"โสภณ องค์การณ์"
กระแสพลัง 3 นิ้วของเยาวชนและประชาชนทั่วประเทศไล่เช็คบิลรัฐบาลคณะ 3 ลุงกำลังได้ระดับความเข้มข้น เมื่อผู้กุมอำนาจรัฐและหน่วยงานต่างๆ ต้องรู้สึกว่าศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ไม่รู้ว่าจะตั้งรับอย่างไรไม่ให้เสียท่า เพราะถือว่าเป็นลูกหลานตัวเอง
เป็นศึกระหว่างคนต่างวัย ต่างความคิด ต่างยุค ต่างชีวิตจิตใจ และมุมมองต่อสภาวะบ้านเมือง ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เต็มไปด้วยความเสื่อมโทรม สามานย์แทบทุกด้าน มีทุจริต คอร์รัปชั่นทุกระดับ กัดเซาะถึงแก่นแกนทำลายรากฐานความมั่นคงของชาติ
ฝ่ายคนรุ่นลุง รุ่นพอ กุมอำนาจ หวงอำนาจ พยายามฟ้องสังคมว่าเยาวชนที่ออกมาเรียกร้องไม่เข้าใจสถานการณ์ ประสบการณ์น้อย ถูกชักจูงโดยกลุ่มคนไม่หวังดีต่อบ้านเมือง และอะไรอีกสารพัดเอามาอ้าง สรุปแล้วคืออยากอยู่กุมอำนาจต่อไป
เยาวชนและคนทั่วไปเห็นทุกวันว่าบ้านเมืองทุกวันนี้มีแต่ความโสมมสามานย์เกินทน การทุจริต กระบวนการยุติธรรมไม่น่าเชื่อถือ เป็นรัฐล้มเหลวด้านคุณธรรม จริยธรรม ความไม่เป็นธรรม ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ การดำรงชีพ อาชญากรรม
เครือข่ายระบบอุปถัมภ์ ช่วยเหลือกันในคดีอาญา ฟอกตัวเจ้าหน้าที่กระทำความผิด อาชญากรรวยไม่ติดคุก ทำกันให้เห็นโจ่งแจ้ง ไม่อายฟ้าดิน สร้างสารพัดเรื่องให้เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจ ประชาชนทั่วไปทนไม่ได้ แต่ทำอะไรไม่ได้ ไร้พลังต่อสู้
การกุมอำนาจรัฐผลัดเปลี่ยนมือกันระหว่างนักรัฐประหารแล้วรวย นักเลือกตั้งกังฉิน เมาอำนาจ สร้างปัญหาให้บ้านเมืองไม่สิ้นสุด ล้างผลาญทรัพยากรธรรมชาติยังวางเครือข่ายผูกขาดธุรกิจ สร้างเศรษฐีรวยทางลัดแสนๆ ล้านบาทด้วยสิทธิพิเศษ
เยาวชน ประชาชนทนรับสภาพอย่างนี้ไม่ได้ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ บ้านเมืองเสี่ยงต่อความหายนะ เพราะการตักตวงผลประโยชน์อย่างไม่รู้จักอิ่มโดยกลุ่มกุมอำนาจในรัฐบาลลายพลาง ปกป้องโดยรัฐธรรมนูญลายพราง และกลุ่มตรายางลายพราง
เมื่อสาวถึงต้นตอของปัญหาที่กำลังกลายเป็นวิกฤต ก็คือคณะ 3 ลุงและเครือข่ายโยงใยกว้างขวาง จนถูกเข้าใจว่านี่แหละคือกลุ่ม “รัฐซ้อนลึก” หรือ deep state เป็นรูปแบบใหม่จากที่เคยเป็น “รัฐซ้อนรัฐ” หรือ state within state นั่นเอง
การลากยาวอยู่ในอำนาจต่อไป ไม่คำนึงถึงความมั่นคง สร้างระบบสามานย์ต่างๆ เป็นฐาน ทำให้ประเทศไทยอยู่ในภาวะล่อแหลม หนี้สินพอกพูนเพราะการกู้เงินต่อเนื่อง หนี้ครัวเรือนเกิน 80 เปอร์เซ็นต์ของ จีดีพี ฐานประเทศผุกร่อนน่ากลัว
ความหวงอำนาจทำให้คณะ 3 ลุงต้องหาทางจัดการกับพลังเยาวชนและประชาชนปลดแอก ซึ่งจะสร้างกระแสของการสนับสนุนเป็นวงกว้างถ้าการต่อสู้ไม่ล่วงเกินสภาบันหลักของชาติ เยาวชนก็รับรู้ จึงแยกตัวออกจากกลุ่มหัวคิดรุนแรง
