xs
xsm
sm
md
lg

อนาคตบ้านเมืองในกำมือเด็ก

เผยแพร่:   โดย: สุนันท์ ศรีจันทรา



คำถามที่กำลังดังทั่วประเทศขณะนี้คือ ม็อบปลดแอกจะจบอย่างไร เด็กชนะหรือไม่ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาจะอยู่หรือไป และการเมืองจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหรือไม่

ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามที่คนทั้งประเทศอยากรู้ เพราะไม่มีใครประเมินได้ว่า การลุกฮือของนักเรียน นักศึกษา เพื่อเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งนี้จะลงเอยในรูปแบบใด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาคงไม่ยอมตอบสนองข้อเรียกร้องของม็อบง่ายๆ แน่ ไม่ลาออก ไม่ยุบสภาฯ และพยายามจะอยู่ในอำนาจให้ยาวนานที่สุด แม้จะไม่ได้แก้ปัญหาอะไรก็ตาม

ส่วนนักเรียน นักศึกษาก็ไม่ยอมหยุดความเคลื่อนไหวเหมือนกัน ถ้า 3 ข้อเรียกร้อง ขอให้หยุดคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภาฯ ไม่บรรลุเป้าหมาย

แม้ยังไม่เกิดการเผชิญหน้าระหว่างม็อบปลดแอกกับม็อบสนับสนุนรัฐบาล แม้ยังไม่มีสัญญาณการใช้ความรุนแรงปราบปรามนักเรียน นักศึกษา แต่สงครามการโจมตีของแต่ละฝ่ายเปิดฉากอย่างเต็มรูปแบบแล้ว

รัฐบาลระดมกระบอกเสียงทุกช่องทาง ปลุกบรรดาสมุนในสังกัดออกมาสาดโคลนใส่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล โดยหยิบยกวาทกรรมคำว่า “ชังชาติ” เป็นข้อหาทำลายล้าง โดยมีกลุ่มคนที่ห้อยโหนอำนาจพล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่โฆษณาชวนเชื่อความว่า “ชังชาติ” สร้างความแตกแยก ชิงชังในหมู่ประชาชน

ขณะที่ม็อบนักเรียน นักศึกษาจัดกิจกรรมความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ใช้โซเซียล มีเดียบดขยี้รัฐบาล สร้างแนวร่วม และใช้มาตรการทางสังคมตอบโต้กลุ่มที่แสดงตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์รัฐบาล รับงานมาถล่มม็อบ

การลุกฮือโค่นล้มรัฐบาลทรราชย์ รัฐบาลทหาร รัฐบาลเผด็จการเกิดขึ้นตั้งแต่เหตุการณ์วันมหาวิปโยค 14 ตุลาคม 2516 เหตุการณ์ 6 ตุลาคมทมิฬ ปี 2519 เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 หรือแม้แต่การโค่นล้มระบอบทักษิณโดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตั้งแต่ปี 2549

ชัยชนะของนักศึกษา ประชาชนในการต่อสู้โค่นล้มรัฐบาลเผด็จการ ทั้งในรูปแบบทหารหรือพลเรือนอย่างรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ไม่เคยยั่งยืน หรือนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ดี

ชีวิตของวีรชนที่สังเวยการต่อสู้ ไม่เคยคุ้มค่ากับประชาธิปไตยที่ได้มาเพียงชั่วครู่ชั่วยาม ขณะที่วงจรอุบาทว์ทางการเมืองยังดำรงอยู่อย่างมั่นคงถาวร ระบบเกื้อกูลอุปถัมภ์ยังฝังแน่นในสังคมไทย และกลายเป็นปราการสำคัญขัดขวางการปฏิรูปทางการเมือง

นักเรียน นักศึกษาที่ผนึกกำลังกันในนามม็อบปลดแอก ปล่อยให้คนรุ่นพ่อ รุ่นแม่ รุ่นคุณลุง คุณป้า ลุกฮือขึ้นมาทำหน้าที่ปกป้องประเทศ ขับไล่รัฐบาลทหาร และโค่นล้มรัฐบาลเลือกตั้งที่โกงกินประเทศมาตลอด 28 ปี นับจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535

