xs
xsm
sm
md
lg

6 ปีใต้อำนาจประยุทธ์ ที่กลายเป็นเงื่อนไขของวิกฤต

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

ไม่มีใครไม่เคยเป็นเด็ก และเด็กทุกคนถ้าเอาชีวิตรอดผ่านคืนวันไปได้ก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ ความคิดในวัยเด็กเป็นอย่างหนึ่ง ความคิดเมื่อเราเติบใหญ่ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง เปลี่ยนแปลงไปตามความรับรู้ความเข้าใจ สภาวะ หน้าที่ สภาพแวดล้อม และความรับผิดชอบที่แตกต่างกันไป

เด็กมักจะไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่จึงต้องกำหนดกฎเกณฑ์ให้ปฏิบัติ และมองว่า กฎเกณฑ์เหล่านั้นเป็นเรื่องรกรุงรังไม่จำเป็น ไม่ได้คิดว่า เพราะผู้ใหญ่ต้องการฝึกฝนให้เข้าใจในกฎเกณฑ์กติกาของสังคมในการอยู่ร่วมกัน รู้จักมารยาทและกาลเทศะ รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก


ผมก็เคยเป็นเด็กห้าวเป้งมาก่อน เขียนบอร์ดวิจารณ์ครูฝ่ายปกครองวิจารณ์โรงเรียน ตอนอยู่ ม.ศ.2หรือ 3 พูดกับครูฝ่ายปกครองไม่รู้เรื่อง ผมเขียนกลอนไปติดบอร์ดว่า “กูหรือคือหมาน้อย/ตัวเล็กด้อยไร้เดียงสา/ผู้เลี้ยงต่างภาษา/กูเป็นหมามันเป็นคน/พูดกันไม่รู้เรื่อง/ช่างขุ่นเคืองเสียเหลือทน/ปากมันพึมพำพ่น/กูไม่สนไม่เข้าใจ” เป็นการเปรียบเปรยให้เห็นว่า ทำไมเรากับครูจึงเหมือนกับการพูดกันไม่รู้เรื่องเพราะอยู่กันคนละสายพันธุ์นั่นเอง มีครูสอนการประพันธ์เอาบทนี้ไปยกในชั้นว่า นี่เป็นการเขียนกาพย์ยานี11ที่ถูกต้อง   

ครั้งหนึ่งครูฝ่ายปกครองถือกรรไกรเข้าไปตรวจระเบียบผมในห้องที่กำลังสอบวิชาภาษาไทยซึ่งเป็นวิชาบังคับ ผมก็บอกว่า ตอนนี้นักเรียนกำลังสอบ สิ่งสำคัญคือ การใช้สมาธิ ครูไม่ควรจะเข้ามาตรวจผมตอนนี้ ถ้าครูไม่หยุด ผมจะเดินออกจากห้องสอบ สุดท้ายครูไม่หยุด ผมก็เดินออกมาเลยเดินออกมาทิ้งการสอบวิชาภาษาไทยไป

ตอนนั้นผู้อำนวยการโรงเรียนซึ่งบริหารโรงเรียนมาสิบกว่าปี แล้วเหลือเพียงหนึ่งปีสองปีจะเกษียณ มีการวิจารณ์กันว่า ผอ.ท่านรอเกษียณ ก็เลยไม่ค่อยพัฒนาโรงเรียน ผมเดินไปเคาะห้องพัก ผอ. แล้วเข้าไปบอกถึงสิ่งที่เขาวิจารณ์กัน พร้อมแนะนำว่า หากเป็นที่เขาว่ากันท่านควรจะลาออกไป แต่เด็กอย่างผมก็ถูกท่าน ผอ.สยบลงด้วยเมตตาธรรม ทำแล้วก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง

แต่ทั้งหมดแม้จะเป็นเด็ก เหมือนจะก้าวร้าว แต่ผมก็พูดด้วยเหตุและผลเป็นหลัก

วันนี้ผมได้ยินเด็กพูดว่า ครูเป็นไดโนเสาร์ เงินเดือนของครูมาจากค่าเทอมของพวกเขา พวกเขาจ้างครูมาสอนหนังสือ หรือเป็นคนยังไม่ได้เลยจะเป็นครูที่ดีได้อย่างไร ฯลฯ แม้จะเคยห้าวเป้งมาอย่างที่เล่ามา ผมก็ตกใจมาก เมื่อเห็นท่าทีแบบนี้ของเด็กต่อครูของเขาในปัจจุบัน

