” และ “คำอธิบาย” ต่อความผิดแผก แตกต่างระหว่างสิ่งที่เรียกว่า “ประชาธิปไตยแบบอเมริกา” กับ “เผด็จการแบบจีน” ชนิดมีแต่ต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ คือพูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าเผด็จการแบบจีน หรือจะเรียกว่าประชาธิปไตยรวมศูนย์แบบจีน หรือสังคมนิยมที่ลักษณะเฉพาะแบบจีนๆ ฯลฯ ก็แล้วแต่ อาจเป็นอะไรที่น่าเกลียด น่ากลัว มิใช่น้อย เมื่อเทียบกับความเป็นอิสระเสรี ตามมาตรฐานประชาธิปไตยอเมริกา แต่เพียงแค่การแสดงออกถึง “คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์” ของบรรดาผู้ที่อาจติดเชื้อ-ไม่ติดเชื้อจากโรคระบาดอย่าง “COVID-19” เที่ยวนี้ ก็น่าจะเป็นอะไรที่ออกจะชัดเจนเอามากๆ ว่าใคร? หรือระบอบใด? กันแน่ ที่ให้ค่า ให้ราคา ต่อความอยู่รอดปลอดภัยของ “มวลมนุษย์” มาก-น้อยไปกว่ากัน...

และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้ไม่ถึงกับถือเป็นเรื่องแปลก ที่แม้แต่โดยตัวเลข สถิติขององค์กรระหว่างประเทศอย่าง “ธนาคารโลก” ยังคงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า ตลอดช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ด้วยระบอบ “เผด็จการ” แบบจีนๆ นี่แหละ ที่เป็นตัวช่วยดลบันดาลให้บรรดาคนยาก-คนจนในเมืองจีนจำนวนไม่น้อยกว่า 850 ล้านคน หรือประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรชาวจีน สามารถลืมตา-อ้าปาก หรือสามารถยกระดับตัวเองให้พ้นจากเส้นมาตรฐานความยากจนของสหประชาชาติโดยคาดๆ กันว่า...ภายในปี ค.ศ. 2020 หรือภายในปีนี้ จะเหลือจำนวน “คนจน” ในเมืองจีนเพียงแค่ไม่เกิน 7 ล้านคนเท่านั้นเอง และก็คงไม่ถือเป็นเรื่องแปลกอีกเช่นกัน ที่ระบอบ “ประชาธิปไตย” ตามมาตรฐานอเมริกัน หรือ “ประชาธิปไตยของพ่อค้า-โดยพ่อค้า-และเพื่อพ่อค้า” กลับกลายตัวดลบันดาลให้จำนวน “คนจน” ในอเมริกามีแต่เพิ่มกับเพิ่ม ปาเข้าไปไม่ต่ำกว่า 46.2 ล้านคนหรือประมาณ 15.1 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรอเมริกันทั้งมวล นับจากปี ค.ศ. 2011 เป็นต้นมา ขณะที่ความมั่งคั่งของประเทศขยายตัวไปถึง 19.8 ล้านล้านดอลลาร์ หรือขณะที่จำนวนคนรวย มีอยู่แค่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง...

อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ...ที่ทำให้ความเป็น “เผด็จการ” มันเลยไม่ถึงกับน่าเกลียด น่ากลัวมากมายสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะถ้าความเป็นเผด็จการนั้นๆ มันมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่ “ความอยู่-เย็น-เป็นสุข” ของผู้คนเป็นอันดับแรก ขณะ “ประชาธิปไตย” ซะอีกแต่ลองถ้ามันมุ่งไปสู่ความเรอแล้ว เรออีก ของบรรดาพวกพ่อค้า หรือพวกคนรวยๆ ทั้งหลาย ไม่เพียงแต่จะเป็นตัวดลบันดาลให้บรรดาคนจนมีแต่เพิ่มกับเพิ่ม ยังอาจดลบันดาลให้เกิดบรรดาพวก “Stupid White Men” หรือพวกที่พร้อมจะถอดหน้ากาก พร้อมนุงนัง นัวเนีย เพียงเพื่อออกมาแห่แหน “คนบ้า” แบบชนิดบ้าไปแล้ว หรือบ้า...ก็...บ้าวะ กันไปตามสภาพ เพราะอย่างที่ผู้อำนวยการ “WHO” “นายเทดรอส เกเบรเยซุส” (Tedros Ghebreyesus) ท่านเพิ่งออกมาให้ความคิด ความเห็น ไว้เมื่อช่วงวันอังคาร (13 ต.ค.) ที่ผ่านมานั่นแหละว่า... “ใครก็ตามที่คิดปล่อยให้อันตรายจากไวรัสที่เรายังคงไม่รู้จักกันดี อย่างเชื้อไวรัส COVID-19 แพร่ระบาดไปอย่างอิสระเสรี โดยหวังว่าอาจสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นมาเองในวันใดวันหนึ่งนั้น...ก็คือผู้ที่ไร้จริยธรรม” ความพยายามที่จะเอาชนะกันในทางการเมือง โดยไม่ได้คิดจะสนใจอันตรายจากไวรัสตัวนี้ ไม่ว่าจะเรียกมันว่าประชาธิปไตย หรืออะไรก็แล้วแต่ จึงต้องถือเป็นระบบ หรือระบอบที่ “ไร้จริยธรรม” อย่างเห็นได้ชัดเจน นั่นเอง...




กำลังโหลดความคิดเห็น