แต่วันนี้เด็กๆ อาสาทำหน้าที่เป็นหัวขบวน ในการเปลี่ยนแปลงประเทศ แทนคนรุ่นพ่อ รุ่นแม่ โดยมีเจตนารมณ์ในการสร้างระบบการเมืองที่ดี สร้างสังคมที่สงบสุข เพื่อคนรุ่นลูก รุ่นหลาน

นักเรียน นักศึกษา เป็นพลังเงียบที่หลับใหลมาหลายสิบปี แทบไม่มีบทบาททางการเมืองใดๆ จนผู้มีอำนาจสบาย ไม่ต้องกังวลกับการปราบม็อบนักศึกษา

แต่ม็อบนักศึกษาลุกขึ้นมาแล้ว เพราะทนปล่อยให้วงจรอุบาทว์ดำรงต่อไปไม่ไหว ทนต่อระบบการเมืองไทยที่จมปลักอยู่ในวังวนน้ำเน่าไม่ได้ เพราะประเทศจะล่มจม

ทหารและนักการเมือง หมุนเวียนกันเข้ามาเสพสุขอำนาจและความมั่งคั่งกันเกือบจะร้อยปีแล้ว

เลือกตั้งเมื่อไหร่ นักการเมืองหน้าเดิมจะกลับเข้ามาปล้นประเทศ รัฐประหารครั้งใด จะมีกลุ่มนายทหารระดับสูงยกฐานะเป็นเศรษฐีระดับเจ้าสัว แต่ปัญหาของประเทศ ไม่เคยได้รับการแก้ไข

นับจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองปี 2475 มีการเลือกตั้งทั้งหมด 28 ครั้ง มีรัฐประหาร 13 ครั้ง แต่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งหรือรัฐบาลจากการรัฐประหาร ประเทศไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

และแม้จะมีนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 29 คน แต่ไม่เคยมีผู้นำประเทศคนใด นำประเทศพ้นจากวงจรอุบาทว์ได้ และอันที่จริง ไม่เคยมีผู้นำคนใดปฏิรูปหรือแก้ปัญหาประเทศอย่างจริงจัง

มีแต่ผู้นำประเภทสร้างภาพ ขี้โม้ ยกหางตัวเอง พล่ามแต่การเสียสละ แต่ไม่มีสำนึกในการแก้ปัญหาเพื่อความสงบสุขของประชาชน และสร้างสังคมที่ดีเพื่อลูกหลาน

นักเรียน นักศึกษาที่ลุกฮือกันทั่วประเทศ เห็นความฟอนเฟะของวงจรอุบาทว์ของการเมืองมาตลอด จึงต้องออกมาทำหน้าที่ขับเคลื่อน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

ใครจะล้างสมองเด็กนักเรียน นักศึกษาทั่วประเทศได้ ใครจะเปลี่ยนทัศนคติเด็กๆ เหล่านี้ที่กำลังลุกฮือขึ้นมาทำในสิ่งที่ดี เพื่อสังคายนาการเมืองที่เน่าเฟะ และสร้างสังคมที่ดีสำหรับคนทุกรุ่น

วันนี้เด็กอาจไม่ชนะ แต่อุดมการณ์ทางการเมืองถูกปลูกฝังไว้ในเด็กรุ่นนี้แล้ว อีก 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปีข้างหน้า เด็กๆ จากม็อบปลดแอก จะก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของประเทศ แทนคนรุ่นนี้ที่ชราภาพไป

ถึงวันนั้น ใครจะขัดขวางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ ในเมื่อชะตากรรมบ้านเมือง จะตกอยู่ในกำมือของเด็กๆ จากม็อบปลดแอก


กำลังโหลดความคิดเห็น