xs
xsm
sm
md
lg

จีนลุยตรวจ ‘ไวรัส’ ที่ซิงต่าว 2 วัน 4.2 ล้านคน ขณะ WHO ชี้ไอเดีย ‘ภูมิคุ้มกันหมู่’ ผิดพลาดหนัก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เก็บตัวอย่างจากเด็กน้อยผู้หนึ่ง ขณะที่ชาวเมืองชิงต่าว ในมณฑลซานตง สวมหน้ากากป้องกันเข้าแถวรอรับการตรวจเชื้อโควิด-19 ณ ย่านที่พักอาศัยแห่งหนึ่งของเมืองท่าสำคัญทางภาคตะวันออกของจีนแห่งนี้ เมื่อวันจันทร์ (12 ต.ค.)
จีนระบุในวันอังคาร (13 ต.ค.) ใช้เวลา 2 วันเดินหน้าตรวจ “โควิด” ชาวเมืองชิงต่าว ไปแล้ว 4.2 ล้านคน จากกว่า 9 ล้านคน โดยตั้งเป้าให้เสร็จสิ้นในวันพฤหัสบดี (15) ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) เตือน การปล่อยให้ผู้คนติดไวรัสกันมากๆ โดยหวังสร้าง “ภูมิคุ้มกันหมู่” เป็นการเข้าใจที่ผิดพลาด ซ้ำทำให้เกิดปัญหาทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์และจริยธรรม ขณะเดียวกันบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันประกาศระงับการทดสอบวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาของตนเอาไว้ชั่วคราว หลังพบกลุ่มตัวอย่างป่วยปริศนา 1 คน

ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ยังคงระบาดอย่างรวดเร็วทั่วโลก ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อกว่า 37 ล้านคน และประเทศต่างๆ ที่สกัดการระบาดรอบแรกสำเร็จก่อนหน้านี้ กำลังเผชิญการระบาดซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลายพื้นที่ของยุโรป

ขณะที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกันที่ผ่านกระบวนการทดสอบประสิทธิผลและความปลอดภัยอย่างครบถ้วน หลายประเทศจึงยังคงใช้ความพยายามเพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสระบาดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ได้สั่งตรวจประชาชนทั้งหมดจำนวนกว่า 9 ล้านคนในเมืองชิงต่าว เมืองท่าสำคัญในมณฑลซานตง ทางภาคตะวันออกของประเทศ ภายหลังพบผู้ติดเชื้อ 6 คน และผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ 6 คนเมื่อวันอาทิตย์ (11) ที่ผ่านมา

คณะกรรมการสุขภาพเมืองชิงต่าวแถลงเมื่อบ่ายวันอังคาร (13) ว่า สามารถเก็บตัวอย่างเพื่อทดสอบกรดนิวคลิอิกของไวรัสจากประชาชน 4.2 ล้านคน และดำเนินการตรวจทดสอบตัวอย่างเหล่านี้ไปแล้ว 1.9 ล้านตัวอย่าง ผลออกมาว่ายังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม พร้อมกันนั้นคณะกรรมการเสริมว่า วางแผนตรวจประชาชนทั้ง 9.4 ล้านคนให้แล้วเสร็จภายในวันพฤหัสฯ นี้

เวลาเดียวกัน บางประเทศที่ไม่ต้องการเผชิญปัญหาเศรษฐกิจจากมาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่มาตรการป้องกันอย่างเช่นการสวมหน้ากากป้องกันและการเว้นระยะห่างทางสังคม ก็ไม่สามารถบังคับใช้อย่างเข้มงวด ดูเหมือนเลือกใช้วิธีปล่อยให้ไวรัสระบาด ด้วยความหวังว่าจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งหมายถึงการที่ประชาชนจำนวนมากติดเชื้อ แล้วส่งผลให้ผู้คนส่วนใหญ่เกิดภูมิคุ้มกันขึ้นมา

ทว่า เมื่อวันจันทร์ (12) เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เตือนว่า แผนการเช่นนี้ใช้การไม่ได้ และมีปัญหาทั้งทางวิทยาศาสตร์และจริยธรรม

เขาชี้ว่า ภูมิคุ้มกันหมู่จริงๆ แล้วเป็นแนวคิดในเรื่องการให้วัคซีนป้องกัน นั่นคือ ถ้ามีการให้วัคซีนแก่ประชากรจนถึงอัตราส่วนที่เหมาะสมแล้ว ก็จะทำให้ประชากรทั้งหมดมีภูมิคุ้มกันโรคนั้นๆ ตัวอย่างเช่น โรคหัด ประมาณการกันว่าถ้าประชากร 95% ได้รับวัคซีน ที่เหลืออีก 5% ก็จะได้รับการคุ้มครองไม่ให้ติดไวรัสนี้ไปด้วย สำหรับกรณีโรคโปลิโอ อัตราส่วนเช่นนี้ประมาณการกันว่าอยู่ที่ 80%

“ภูมิคุ้มกันหมู่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากการคุ้มครองผู้คนไม่ให้ติดไวรัส ไม่ใช่ด้วยการปล่อยให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อไวรัส” เทดรอสกล่าว พร้อมย้ำว่า “ในประวัติทางด้านสาธารณสุข ไม่เคยมีการนำเอาเรื่องภูมิคุ้มกันหมู่มาใช้เป็นยุทธศาสตร์เพื่อตอบโต้กับการเกิดโรคติดต่อด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่กับการเกิดการระบาดใหญ่ๆ”

