ทล.เร่งปรับแผนส่งมอบพื้นที่ ติดตั้งระบบ 0&Mมอเตอร์เวย์ “บางปะอิน-โคราช”หลังมีงานโยธา 5 สัญญาล่าช้า จากการปรับแบบมั่นใจเซ็นสัญญาร่วมทุนฯ ในก.ย. ออก NTPเริ่มงานไม่เกินปลายปี 63 พร้อมส่งพื้นที่ 17 ตอน คาดยังเปิดต้นปี 66 ตามแผน
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่กำหนดว่าจะสามารถลงนามสัญญาร่วมลงทุน โครงการร่วมลงทุนการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) โครงการ มอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6)และ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) วงเงิน 3.9 หมื่นล้านบาทได้เมื่อใด เนื่องจากต้องรอให้อัยการสูงสุดพิจารณาเอกสารแนบท้ายร่างสัญญาให้แล้วเสร็จก่อน เพื่อให้รอบคอบ และครบถ้วนตามมติครม.
นอกจากนี้ ทางกลุ่ม BGSR(บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์จำกัด (มหาชน) หรือ BTS/บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) หรือ GULF/บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STECและ บริษัท ราช กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ RATCH ) ซึ่งเป็นผู้ได้รับงาน จะต้องจัดหาแหล่งเงินกู้ และจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ เป็นนิติบุคคลเพื่อลงนามสัญญากับทล. ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการไม่นาน
" ทล.จะตรวจความพร้อมงานโยธาเพื่อสรุปพื้นที่ที่จะส่งมอบ และออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to process หรือ NTP ) ให้เอกชนเข้าดำเนินการ ติดตั้งระบบ O&M เร็วที่สุด ส่วนจะมีการเปิดให้ใช้เส้นทางฟรี ก่อนที่การติดตั้งระบบ O&M จะเสร็จ 100% หรือไม่นั้น จะมีการพิจารณาในเรื่องความพร้อมของเส้นทาง ระบบความปลอดภัยเป็นสำคัญ ซึ่งหมายความว่า การอำนวยการจราจรบนโครงข่ายจะต้องเป็นรูปแบบของมอเตอร์เวย์ ไม่ใช่แบบถนนทั่วไป จึงอาจจะเปิดเป็นช่วงๆ ในส่วนที่ถนน และระบบ O&M เสร็จสมบูรณ์"
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เบื้องต้นกลุ่ม BGSR ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท บีจีเอสอาร์ 6 และบริษัท บีจีเอสอาร์ 81 เพื่อเข้าลงนามสัญญาร่วมทุน งาน O&M มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา และมอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ซึ่งคาดว่าอัยการสูงสุด จะพิจารณาเอกสารแนบท้าย และสามารถลงนามได้ในเดือนก.ย.นี้ โดยหลังเซ็นสัญญา กรมฯจะต้องตรวจสอบสถานะงานก่อสร้างว่ามีพื้นที่ใดที่พร้อมส่งมอบ และที่เหลือจะส่งมอบได้เมื่อใด กำหนดเป็นตารางเวลาที่ชัดเจน จึงจะออก NTP แจ้งให้เอกชนเริ่มงานและเริ่มนับสัญญา ขณะที่เอกชนจะต้องเซ็นสัญญากับแหล่งเงินกู้ ภายใน 120 วัน หลังเซ็นสัญญากับทล.
"เฟสแรกจะมีพื้นที่ส่วนที่ส่งมอบได้ทันที หลังออก NTPให้เอกชนเริ่มงาน เช่นพื้นที่บริเวณด่าน และตามสายทางบางช่วง สัดส่วนไม่ถึง 50% ส่วนที่เหลือจะเป็นการทยอยส่งมอบ หลังออก NTP ซึ่งช่วงเจรจาเคยหารือกันไว้แล้ว แต่เนื่องจากมีประเด็นการก่อสร้างงานโยธาบางช่วงที่มีการปรับแบบ ทำให้งานล่าช้าออกไป และอาจจะต้องปรับเวลาในการส่งมอบพื้นที่ล่าช้าออกไป ดังนั้น หลังเซ็นสัญญาจึงต้องหารือกับเอกชนอีกครั้ง เพื่อหาข้อสรุปในการออก NTP"
ด้านนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย รองอธิบดีฝ่ายดำเนินงานทล. กล่าวว่า งานโยธา มอเตอร์เวย์บางปะอิน- นครราชสีมา มี 40 สัญญา ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้ว 17 สัญญา พร้อมส่งมอบ ติดระบบอยู่ที่เอกชนจะพร้อมเข้าพื้นที่ในเฟสแรก ทั้ง17 สัญญาหรือไม่ ส่วนที่เหลือจะทยอยแล้ว ซึ่งจะจัดตารางการส่งมอบ หลัง NTP 6 เดือน 8 เดือน โดยจะมี 5 สัญญา ที่จะเข้าพื้นที่ได้ชุดสุดท้าย ซึ่งมีประเด็นปรับแบบ แต่ทั้งนี้จากการตรวจสอบจะไม่กระทบต่อการติดระบบ เพราะมีจุดที่ล่าช้า 2-3 กม. ไม่ได้ทั้งสัญญา จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการเปิดให้บริการ ภาพรวมงานโยธาสายบางปะอิน-นครราชสีมา ปัจจุบันคืบหน้ากว่า 85% มีกำหนดเปิดให้บริการต้นปี 66 ส่วนสายบางใหญ่-กาญจนบุรี คืบหน้าประมาณ 30% ตามแผนจะเปิดบริการ ปลายปี 66
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่กำหนดว่าจะสามารถลงนามสัญญาร่วมลงทุน โครงการร่วมลงทุนการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) โครงการ มอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6)และ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) วงเงิน 3.9 หมื่นล้านบาทได้เมื่อใด เนื่องจากต้องรอให้อัยการสูงสุดพิจารณาเอกสารแนบท้ายร่างสัญญาให้แล้วเสร็จก่อน เพื่อให้รอบคอบ และครบถ้วนตามมติครม.