แต่ผมก็เห็นด้วยในบางเรื่องที่เคลื่อนไหว เช่น เรื่องการไว้ผมยาว เพราะคิดว่า เรื่องผมไม่ใช่เรื่องสาระความจำเป็นอะไรที่จะเข้ามากำหนดกติกาเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ผมคิดว่า โรงเรียนก็ต้องมีกฎเกณฑ์ที่จำเป็นบ้างเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยการอยู่ร่วมกัน และการให้ความเคารพต่อครูบาอาจารย์ในฐานะผู้ประสิทธิ์ประสาทความรู้ไม่ใช่ในฐานะลูกจ้างของเรา

ถามว่า ดีไหมที่เด็กนักเรียนออกมาเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเอง และต่อต้านกฎเกณฑ์ต่างๆ ในแง่ประเด็นก็มีทั้งเรื่องที่ผมเห็นด้วยไม่เห็นด้วย แต่ในแง่การลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิ์ผมคิดว่ามีเสรีภาพที่จะทำเช่นนั้น เพียงแต่นอกจากบางคนจะมีเนื้อหาการพูดที่เป็นเหตุเป็นผลและแสดงว่าเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองพูดแล้ว ก็มีไม่น้อยที่ออกไปในแนวทางก้าวร้าวและหยาบคาย หลายคนพอมีคนเอาไมค์ไปจ่อปากก็รู้ว่า ไม่ได้เข้าใจอะไรนัก แต่เป็นกระแสที่ว่ากันตามมา


บางครั้งนักประชาธิปไตยรุ่นเยาว์เหล่านี้ก็ทำให้ผมแปลกใจว่า พวกเขาเข้าใจความหมายของประชาธิปไตยจริงๆหรือ เพราะพวกเขามีทัศนะที่หมิ่นแคลนต่อคนที่เห็นต่างมาก และเรียกผู้ใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับพวกเขาว่าพวกไดโนเสาร์ กระทั่งมองว่า สิ่งที่ตัวเองเรียกร้องนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง โดยไม่รับฟังเหตุผลอื่นๆ เลย

ต้องยอมรับว่า เด็กนักเรียนเหล่านี้ได้รับความคิดมาจากโลกทวิตเตอร์ที่พวกเขาสิงสถิตไม่น้อย เขาได้บ่มเพาะความคิดมาจากคนที่เขาคิดว่าเป็นตัวแทนของคนรุ่นเขาที่เข้ามาสู่การเมือง และสร้างกระแสหนุนเนื่องจากคนรุ่นใหม่จำนวนมากจนเลยมาเป็นประเด็นที่เป็นเรื่องการเมือง มาสู่การชูสามนิ้วในโรงเรียนเพื่อขับไล่รัฐบาลเผด็จการ

ภาพทางการเมืองของนักการเมืองนั้น ถูกตอกย้ำด้วยการแย่งชิงผลประโยชน์ การเข้าสู่อำนาจแล้วแสวงหาประโยชน์ทุจริตคอร์รัปชัน การเมืองน้ำเน่า การรัฐประหารแล้วสืบทอดอำนาจแล้วเป็นการเมืองน้ำเน่าเสียเอง บุคลิกและท่าทีแบบทหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นิยมใช้อำนาจที่แสดงออกผ่านการพูดจานั้นมันเป็นโลกคู่ขนานกับเด็กเพราะเขาถูกกดดันอยู่แล้ว ทั้งการบังคับบัญชาของพ่อแม่และครูในโรงเรียน และมีความคิดว่าผู้ใหญ่ไม่เข้าใจความคิดของเด็กรุ่นเขา

