นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน กำหนดข้อจำกัดเข้มข้นขึ้นในหลายฟื้นที่ของอังกฤษในวันจันทร์ (12 ต.ค.) ในนั้นรวมถึงสั่งปิดผับบาร์ เพื่อชะลอจำนวนเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ แม้ก่อความขุ่นเคืองในวงกว้าง เนื่องจากต้องแลกมาด้วยสิทธิเสรีภาพที่น้อยลงก็ตาม
จอห์นสัน แถลงระบบใหม่ 3 ระดับ ในความพยายามปะติดปะต่อและสร้างมาตรฐานแก่ข้อจำกัดต่างๆ ที่กำหนดบังคับใช้ทั่วอังกฤษ หลังจากก่อนหน้านี้บ่อยครั้งที่มันก่อความยุ่งเหยิงและสับสน ในขณะที่บรรดาสมาชิกรัฐสภาจะทำการลงมติในความเคลื่อนไหวดังกล่าวในวันอังคาร (13 ต.ค.)
มาตรการล็อกดาวน์นี้จะรวมไปถึงการปิดผับบาร์ และห้ามจัดงานเลี้ยงแต่งงานในพื้นที่ต่างๆ ในพื้นที่ที่มีระดับความน่ากังวล “สูงมาก” นับตั้งแต่วันพุธ (14 ต.ค.) เป็นต้นไป ส่วน 2 ระดับที่เหลือของระบบใหม่นี้ก็คือ “ระดับปานกลาง” และ “ระดับสูง”
จนถึงตอนนี้แถบเมอร์ซีย์ไซด์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ รวมถึงเมืองลิเวอร์พูล เป็นเพียงพื้นที่เดียวที่ถูกจัดอยู่ในระดับ “สูงมาก” โดยนอกเหนือจากการปิดผับบาร์แล้ว โรงยิม, ศูนย์สันทนาการต่างๆ, กาสิโน, ร้านรับพนันอย่างถูกกฎหมาย และศูนย์เกมสำหรับผู้ใหญ่ก็จะถูกปิดเช่นกัน
“เราต้องดำเนินการเพื่อปกป้องชีวิตผู้คน” จอห์นสันกล่าวกับรัฐสภา พร้อมระบุว่าเขาไม่ต้องการออกคำสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้ง และตระหนักถึงความผิดหวังของประชาชนผู้ที่ไม่ต้องการให้สิทธิเสรีภาพของพวกเขาถูกรบกวน
“หากเราปล่อยให้ไวรัสลุกลาม เราจะไม่ใช่แค่เพียงประสบกับยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่ไม่อาจยอมรับได้ แต่ระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของเราจะประสบกับภาวะตึงเครียดใหญ่หลวง ยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นระลอกสองที่ไม่สามารถควบคุมได้ จะทำให้คณะแพทย์และพยาบาลของเรา ไม่อาจอุทิศตนเองรักษาคนอื่นได้อีก” จอห์นสันกล่าว
ในวันจันทร์ (12 ต.ค.) สหราชอาณาจักรรายงานพบผู้ติดเชื้อ เพิ่มขึ้นถึง 13,972 คน ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเป็น 617,688 คน และพบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 50 คน ยอดเสียชีวิตสะสม 42,875 คน
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบอกว่า จากข้อมูลล่าสุดพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วภาคเหนือของอังกฤษ และในบางพื้นที่ทางภาคใต้ด้วยเช่นกัน ในขณะที่ไวรัสแพร่จากกลุ่มคนอายุ 16-29 ปีสู่คนชรา
คริส วิตตี หัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของรัฐบาล บอกว่าข้อจำกัดต่างๆ ที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะบังคับใช้กับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงมากๆ ยังไม่เพียงพอที่จะควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่เหล่านั้น และเรียกร้องเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นยกระดับข้อจำกัดต่างๆ มากกว่าที่เป็นอยู่
เสียงเรียกร้องนี้มีขึ้นเนื่องจากสถาบันการศึกษา, ร้านอาหาร และสถานที่ททำงานส่วนใหญ่ ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงมาก ยังคงเปิดทำการ
เจน เอดเดิลสัน ที่ปรึกษาหออภิบาลผู้ป่วยหลักของเมืองแมนเชสเตอร์ เปิดเผยว่า คนไข้โควิด-19 คิดเป็น 30% ของผู้ป่วยที่อยู่บนเตียงในห้องไอซียู และมันเริ่มส่งผลกระทบต่อการดูแลรักษาพยาบาลคนไข้อื่นๆ
“มันไม่ใช่แนวทางที่เราต้องการใช้ชีวิต แต่มันเป็นเส้นทางแคบๆที่เราจำเป็นต้องก้าวเดิน ระหว่างความบอบช้ำทางสังคมและเศรษฐกิจจากการล็อกดาวน์เต็มขั้น กับต้นทุนด้านทรัพยากรมนุษย์และเศรษฐกิจอันมหาศาล หากไม่สามารถควบคุมโรคระบาดใหญ่ได้” จอห์นสันกล่าว
อย่างไรก็ตาม ระบบ 3 ชั้นจะบังคับใช้เฉพาะในอังกฤษ ในขณะที่เจ้าหน้าที่สกอตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลด้านสาธารณสุขของตนเอง
(ที่มา : รอยเตอร์)