วันนี้...คงต้องย้อนกลับไปสำรวจตรวจสอบ ลักษณะอาการของประเทศ “ดาวยั่ว” อย่างคุณพ่ออเมริกา ว่าไปถึงไหนต่อถึงไหนกันมั่งแล้ว เพราะเหลือเวลาอีกแค่เดือนกว่าๆ หรือแค่อีกไม่กี่สัปดาห์ ก็จะได้เวลา “เขย่าประชาธิปไตยในอุ้งมือของท่าน” โดยบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย ในการเลือกตั้งผู้นำประเทศ หรือประธานาธิบดีรายใหม่ ว่ายังคงเป็น “ทรัมป์บ้า” หรือจะเปลี่ยนไปเป็น “โจซึมเซา” หรือ “โจวิตถาร” กันแน่ อันอาจส่งผลเกี่ยวเนื่อง เกี่ยวโยงไปถึงแนวรบในด้านต่างๆ ของโลก รวมทั้งภายในสังคมอเมริกันเอง มากบ้าง-น้อยบ้าง ไปตามสภาพ...
พูดง่ายๆ ว่า...การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสังคมอเมริกันทุกวันนี้ เผลอๆ...อาจหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของ “พรรคเผาไทย” ในบ้านเรา ประมาณห้าร้อยเท่า หรือพันเท่า เอาเลยก็ว่าได้ คือไม่ใช่แค่ “กราบงามๆ” สามทีหรือกี่ทีก็แล้วแต่ แล้วสามารถส่งผลให้เกิดรายการ “พลิกหน้าตีนเป็นหลังมือ” ชนิดบรรดานักวิเคราะห์ นักคาดการณ์ทางการเมืองถึงกับตกตะลึง ตาค้างไปเป็นแถบๆ เพราะดูเหมือนว่า...ไม่ว่าจะกราบกันสักกี่ทีต่อกี่ที โอกาสที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสังคมอเมริกัน จากหน้าตีนเป็นหลังมือ จากความสับสนวุ่นวาย กลายเป็นความสงบเรียบร้อยขึ้นมาได้มั่งนั้น ออกจะเป็นอะไรที่ยากส์ส์ส์แสนยากส์ส์ส์ ยิ่งเข้าไปทุกที หรือลักษณะอาการดูจะออกไปทาง “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย” หรือ “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” โดยไม่จำเป็นที่จะต้องอาศัย “ส้นตีน” ผู้อื่นเอาเลยแม้แต่น้อย...
คือไม่ว่าจะเป็นนักวิเคราะห์ นักคาดการณ์ใดๆ ก็แล้วแต่...ออกจะเห็นไปในแนวเดียวกัน คล้ายกันซะเป็นหลักใหญ่ ถึงแนวโน้มความฉิบหาย ความเจ๊งที่กำลังรอคอยอยู่เบื้องหน้า ไม่ว่าจะเป็นนักคิด นักเขียนระดับ “เบสท์ เซลเลอร์” จากกรณีเหตุการณ์ 9/11 ในอดีต อย่าง “นายBarton Gellman” ที่สรุปไว้ในวารสาร “The Atlantic” ถึงแนวโน้มดังกล่าวโดยไล่เรียงมาตามลำดับ ไม่ว่าเป็นเพราะความปั่นป่วนวุ่นวายจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “COVID-19” ที่ยังคงทำให้อเมริกาดำรงตำแหน่งเป็น “จ้าวโรค” อยู่ในทุกวันนี้ ความ “ระห่ำ” ของผู้นำประเทศปัจจุบัน ที่มุ่งหวังกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกรอบให้จงได้ ไปจนถึง “ความพร่ามัว” ที่แทบไม่ต่างไปจากภาพลวงตา ต่อผลลัพธ์แห่งการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทางไปรษณีย์ ไปจนการ “ส่งสัญญาณทางการเมือง” ถึงความวุ่นวายที่อาจตามมา แม้การเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว นั่นคือการเรียกระดมบรรดา “นักกฎหมาย” ให้เข้ามาอาศัย “เทคนิคทางกฎหมาย” เพื่อช่วยสร้างความได้เปรียบ-เสียเปรียบ หรือเพื่อเอาชนะการเลือกตั้ง โดยกรรมวิธีที่สลับซับซ้อนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