นอกจากนี้ ทางกลุ่ม BGSR(บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์จำกัด (มหาชน) หรือ BTS/บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) หรือ GULF/บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STECและ บริษัท ราช กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ RATCH ) ซึ่งเป็นผู้ได้รับงาน จะต้องจัดหาแหล่งเงินกู้ และจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ เป็นนิติบุคคลเพื่อลงนามสัญญากับทล. ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการไม่นาน
" ทล.จะตรวจความพร้อมงานโยธาเพื่อสรุปพื้นที่ที่จะส่งมอบ และออกหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to process หรือ NTP ) ให้เอกชนเข้าดำเนินการ ติดตั้งระบบ O&M เร็วที่สุด ส่วนจะมีการเปิดให้ใช้เส้นทางฟรี ก่อนที่การติดตั้งระบบ O&M จะเสร็จ 100% หรือไม่นั้น จะมีการพิจารณาในเรื่องความพร้อมของเส้นทาง ระบบความปลอดภัยเป็นสำคัญ ซึ่งหมายความว่า การอำนวยการจราจรบนโครงข่ายจะต้องเป็นรูปแบบของมอเตอร์เวย์ ไม่ใช่แบบถนนทั่วไป จึงอาจจะเปิดเป็นช่วงๆ ในส่วนที่ถนน และระบบ O&M เสร็จสมบูรณ์"
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เบื้องต้นกลุ่ม BGSR ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท บีจีเอสอาร์ 6 และบริษัท บีจีเอสอาร์ 81 เพื่อเข้าลงนามสัญญาร่วมทุน งาน O&M มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา และมอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ซึ่งคาดว่าอัยการสูงสุด จะพิจารณาเอกสารแนบท้าย และสามารถลงนามได้ในเดือนก.ย.นี้ โดยหลังเซ็นสัญญา กรมฯจะต้องตรวจสอบสถานะงานก่อสร้างว่ามีพื้นที่ใดที่พร้อมส่งมอบ และที่เหลือจะส่งมอบได้เมื่อใด กำหนดเป็นตารางเวลาที่ชัดเจน จึงจะออก NTP แจ้งให้เอกชนเริ่มงานและเริ่มนับสัญญา ขณะที่เอกชนจะต้องเซ็นสัญญากับแหล่งเงินกู้ ภายใน 120 วัน หลังเซ็นสัญญากับทล.
"เฟสแรกจะมีพื้นที่ส่วนที่ส่งมอบได้ทันที หลังออก NTPให้เอกชนเริ่มงาน เช่นพื้นที่บริเวณด่าน และตามสายทางบางช่วง สัดส่วนไม่ถึง 50% ส่วนที่เหลือจะเป็นการทยอยส่งมอบ หลังออก NTP ซึ่งช่วงเจรจาเคยหารือกันไว้แล้ว แต่เนื่องจากมีประเด็นการก่อสร้างงานโยธาบางช่วงที่มีการปรับแบบ ทำให้งานล่าช้าออกไป และอาจจะต้องปรับเวลาในการส่งมอบพื้นที่ล่าช้าออกไป ดังนั้น หลังเซ็นสัญญาจึงต้องหารือกับเอกชนอีกครั้ง เพื่อหาข้อสรุปในการออก NTP"
ด้านนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย รองอธิบดีฝ่ายดำเนินงานทล. กล่าวว่า งานโยธา มอเตอร์เวย์บางปะอิน- นครราชสีมา มี 40 สัญญา ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้ว 17 สัญญา พร้อมส่งมอบ ติดระบบอยู่ที่เอกชนจะพร้อมเข้าพื้นที่ในเฟสแรก ทั้ง17 สัญญาหรือไม่ ส่วนที่เหลือจะทยอยแล้ว ซึ่งจะจัดตารางการส่งมอบ หลัง NTP 6 เดือน 8 เดือน โดยจะมี 5 สัญญา ที่จะเข้าพื้นที่ได้ชุดสุดท้าย ซึ่งมีประเด็นปรับแบบ แต่ทั้งนี้จากการตรวจสอบจะไม่กระทบต่อการติดระบบ เพราะมีจุดที่ล่าช้า 2-3 กม. ไม่ได้ทั้งสัญญา จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการเปิดให้บริการ ภาพรวมงานโยธาสายบางปะอิน-นครราชสีมา ปัจจุบันคืบหน้ากว่า 85% มีกำหนดเปิดให้บริการต้นปี 66 ส่วนสายบางใหญ่-กาญจนบุรี คืบหน้าประมาณ 30% ตามแผนจะเปิดบริการ ปลายปี 66