ทางการจีนเมื่อวันจันทร์ (12 ต.ค.) สั่งตรวจเชื้อ “โควิด” ผู้คนทั่วทั้งเมืองชิงต่าว ภายในเวลา 5 วัน หลังพบเคสใหม่ 6 คน จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนครที่มีประชากรกว่า 9 ล้านคนแห่งนี้ ขณะที่ยุโรปก็ผวาระบาดระลอกสอง โดยอังกฤษเตรียมประกาศระบบจำกัดการระบาดแบบแบ่งระดับเพื่อแยกล็อกดาวน์พื้นที่แค่บางส่วน ด้านนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส เตือนอาจต้องใช้มาตรการเข้มข้นอีกครั้ง ถ้าผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล เช่นเดียวกับอิตาลีที่มีแผนยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในบางพื้นที่
จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในจีนลดลงอย่างมาก นับจากช่วงที่ระบาดแรกๆ เมื่อต้นปี และไม่พบเคสใหม่ภายในประเทศนับจากต้นเดือนสิงหาคม กระนั้นทางการยังสั่งเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
เมื่อคืนวันอาทิตย์ (11) เมืองชิงต่าว ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญในมณฑลซานตง ทางภาคตะวันออกของจีน รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 คน และผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ 6 คน ซึ่งรวมถึงผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ 3 คน ที่รายงานในช่วงกลางวัน ทั้งหมดนี้เชื่อมโยงกับผู้ป่วยคนหนึ่งในโรงพยาบาลโรคทรวงอกชิงต่าว ซึ่งเดินทางมาจากต่างประเทศ
เพื่อป้องกันไว้ก่อน ทางการจึงสั่งตรวจประชาชนทั้งเมืองกว่า 9 ล้านคน ซึ่งคาดว่า จะแล้วเสร็จภายใน 5 วัน รวมทั้งสั่งล็อกดาวน์โรงพยาบาลโรคทรวงอกชิงต่าว แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลกลางของเมือง และอาคารที่พักอาศัยที่พบผู้ติดเชื้อ
การติดเชื้อครั้งใหม่ในชิงต่าวเกิดขึ้นไม่นานหลังสิ้นสุดเทศกาลวันหยุดยาวเนื่องในวันชาติจีน ที่ประชาชนนับล้านๆ เดินทางกันทั่วแผ่นดินใหญ่
ทั้งนี้ คณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติของจีน ยืนยันพบผู้ติดเชื้อ 21 คน ในวันอาทิตย์ ไม่รวมเคสใหม่ในชิงต่าว ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 85,578 คน และเสียชีวิต 4,634 คน
สำหรับที่อังกฤษ รายงานข่าวระบุว่า นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน กำลังเตรียมประกาศใช้ระบบจำกัดการระบาดของโควิด-19 ด้วยวิธีใช้มาตรการหลายๆ ระดับที่แตกต่างกันกับพื้นที่ของประเทศ ซึ่งมีความหนักเบาของการระบาดไม่เท่ากัน ถึงแม้สร้างความไม่พอใจให้ผู้ประกอบการบางกลุ่มก็ตาม
รายงานระบุว่า จอห์นสันจะประชุมคณะกรรมการฉุกเฉินของรัฐบาลและแถลงต่อรัฐสภาในวันจันทร์ (12) เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาลงมติภายในสัปดาห์นี้ก่อนแถลงข่าวร่วมกับที่ปรึกษาด้านการแพทย์และรัฐมนตรีคลัง
มาตรการล็อกดาวน์แบบแบ่งระดับนี้ หากเป็นพื้นที่เตือนภัยระดับสูงมากจะต้องมีการปิดบาร์ ฟิตเนส กาสิโน และสถานรับเสี่ยงโชค โดยคาดกันว่า น่าจะครอบคลุมพื้นที่ตอนเหนือของเขตปกครองอิงแลนด์ เช่น เมืองลิเวอร์พูล
อย่างไรก็ดี ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ เช่น สมาคม ไนต์ ไทม์ อินดัสทรีส์ แอสโซซิเอชัน เผยว่า ตนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยื่นฟ้องร้อง เพื่อให้ระงับการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เช่นนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจบันเทิงยามค่ำคืน
ในวันอาทิตย์ อังกฤษรายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่ 12,872 คน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 42,825 คน
ขณะเดียวกัน ที่ฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรี ฌอง คาสเท็กซ์ เตือนว่า รัฐบาลอาจจำเป็นต้องบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งเพื่อควบคุมการระบาดระลอกสองที่กำลังสร้างภาระหนักให้โรงพยาบาลต่างๆ
คาสเท็กซ์ ระบุว่า ถ้าภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า ตัวเลขการระบาดยังแย่ลง ผู้ป่วยในแผนกวิกฤตเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดไว้ รัฐบาลจะต้องดำเนินมาตรการเพิ่มเติม ซึ่งอาจรวมถึงการสั่งให้กักตัวอยู่บ้านและการปิดธุรกิจบางอย่าง แต่ย้ำว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่จะหลีกเลี่ยงไม่ต้องมีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศแบบฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา ซึ่งโควิดระบาดหนัก
ผู้นำฝ่ายบริหารของฝรั่งเศส สำทับว่า เมื่อคืนวันอาทิตย์มีการประกาศให้เมืองตูลูส และเมืองมองต์เปลิเยร์ เป็นพื้นที่ที่มีการเตือนภัยระดับสูงสุด เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมแล้วมี 9 เมืองที่บังคับใช้การเตือนภัยระดับสูงสุด
วันเสาร์ สำนักงานสาธารณสุขแห่งชาติของฝรั่งเศส รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่เกือบ 27,000 คน และกว่า 16,000 คน ในวันอาทิตย์ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 32,730 คน
ไม่เพียงแค่อังกฤษและฝรั่งเศส สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า อิตาลีอาจประกาศห้ามจัดปาร์ตี้ส่วนตัว และจำกัดจำนวนแขกในงานแต่งงานและงานศพ รวมทั้งยกระดับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในสถานที่ทำงานบางแห่งอย่างเร็วที่สุดในวันจันทร์ หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (9) จำนวนเคสใหม่พุ่งทะลุ 5,000 คน เป็นครั้งแรกนับจากเดือนมีนาคม และยังคงสูงกว่า 5,000 คนทั้งในวันเสาร์และอาทิตย์
อย่างไรก็ดี จำนวนผู้เสียชีวิตถือว่า ลดลงอย่างมากโดยเหลือเพียงแค่วันละไม่ถึง 30 คน จากช่วงที่สาหัสที่สุดที่มีคนตายวันละเกิน 900 คนเมื่อปลายเดือนมีนาคม
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)