สหราชอาณาจักร รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 12,872 คน ในวันเสาร์ (3 ต.ค.) เป็นตัวเลขรายงานสูงสุดนับตั้งแต่มีการแพร่รบาด แต่รัฐบาลกล่าวโทษยอดที่พุ่งขึ้นว่ามีสาเหตุจากการรายงานล่าช้า และบอกว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะรวมเคสที่ยังไม่ถูกนับรวมก่อนหน้านี้
เว็บไซต์ของทางรัฐบาลอ้างว่า ปัญหาทางเทคนิคทำให้การรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ล่าช้าบางส่วน “นั่นหมายความว่า ตัวเลขรวมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะรวมถึงเคสเพิ่มเติมบางส่วนจากช่วงระหว่างวันที่ 24 กันยายน ถึง 1 ตุลาคม ซึ่งจะทำให้จำนวนเคสผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น”
ตัวเลข 12,872 คน ถือเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นจาก 6,968 คนของวันศุกร์ (2 ต.ค.) ถึง 2 เท่า ทำลายสถิติสูงสุดเดิม 7,143 คน ที่เพิ่งทำเอาไว้เมื่อวันอังคาร (29 ก.ย.) ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของสหราชอาณาจักร เพิ่มเป็น 480,017 คน ในนั้นเสียชีวิต 42,317 คน หลังพบผู้เสีชีวิตเพิ่มอีก 49 ราย
เวลานี้สหราชอาณาจักรดำเนินการตรวจเชื้อโควิด-19 ประชาชนมากกว่า 200,000 คนต่อวัน เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากช่วงต้นๆของโรคระบาดใหญ่ ซึ่งมีการตรวจเชื้อเพียงราวๆ 100,000 คนต่อวัน
ทั้งนี้ อัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-1 ในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นมากกว่า 40% ในรอบ 7 วันหลังสุด ขณะที่อัตราอุบัติการณ์ของโรคหรือค่า “ไออาร์” เฉลี่ยของทั้งประเทศเวลานี้อยู่ที่ 64 คนต่อประชากร 100,000 คน
บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กำหนดเป้าหมายตรวจเชื้อโควิด-19 ให้ได้ 500,000 คนต่อวัน
จอห์นสัน ให้คำมั่นว่า จะเร่งการทดสอบหาเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยระบุว่า การทดสอบเพื่อหาเชื้อไวรัสเป็นกุญแจสำคัญที่จะเอาชนะการแพร่ระบาดได้ หลังจากที่รัฐบาลอังกฤษต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อที่น้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านในยุโรป
(ที่มา:รอยเตอร์)