เรียกว่า...แม้แต่การชิงตัดสินใจเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลสูง อย่าง “นางAmy Coney Barrett” แทนที่จะปล่อยให้เป็นเรื่องประธานาธิบดีหลังเลือกตั้งเป็นผู้ตัดสินใจ ก็ยังถูกนำมาผูกโยง เกี่ยวพันกับความพยายามอาศัย “เทคนิคทางกฎหมาย” หรือความพยายามอาศัย “เนติบริกร” เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ-เสียเปรียบทางการเมือง โดยเฉพาะถ้าหากกระบวนการเลือกตั้งอาจต้องยืดเยื้อ คาราคาซังไปเป็นเดือนๆ หรือต้องหันไปอาศัยอำนาจตุลาการ เป็นผู้วินิจฉัย ชี้ขาดกันแทนที่...
บรรดาเค้าแห่งความยุ่งยาก ลำบาก ที่เริ่มปรากฏให้เห็นหลายต่อหลายเรื่องในลักษณะที่ว่า ต่อระบอบประชาธิปไตยในอเมริกา หรือต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีคราวนี้ ตั้งแต่การลงคะแนน นับคะแนน การกล่าวหาประเทศโน้น ประเทศนี้ ว่าพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งในอเมริกา ไม่ว่าจีน รัสเซีย อิหร่าน ฯลฯ เป็นต้น ไปจนการแสดงท่าทีกำๆ กวมๆ ของประธานาธิบดีปัจจุบัน ต่อการถ่ายโอนอำนาจโดยสันติ ถ้าตัวเองอาจต้องตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ชนิดประธานรัฐสภา “นางNancy Pelosi” ถึงกับต้องออกมาเตือนความจำของ “ทรัมป์บ้า” ว่า “นี่ไม่ใช่เกาหลีเหนือ” หรือ “ไม่ใช่เบลารุส” อะไรประมาณนั้น ฯลฯ...
อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง ที่ทำให้นักวิเคราะห์ นักคาดการณ์อีกราย อย่าง “นายGraham Hryce” นักข่าวและนักเขียนชาวออสเตรเลีย ที่เคยออกมาเตือนๆ ให้ระวัง “ผีดิบแฟรงเกนสไตน์คืนชีพ” หรือให้ระวังไว้ว่า “Here’s why Frankenstein Trump will probably win in November” อะไรประมาณนั้น เลยอดไม่ได้ที่จะต้องออกมา “ฟันธง” เอาไว้อีกรอบ เมื่อช่วงวันจันทร์ (28 ก.ย.) ที่ผ่านมาว่า...ไม่ว่าใครแพ้-ใครชนะในการเลือกตั้งคราวนี้ก็ตาม แต่โอกาสที่สังคมอเมริกันอาจต้อง “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” หรือ “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย” เริ่มมีแนวโน้มความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงเอามากๆ อันเนื่องมาจากการที่ต้องเผชิญหน้ากับ “วิกฤตการณ์ทางการเมืองและสังคมที่ไม่เคยมีมาก่อน”...