เมื่อพวกเขาออกมาชุมนุมประท้วงจึงเหมือนพลังที่ถูกกดทับระเบิดออกมา

เด็กอาจไม่เข้าใจว่า มีเหตุและปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้การเมืองเดินมาถึงวันนี้ ทำไมคนส่วนหนึ่งถึงมีความเคารพรักเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำไมคนกลุ่มหนึ่งจึงต่อต้านนักการเมืองบางกลุ่ม ความขัดแย้งของคนไทยในชาติเรื่องอุดมการณ์การเมืองกว่าสิบปีนั้นมีที่มาอย่างไร ฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตยนั้น เมื่อได้อำนาจไปแล้วใช้อำนาจอย่างชอบธรรมหรือไม่

กระทั่งไม่ได้คิดว่า การเคลื่อนไหวที่เป็นอยู่ตอนนี้นั้น มันจะทำให้พรรคการเมืองบางพรรคได้ประโยชน์ กลุ่มบางกลุ่มที่มีเป้าหมายทางการเมือง ฉกฉวยเอาการเคลื่อนไหวของนักเรียนเป็นแนวร่วม

ส่วนม็อบที่นำโดยนักศึกษาหรือม็อบเยาวชนปลดแอกที่พัฒนามาเป็นกลุ่มประชาชนปลดแอกนั้น ผมคิดว่า กลุ่มเหล่านี้มีความเข้าใจทางการเมืองดี และเป็นกลุ่มที่อิงแอบกับผลประโยชน์ทางการเมือง รวมทั้งได้รับการบ่มเพาะความคิดมาจากสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ปวิณ ชัชวาลพงศ์พันธ์ ปิยะบุตร แสงกนกกุล และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจที่มีความคิดต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์และต้องการลดบทบาทสถาบันให้กลายเป็นเพียงสัญลักษณ์

แน่นอนเขามองว่า พรรคอนาคตใหม่นั้นเป็นตัวแทนของคนรุ่นเขาที่ตรงกันข้ามกับการเมืองที่น่าชิงชัง และเป็นพรรคที่ต่อสู้กับเผด็จการรัฐบาลสืบทอดอำนาจนั้นเป็นเผด็จการ การยุบพรรคอนาคตใหม่จึงไม่เป็นประชาธิปไตย และเขาได้รับการสั่งสอนมาว่า ระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นระบอบที่เลวน้อยที่สุด และประชาธิปไตยคืออำนาจของประชาชนดังนั้นพวกเขาจึงเกลียดเผด็จการ โดยไม่สนใจว่า ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของบ้านเมืองเป็นอย่างไร ทำไมจึงเกิดความขัดแย้งแบ่งเป็นฝ่ายของคนในชาติ จนทหารต้องยึดอำนาจ


และคิดว่าคนที่เห็นต่างพวกเขาเป็น “สลิ่ม”ในความหมายที่วันนี้ความเข้าใจของพวกเขาคือ สลิ่มเป็นพวกที่มีความคิดน่าเหยียดหยาม

ผมคิดว่า พ่อแม่ที่เคยออกมาขับไล่ระบอบทักษิณ วันนี้มีไม่น้อยที่เอนเอียงไปตามลูกหลานของตัวเอง ด้านหนึ่งเป็นการให้เสรีภาพในความคิดของลูกหลาน แล้วใครก็ต้องยืนข้างลูกหลานของตัวเองทั้งนั้น แต่ด้านหนึ่งก็เริ่มจะเห็นว่า รัฐบาลที่เข้ามาปกครองประเทศนั้นสุดท้ายแล้วก็มีพฤติกรรมที่ไม่แตกต่างกันกับรัฐบาลที่ตัวเองเคยขับไล่ รวมถึงความผูกผันกับการผลัดแผ่นดินนั้นเปลี่ยนแปลงไป แม้พวกเขาจะเคยคิดว่า การออกมาต่อสู้ของตัวเองนั้นเป็นการกระทำเพื่อปกป้องชาติศาสนาพระมหากษัตริย์มาก่อนก็ตาม

