เอเจนซีส์ – “ทรัมป์” แบไต๋ไม่ยอมถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่นถ้าแพ้การเลือกตั้ง แย้มอาจต้องพึ่งศาลสูงสุดชี้ขาด พร้อมกันนี้ยังเตรียมฉกชิงความได้เปรียบด้วยการรีบเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลสูงสุดที่ว่างลงกะทันหัน 1 ตำแหน่ง อันจะทำให้รีพับลิกันมีตัวแทนในองค์คณะสูงสุดของอำนาจตุลาการนี้ถึง 6 จาก 9 ทางด้าน โจ ไบเดน คู่แข่งจากเดโมแคต ตอบโต้โดยตั้งคำถามว่า ทรัมป์คิดว่าเขากำลังอยู่ประเทศไหน ส่วนมิตต์ รอมนีย์ ส.ว.รีพับลิกันที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับทรัมป์ ก็กล่าวว่า การถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่น คือหลักการพื้นฐานของประชาธิปไตย ไม่เช่นนั้นที่นี่คงเป็นเบลารุส
ในวันพุธ (23 ก.ย.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาวว่า จะยอมถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่นหรือไม่ ถาหากเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ว่า “ไว้มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
ทรัมป์ที่มีคะแนนตามหลังโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต ในผลการสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันทั่วประเทศ ย้ำบ่อยครั้งว่า ไม่มั่นใจในความชอบธรรมของการเลือกตั้ง ทั้งยังกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานว่า การลงคะแนนทางไปรษณีย์เปิดโอกาสให้มีการโกงการเลือกตั้งขนานใหญ่
ตรงข้ามกับพรรคเดโมแครตที่สนับสนุนการลงคะแนนด้วยวิธีนี้เพื่อความปลอดภัยในสถานการณ์โรคระบาด นอกจากนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชาวอเมริกันหลายล้านคนยังลงคะแนนทางไปรษณีย์โดยไม่เคยปรากฏปัญหาใดๆ กระทั่งตัวทรัมป์เองก็ยังเคยใช้บริการเช่นนี้เหมือนกัน
ระหว่างการแถลงข่าว ทรัมป์ยังพูดเป็นนัยว่า การลงคะแนนทางไปรษณีย์ที่คาดหมายกันว่าปีนี้จะมีผู้ใช้วิธีนี้กันเป็นจำนวนมากนั้น อาจเป็นโมฆะ พร้อมกับพูดอย่างชอบอกชอบใจว่า หากเป็นกรณีนี้ เขาจะยังคงอยู่ในอำนาจต่อไป “กำจัดบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ แล้วคุณจะมีหนทางที่สันติมากๆ พูดตรงๆ ก็คือ ไม่ใช่การถ่ายโอนอำนาจ แต่จะเป็นการสานต่อ” เขากล่าว
ด้านไบเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่รัฐเดลาแวร์ว่า การแสดงความคิดเห็นของทรัมป์เรื่องการถ่ายโอนอำนาจนั้นเป็นสิ่งที่ไร้เหตุผลอย่างที่สุด จนกระทั่งเขาพูดอะไรไม่ออก
“นี่เราอยู่ประเทศไหนกัน” ไบเดนตั้งคำถาม ขณะที่ทีมหาเสียงของอดีตรองประธานาธิบดีผู้นี้เผยว่า กำลังเตรียมรับมือ “การโกง” ของทรัมป์
ขณะที่มิตต์ รอมนีย์ วุฒิสมาชิกรีพับลิกันที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับทรัมป์แม้สังกัดพรรคเดียวกัน ทวิตว่า “หลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยคือการถ่ายโอนอำนาจอย่างราบรื่น ไม่เช่นนั้น ที่นี่คงเป็นเบลารุส” และสำทับว่า การกล่าวเป็นนัยว่า ประธานาธิบดีจะไม่เคารพหลักการประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่เกินคาดคิดและยอมรับไม่ได้
ก่อนให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวในเรื่องนี้ ทรัมป์ยังกล่าวในวันเดียวกันว่า การเลือกตั้งคราวนี้อาจไปจบลงที่ศาลสูงสุด “และผมคิดว่า เราจำเป็นต้องมีผู้พิพากษาในศาลครบทั้ง 9 คน”
ทรัมป์มีแผนเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลสูงสุดคนใหม่ในวันเสาร์ (26) เพื่อทำหน้าที่แทน รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ผู้พิพากษาแนวเสรีนิยมที่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (18) ซึ่งคาดว่า พรรครีพับลิกันที่กุมอำนาจในวุฒิสภาจะโหวตรับรองอย่างรวดเร็ว และทำให้ฝ่ายอนุรักษนิยมมีเสียงข้างมากในศาลสูงสุดถึง 6-3 และสร้างปัญหาใหญ่กับเดโมแครตในกรณีที่ต้องมีการวินิจฉัยข้อขัดแย้งทางกฎหมายเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ ในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีเพียงครั้งเดียวที่ต้องขอให้ศาลสูงสุดชี้ขาดคือ การเลือกตั้งในปี 2000 ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างจอร์จ ดับเบิลยู. บุช จากพรรครีพับลิกัน และอัล กอร์ จากพรรคเดโมแครต
ก่อนหน้านี้ ไบเดนกล่าวระหว่างหาเสียงในรัฐนอร์ทแคโรไลนาว่า รีพับลิกันกำลังจะละเมิดเจตนารมณ์สำคัญของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยการรีบร้อนแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุด และสำทับว่า การที่ศาลสูงสุดเอนเอียงไปทางฝั่งอนุรักษนิยมอาจส่งผลต่อสิทธิในการทำแท้งและกฎหมายดูแลสุขภาพโอบามาแคร์
พรรคเดโมแครตต่างประณามแผนการนี้โดยระบุว่า ควรให้คณะบริหารชุดใหม่หลังการเลือกตั้งเป็นผู้เสนอชื่อผู้พิพากษามากกว่า
นับจากเข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ได้แต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุดสายอนุรักษนิยมแล้ว 2 คนคือ นีล กอร์ซัช ในปี 2017 และเบรตต์ คาวานอห์ ในปี 2018 ทั้งนี้ ผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เสนอชื่อโดยประธานาธิบดีเพื่อให้วุฒิสภารับรอง และเมื่อได้รับแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว ก็สามารถอยู่ในตำแหน่งไปได้ตลอดชีวิต