ผู้อำนวยการใหญ่ WHO ชี้อีกว่า การยินยอมปล่อยไวรัสอันตรายที่เรายังไม่ได้มีความเข้าใจอย่างเต็มที่ ให้สามารถระบาดไปได้อย่างเสรีย่อมเป็นเรื่องไร้จริยาธรรมอย่างยิ่ง และต้องไม่ถือเป็นทางเลือกหนึ่งเลย

ทั้งนี้ ยังมีปัญหาสุขภาพระยะยาวจากการติดเชื้อไวรัสนี้อีกจำนวนมาก ซึ่งพวกนักวิจัยเพิ่งแค่เริ่มต้นเรียนรู้ทำความเข้าใจเท่านั้น

เขาชี้ด้วยว่า ในประเทศส่วนใหญ่เชื่อว่ามีประชากรไม่ถึง 10% ที่ติดต่อสัมผัสเชื้อโรคนี้แล้ว ดังนั้นจึงยังมีประชาชนส่วนข้างมากอีกมหาศาลนักในประเทศส่วนใหญ่ของโลกซึ่งยังคงอาจตกเป็นเหยื่อของไวรัสนี้ได้ การปล่อยให้ไวรัสแพร่กระจายไปโดยเสรีจึงหมายถึงทำให้เกิดการติดเชื้อ ความทุกข์ทรมาน และความตายที่ไม่จำเป็นขึ้นมาอย่างมากมาย

ในอีกด้านหนึ่ง วิกฤตโรคระบาดใหญ่คราวนี้ซึ่งทำให้ผู้คนทั่วโลกเสียชีวิตกว่าล้านคนแล้ว กำลังกระตุ้นให้ประเทศและภาคส่วนต่างๆ ขวนขวายพัฒนาวัคซีนและวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพ

เวลานี้มีบริษัทยาหลายแห่งอยู่ระหว่างการทดสอบทางคลินิกขั้นสุดท้าย ทว่าความหวังในเรื่องนี้รายหนึ่งได้ประสบภาวะชะงักงันขึ้นมาเมื่อวันจันทร์ เมื่อบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (เจแอนด์เจ) ประกาศว่า จะระงับการทดสอบวัคซีนต้านโควิดกับผู้ป่วย 60,000 คนเป็นการชั่วคราว เนื่องจากพบอาการป่วยที่ไม่สามารถอธิบายได้ในผู้ที่อยู่ในกลุ่มตัวอย่างคนหนึ่ง

เจแอนด์เจแถลงว่า คณะกรรมการกำกับดูแลข้อมูลและความปลอดภัยอิสระ รวมถึงคณะแพทย์ของอเมริกากำลังตรวจสอบอาการป่วยดังกล่าว และยืนยันว่า การระงับการทดลองในโครงการขนาดใหญ่เช่นนี้เป็นเรื่องปกติ

ปัจจุบัน บริษัทยาอย่างน้อย 10 แห่งกำลังทดสอบวัคซีนต้านโควิดเฟส 3 ทั่วโลก ในจำนวนนี้รวมถึงเจแอนด์เจ

ยักษ์ใหญ่เวชภัณฑ์แห่งนี้ได้เงินอัดฉีด 1,450 ล้านดอลลาร์ภายใต้ปฏิบัติการ “โอเปอเรชัน วาร์ป สปีด” ที่ได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งหวังผลทางการเมือง หากอเมริกาสามารถแจกจ่ายวัคซีนให้ประชาชนก่อนการเลือกตั้งต้นเดือนหน้า

การประกาศนี้มีขึ้นหลังจากที่เมื่อเดือนที่แล้ว แอสตราเซเนกา ซึ่งก็ได้รับเงินอัดฉีดภายใต้ปฏิบัติการโอเปอเรชัน วาร์ป สปีดเช่นเดียวกัน ตัดสินใจระงับการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด หลังพบผู้เข้าร่วมคนหนึ่งป่วยปริศนาเหมือน

แม้แอสตราเซเนกาสามารถเดินหน้าโครงการทดลองในอังกฤษ บราซิล แอฟริกาใต้ และอินเดียต่อ แต่ยังต้องระงับโครงการในอเมริกาเพื่อให้ทางการตรวจสอบ

ทั้งนี้ วัคซีนของเจแอนด์เจและแอสตราเซเนกาใช้เทคนิคเดียวกันโดยการดัดแปลงไวรัสอะดิโน ซึ่งเป็นไวรัสที่ไม่อันตรายเพื่อให้สั่งการให้เซลล์ในร่างกายมนุษย์ผลิตโปรตีนวัคซีน

(ที่มา: เอเอฟพี, เอพี, รอยเตอร์)

ภาพที่มาจากบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เมื่อเดือนกันยายน 2020 ระบุว่า เป็นวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งกำลังพัฒนาโดยบริษัท ทั้งนี้ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน แถลงในวันจันทร์ (12 ต.ค.) ว่าต้องระงับการทดสอบวัคซีนของบริษัทไว้ชั่วคราว เนื่องจากมีผู้ที่อยู่ในกลุ่มตัวอย่างเกิดอาการป่วยที่ไม่สามารถอธิบายได้


กำลังโหลดความคิดเห็น