‘ทรัมป์’ โวผลตรวจไวรัสเป็นลบ และมีภูมิต้านทานโควิด-19 พร้อมลุยหาเสียงโค้งสุดท้ายสู้กับไบเดนที่กำลังมีคะแนนนิยมนำห่าง ถึงขนาดสมาชิกอาวุโสรีพับลิกันหลายคนเริ่มถอดใจ ว่า อาจเสียทั้งทำเนียบขาว และ 2 สภาให้เดโมแครต และวางตัวออกห่างจากทรัมป์
หลังจากเมื่อวันเสาร์ (10) แพทย์ประจำตัวรับรองว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่มีความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโควิด-19 และสามารถกลับไปหาเสียงได้ วันรุ่งขึ้น (11) ทรัมป์ประกาศว่า ผลตรวจโควิดออกมาเป็นลบโดยสิ้นเชิง และตนเองมีภูมิคุ้มกันไวรัสร้ายนี้ จึงไม่จำเป็นต้องกินยาอีกต่อไป รวมทั้งไม่ต้องหลบอยู่ในตึกเหมือนโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ที่หาเสียงภายใต้แนวทางที่ระมัดระวังในการป้องกันไวรัสมากกว่า
อย่างไรก็ตาม แพทย์ยังไม่เคยประกาศว่า ทรัมป์ปลอดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แล้ว รวมทั้งเรื่องที่เขามีภูมิคุ้มกันก็ยังไม่ได้รับการพิสูจน์
ทวิตเตอร์ได้ขึ้นเครื่องหมายเตือนในโพสต์ที่ทรัมป์อวดอ้างเรื่องภูมิคุ้มกัน เนื่องจากละเมิดกฎเรื่องงดเผยแพร่ข้อมูลที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิดเกี่ยวกับโควิด ทั้งนี้ เวลานี้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยังไม่มีข้อสรุปว่า คนที่หายจากโควิดจะมีสารภูมิคุ้มกันและป้องกันไม่ให้ติดเชื้อซ้ำได้หรือไม่
ทั้งนี้ ทรัมป์ วัย 74 ปี ได้รับการรักษาด้วยสูตรยากระตุ้นภูมิคุ้มกันหลายขนานผสมกันที่ผลิตโดยบริษัท รีเจเนรอน ยาตัวนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และเชื่อกันว่า อาจช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโควิดนาน 2-3 เดือน
ทรัมป์นั้นนับวันรอที่จะได้กลับไปหาเสียงอีกครั้ง ขณะที่คะแนนนิยมยังตามไบเดนหลายช่วงตัว โดยที่วันเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที โดยหลังจากปราศรัยกับผู้สนับสนุนหลายร้อยคนจากบนระเบียงทำเนียบขาวเมื่อวันเสาร์ ทรัมป์เตรียมเดินทางออกไปปราศรัยหาเสียงที่รัฐฟลอริดาในวันจันทร์ (12) ต่อด้วยเพนซิลเวเนีย และ ไอโอวา
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลสุขภาพของทรัมป์ดูเหมือนไม่โปร่งใสนัก โดยทีมแพทย์ที่รักษาเขาปฏิเสธที่จะระบุว่า ก่อนที่จะยืนยันว่าเขาป่วยโรคโควิดนั้น ครั้งสุดท้ายที่ผลตรวจทรัมป์ออกมาเป็นลบคือเมื่อใดกันแน่ ทำให้สงสัยกันว่า ทรัมป์อาจไม่ได้ตรวจโควิดนานหลายวันก่อนการวินิจฉัยดังกล่าว
นอกจากนั้น แม้ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตในอเมริกาถึงกว่า 214,000 คน และเคสใหม่เฉลี่ยวันละ 48,000 คน แต่ทรัมป์ยังคงปลุกเร้าอเมริกันชนไม่ให้กลัวโควิด
ในวันอาทิตย์ แอนโทนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อชั้นนำของคณะบริหารสหรัฐฯ ได้วิจารณ์โฆษณาหาเสียงชิ้นหนึ่งของทรัมป์ที่ชูนโยบายการจัดการโรคระบาด ว่า คำพูดของตนถูกตัดต่อจนดูเหมือนว่าตนเองให้การรับรองมาตรการรับมือโควิดของทรัมป์ ฟาวซี สำทับว่า ไม่เคยให้การรับรองผู้สมัครรับเลือกตั้งคนใดตลอดเวลาเกือบ 5 ทศวรรษ ที่ทำงานรับใช้สังคม