กลุ่มหัวรุนแรง พยายามจะยุ่งเกี่ยวกับสถาบัน กำลังถูกดำเนินคดีโดยเจ้าหน้าที่ซึ่งก็มีเหตุผลระดับหนึ่ง การต่อสู้ด้วยจุดประสงค์ 3 ประการ และมีเงื่อนไขย่อยจึงดูมีความชอบธรรมและเหตุผล เพราะเป็นที่ต้องการของพรรคการเมืองด้วย
ดังนั้น การต่อสู้ของกลุ่มเยาวชนและประชาชนปลดแอกจะต้องไม่ถูกนำไปพัวพันกับกลุ่มหัวรุนแรงที่เรียกร้อง 10 ประการเกี่ยวกับสถาบัน ซึ่งจะทำให้ผิดจากเป้าหมาย ผลสุดท้ายจะไม่สำเร็จ ต้องตกเป็นเหยื่อของคนกุมอำนาจรัฐและกฎหมาย
เยาวชนรุ่นปัจจุบันเคยถูกมองว่าอยู่ในโลกโซเชียลมีเดียในสังคมก้มหน้า ไม่ใส่ใจเรื่องชีวิตจริงจัง อยู่ในเรื่องความบันเทิง แฟชั่น ฯลฯ เมื่อได้เห็นว่าเยาวชนรู้อะไรมากกว่าผู้ใหญ่ตกรุ่น หลงยุค ออกมาเคลื่อนไหว จึงทำให้ผู้กุมอำนาจรัฐตกใจสุดขีด
ยุคนี้การเรียนรู้วิทยาการและเรื่องราวต่างๆ ไม่ใช้เวลามาก อยากรู้เรื่องอะไรก็มีสมองวิเศษบรรจุข้อมูลไว้เรียกมาศึกษาได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ พร้อมปรับข้อมูลโดยตลอด ต่างจากยุค 50-60 ปีก่อนซึ่งจะหาข้อมูลได้จากการค้นในห้องสมุดเท่านั้น
มี ส.ส. พรรครัฐบาลรายหนึ่งโอดครวญว่าเมื่อตนเองเรียนระดับมัธยมต้น ยังเลี้ยงควายอยู่ โดยที่ควรจะรู้ว่าเด็ก 2-3 ขวบยุคนี้สามารถเล่นโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์แล้ว ยิ่งเล่นเกมสลับซับซ้อน คนรุ่นอายุ 30-40 ปีหรือกว่านั้น ตามไม่ทัน
ดังนั้นยุคก่อนนักเรียนมัธยมอายุ 10 กว่าขวบยังเลี้ยงควาย เด็กรุ่นปัจจุบัน อายุไม่ถึง 10 ขวบเล่นเกมคอมพิวเตอร์ พร้อมเรียนรู้การพัฒนาใหม่ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีได้อย่างสบาย ใช้ได้คล่อง ขณะที่คนรุ่นเก่าต้องตะเกียกตะกายเรียนให้ทัน
คำพูดที่ว่า “อาบน้ำร้อนมาก่อน” จึงประเมินขีดความสามารถและการรับรู้ไม่ได้ ที่สำคัญ เด็กรุ่นปัจจุบันตระหนักว่าถ้าปล่อยให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ การโกงกิน แสวงหาผลประโยชน์ผูกขาด มีอภิสิทธิอย่างนี้ รุ่นต่อไปคงไม่มีอะไรเหลือไว้แน่
ยิ่งเยาวชนได้เห็นการฟอกตัวผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด บิดเบือนหลักฐานรูปคดีช่วยเหลือพวกเดียวกัน ในคดี “ชนแล้วหนี” ก็ทำให้รู้สึกว่าบ้านเมืองไร้ขื่อแป ไม่มีมาตรฐาน พึ่งพากลไกของรัฐหาความยุติธรรมไม่ได้อีกแล้ว
การเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับลายพราง ให้สิ้นสุดการมีอยู่ของ สว. และให้เลือกตั้งใหม่ คงไม่ได้รับการตอบรับทันควัน ต้องมีลีลายื้อยักท่า ถ่วงเวลาออกไปให้นานที่สุด แต่พลังการเรียกร้องถูกบั่นทอนด้วยสารพัดเล่ห์ของคนเจนเกม
คำประกาศ “ต้องให้จบในรุ่นเรา” ของเยาวชนทนระบบสามานย์ไม่ได้ คงได้รับการพิสูจน์ในอีกไม่นาน อาจได้รับการสนับสนุนของประชาชนเป็นวงกว้าง ถ้าไม่พลาดท่าเสียทีพวกเขี้ยวยาว ซ่อนดาบไว้ในรอยยิ้ม จากนี้ไปเพียงได้แต่การรอ
ดูว่าการชู 3 นิ้วจะสามารถไล่คณะ 3 ลุงได้หรือไม่