ไม่ว่าภาวะที่ทำให้พรรคการเมืองรายสำคัญของอเมริกา อย่าง “เดโมแครต” และ “รีพับลิกัน” อาจต้องแตกดังโพละ หรือดังเพล๊ะหนักซะยิ่งกว่าพรรค “เผาไทย” ในบ้านเราเอาเลยก็ไม่แน่ เพราะในขณะที่ผู้นำอย่าง “ทรัมป์บ้า” พยายามทำให้พรรครัฐบาลอย่างรีพับลิกัน ออกไปทางสุดกู่ สุดเหวี่ยง หรือสุดโต่งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เกิดพวก “Anti-Trump” ผลุบๆ โผล่ๆ ขึ้นมาภายในพรรคอย่างชนิดเยอะแยะ ยั้วเยี้ย ไม่ว่าในลักษณะแอบจิต หรือสว่างจิตก็ตาม และต่างพร้อมที่จะถีบทิ้ง หรือถีบหัวเรือส่งได้ทุกเมื่อ แต่ถึงกระนั้น...พรรคฝ่ายค้านอย่าง “เดโมแครต” ก็ใช่จะเป็นเอกภาพ แน่นเหนียว มั่นคงแต่อย่างใด เพราะผู้พยายามฉุดกระชากลากถู ให้พรรคโน้มเอียงไปทางด้านซ้าย หรือออกไปในแนว “ปลดแอก” แบบคณะก้าวหน้า ก้าวไกลในบ้านเราทั้งหลาย อย่างเช่น “นางAlexandria Ocasio-Cortez” เป็นต้น ที่ทำให้พรรคการเมืองพรรคนี้ แทบต้องกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับบรรดานักประท้วง นักก่อม็อบข้างถนน อย่างพวก “BLM” หรือ “Black Lives Matter” ไปแล้วถึงขั้นนั้น...
อาการสุดโต่ง สุดสวิงของพรรคการเมืองทั้งสองฝ่าย เมื่อต้องบวกเข้ากับความสุดโต่ง สุดสวิงของ “มวลชน” หรือของบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย ที่นับวันยิ่งแยกกลุ่ม แยกฝ่าย และพร้อม “ปฏิเสธชัยชนะ” ของแต่ละฝ่ายไปด้วยกันทั้งสิ้น อันนี้...นี่แหละที่อาจนำมาซึ่งความ “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย” หรือ “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” ขึ้นมาได้ไม่ยากส์ส์ส์ เพราะใครก็ตามที่เคยอ่านข่าว ตามข่าวการเคลื่อนไหวมวลชนในสังคมอเมริกันช่วงนี้ โอกาสขนหัวลุก ขนคอตั้ง ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ เช่นข่าวคราวเมื่อช่วงวันเสาร์ (26 ก.ย.) ที่ผ่านมา ว่าด้วยการรวมตัว รวมพลังของบรรดาพวก “ขวาจัด” ที่รู้จักกันในนาม “Proud Boys Group” จำนวนนับร้อยๆ พันๆ ที่ล้วนแล้วแต่มี “อาวุธประจำกาย” ไม่ว่ามีด-ไม้-กระบอง-ไม้เบสบอล-ไปจนถึง “ปืน” ณ สวนสาธารณะ “Delta Park” เพื่อหวังยกพหลพลโยธาบุกเข้าสู่ “ศูนย์กลางแห่งการประท้วง” ที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน จนส่งผลให้ผู้ว่าการรัฐอย่าง “นายKate Brown” ต้องรีบออกมาประกาศ “ภาวะฉุกเฉิน” โดยฉับพลัน-ทันที เนื่องจากพวก “White Supremacist Groups” เหล่านี้ที่ต่างสวมเสื้อยืดสนับสนุน “ทรัมป์บ้า” อย่างเป็นที่เอิกเกริก ได้ป่าวประกาศเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า...ต้องหาทาง “ยุติการก่อการร้ายภายในประเทศ” ให้จงได้ ขณะที่พวก “ซ้ายจัด” ที่รู้จักกันในนาม “NFCA” หรือ “Not Fucking Around Coalition” ก็เพิ่งออกมาสวนสนาม พร้อมอาวุธปืนประจำกาย คนละกระบอก-สองกระบอก ดังนั้น...ภายใต้สภาพเช่นนี้ โอกาส “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย” หรือ “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” โดยไม่จำเป็นต้องอาศัย “ส้นตีน” ผู้อื่น จึงใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย!!!