ข้อเรียกร้อง 3 ข้อ 2 เงื่อนไข และ 1 ความฝันนั้น มีจุดมุ่งหมายทางการเมืองอย่างชัดเจน และ 1 ความฝันก็คือ 10 ข้อบนเวทีธรรมศาสตร์ที่รับลูกมาจากสมศักดิ์ เจียมฯ ดังนั้นการเลี่ยงที่จะพูด 10 ข้ออีก แต่พูดถึง 1 ความฝันจึงยังไม่ได้ละทิ้งเป้าหมาย10ข้อนั้น เพียงแต่เป็นยุทธวิธีที่หลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางกฎหมายเท่านั้นเอง

ผมคิดว่าปัญหาสำคัญวันนี้อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์คิดอย่างไร ผมเข้าใจว่าสถานการณ์แบบนี้เป็นสถานการณ์ที่น่าลำบากใจพอสมควร เพราะสิ่งที่ถูกกล่าวหาเรื่องการสืบทอดอำนาจนั้นเป็นเรื่องจริง เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์อาจจะมีเหตุผลความจำเป็นที่พูดไม่ได้ว่าทำไมต้องสืบทอดอำนาจ และปัจจัยอื่นที่ถูกนำมาขยายผลเพื่อโจมตีล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น


แต่เท่าที่ดูผมคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์มองว่า การเคลื่อนไหวของม็อบนั้นเป็นประโยชน์กับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่ต้องการช่วงชิงอำนาจรัฐ แล้วยังมีความพยายามลิดรอนบทบาทและสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในความเคลื่อนไหวจึงไม่สามารถยอมสยบต่อข้อเรียกร้องของม็อบได้

แน่นอนโดยสภาพความเป็นจริงแล้ว การชุมนุมนั้นไม่สามารถที่จะไปบั่นทอนรัฐบาลได้หรอก ไม่ว่าจะมีมวลชนออกมาเท่าไหร่หรือชุมนุมนานเท่าไหร่ แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์คิดเช่นนั้นแล้วทำความเพิกเฉยต่อการชุมนุม ไม่สนใจ ไม่ให้คุณค่าก็ต้องคิดให้ได้ว่า การที่ม็อบก้าวไปสู่การแตะต้องสถาบันตามแรงผลักดันตามอิทธิพลความคิดของสมศักดิ์ เจียมฯนั้นจะจบลงอย่างไร แล้วมันจะบานปลายไปสู่หนทางที่ไม่คาดฝันไหม

แน่นอนว่าวันนี้มีประชาชนอีกกลุ่มไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องของม็อบ ยืนอยู่ข้างรัฐบาลประยุทธ์ ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้ประชาชนที่เกื้อหนุนเป็นเกราะกำบังได้ แต่ถามว่า เราจะปล่อยให้ความขัดแย้งแบบนี้ดำรงอยู่ตลอดไปหรือ

5 ปีในอำนาจจากปลายกระบอกปืนนั้นหมดลงแล้ว ผ่านมา1ปีกว่า แม้มาจากการเลือกตั้งแต่ก็ไม่ได้ทำให้สถานภาพของ พล.อ.ประยุทธ์มีความชอบธรรมในสายตาของประชาชนอีกฝั่งหนึ่ง และความสงบที่สยบไว้ใน 5 ปีก็มลายหายไปหมดแล้วกลายมาเป็นความขัดแย้งบนถนนอีก พล.อ.ประยุทธ์ต้องคิดให้ได้ว่า ทางไหนที่จะนำบ้านเมืองออกจากความขัดแย้งและทำให้เสาหลัก3เสาหลักของบ้านเมืองยังคงดำรงอยู่
ด้านหนึ่งต้องยอมรับว่า 5 ปีที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จนั้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่นักประชาธิปไตยนักปฏิบัติที่ทำให้บ้านเมืองกลับมาสู่ครรลองที่ดี นำประเทศชาติไปสู่การปฏิรูปเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งในชาติดังที่เคยให้คำมั่นไว้ตอนเข้ามาใหม่ๆออกไปเลย

แล้วจะรู้ตัวไหมว่าวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ก็คือ เงื่อนไขความขัดแย้งของชาติเงื่อนไขหนึ่งที่เป็นการทำลายความสงบและความปรองดองของชาติบ้านเมืองไปแล้ว

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น