ด้านทรัมป์แก้ต่างว่า เนื้อหาในโฆษณาดังกล่าวหยิบยกมาจากคำพูดของฟาวซี และยังคงคุยฟุ้งว่า ผลงานของตัวเองนั้นยอดเยี่ยม
ทางฝ่ายไบเดนที่เปิดเผยผลตรวจโควิดของตนเองทุกวัน นับจากที่ทรัมป์ประกาศว่า ติดโควิดเมื่อวันที่ 1 ที่ผ่านมา โจมตีการตัดสินใจของทรัมป์ในการออกไปหาเสียงกลางฝูงชนจำนวนมากว่า เป็นการกระทำที่เสี่ยงภัย
ขณะนี้ คะแนนนิยมในตัวอดีตรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต วัย 77 ปีผู้นี้ นำอยู่ 10% ทั่วประเทศ และยังนำต่อเนื่องแต่อยู่ในระดับต่ำกว่านี้ในบางรัฐที่เป็นสนามสำคัญ
กระทั่งสมาชิกอาวุโสของพรรครีพับลิกันบางคน ยังดูเหมือนพยายามวางตัวออกห่างจากทรัมป์ คณะบริหาร และนโยบายของคณะบริหารชุดนี้ สะท้อนความกังวลมากขึ้นภายในหมู่ผู้นำรีพับลิกันว่า การเลือกตั้งในวันที่ 3 เดือนหน้า ทั้งไบเดนและพรรคเดโมแครตอาจชนะถล่มทลาย
เท็ด ครูซ วุฒิสมาชิกรีพับลิกันจากรัฐเทกซัส ที่เคยวิจารณ์ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์รายการสคว็อกบ็อกซ์ของซีเอ็นบีซี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (9) ว่า รีพับลิกันอาจเสียทั้งทำเนียบขาว สภาสูง และ สภาผู้แทนราษฎร แต่สำทับว่า ผลการเลือกตั้งยังมีแนวโน้มพลิกผันสูง และเขายังเห็นความเป็นไปได้ว่า ทรัมป์อาจได้ชัยชนะขาดลอย
ส.ว.ทอม ทิลลิส หนึ่งในผู้ติดเชื้อโควิดจากพิธีเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลสูงสุดที่ทำเนียบขาวเมื่อสองสัปดาห์ก่อน และลงเลือกตั้งคราวนี้ด้วย เพื่อรักษาเก้าอี้วุฒิสมาชิกรัฐนอร์ทแคโรไลนาเอาไว้อีกสมัย ได้เผลอพูดเป็นนัยว่า ทรัมป์จะแพ้ไบเดน ในระหว่างที่เขาโต้วาทีกับ แคล คันนิงแฮม ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต โดยทิลลิสบอกว่า รีพับลิกันควรได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา เพื่อคานอำนาจประธานาธิบดีของไบเดน
ความไม่พอใจตัวทรัมป์ในพพรรครีพับลิกัน ก็ดูชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะในหมู่ผู้ที่ลงแข่งขันรับเลือกตั้งเที่ยวนี้ด้วย
ส.ว.มาร์ธา แมคแซลลีย์ วุฒิสมาชิกจากรัฐแอริโซนา ที่มีคะแนนเป็นรองผู้สมัครของเดโมแครตอย่าง มาร์ก เคลลี อดีตนักบินอวกาศนาซา หลายช่วงตัว โจมตีทรัมป์ที่เหน็บแนม จอห์น แมคเคน อดีตวุฒิสมาชิกรีพับลิกันของรัฐนี้ที่ล่วงลับไปแล้วไม่เลิกรา
ส.ว.จอห์น คอร์นิน วุฒิสมาชิกเทกซัส ก็ประณามทรัมป์ว่า สร้างความสับสนเรื่องไวรัสโคโรนาและเลิกป้องกันตัวเองทั้งที่ไวรัสยังคงระบาดทั่วประเทศ
แม้แต่ ส.ว.มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในสภาสูง วัย 78 ปี ยังบอกว่า จะไม่เฉียดกรายไปทำเนียบขาวอย่างน้อย 2 เดือน เนื่องจากเขามีแนวทางจัดการไวรัสต่างจากทรัมป์ โดยเฉพาะในเรื่องการสวมหน้ากากและการเว้นระยะห่างทางสังคม
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, การ์เดียน)