"โสภณ องค์การณ์"
คณะรัฐมนตรีลุงตู่ มีหน้าใหม่เข้ามา 4-5 รายได้เข้าทำหน้าที่แล้ว หลังจากประกอบพิธีกรรมกราบไหว้เจ้าที่เจ้าทาง และผู้มีบารมีในป่ารอยต่อ มีทั้งกราบตัก กราบอก และกราบส่วนอื่นๆ ของท่านลุงทรงอิทธิพล หวังให้ช่วยเกื้อหนุนค้ำจุนตำแหน่ง
จากนี้ไป ใครมีฝีมือขั้นไหนตามราคาหรือเหนือกว่าคำคุย ก็แสดงได้เต็มที่ ให้สมกับสัตย์ปฏิญาณว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต พฤติกรรมจริงจะเป็นอย่างไรนั้น อีกไม่นานก็รู้ เพราะในส่วนอื่นๆ นั้นนักเลือกตั้งเสือหิวได้ออกอาการแล้ว
ทั้งตบทรัพย์ เก็บหัวคิว หักดิบ หักคอ ตามน้ำทวนน้ำ แบบไทยๆ!
ท่ามกลางวิกฤตสารพัดในโลกที่ยังต้องเผชิญกับการคุกคามโดยเชื้อโรคโคโรนาไวรัสขนิดใหม่ กลายพันธุ์ให้เก่งฉกาจ ทำให้ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจต้องเดี้ยง หยุดการขยายตัวอย่างน่าตกใจ ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้นหลังจาก 2 ปีหรือไม่
เฉพาะอังกฤษต้องเผชิญกับอัตราการขยายตัวติดลบในไตรมาสที่ 2 มากถึง 20.4 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เพื่อนบ้านในทวีปยุโรปก็ประสบชะตากรรมไม่ต่างกันมากนัก ตามมาด้วยฝรั่งเศสที่ -13.8 เปอร์เซ็นต์ แม้แต่เยอรมนียังต้องหดตัว -10.1 เปอร์เซ็นต์
การระบาดของโคโรนาไวรัสในกลุ่มประเทศ จี-7 ระลอก 2 ชัดเจน หลังจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุม ทำให้ต้องกลับไปสู่สภาวะคุมเข้ม ทำให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจทำได้ไม่ง่าย ความต้องการสินค้าลดลง คนว่างงานเพิ่มแทบทุกประเทศ
พวกอยู่ในกลุ่ม จี-7 ที่แย่น้อยที่สุดคือญี่ปุ่น -7.6 เปอร์เซ็นต์ และสหรัฐอยู่ที่ -9.5 เปอร์เซ็นต์ ของบ้านเราก็จ่อจะติดลบ 9 เปอร์เซ็นต์ เห็นได้ชัดว่าสาหัสแค่ไหน นี่ยังไม่มีการระบาดรอบ 2 ด้วยซ้ำ ดังนั้น ต่อให้ไม่มี ดูแล้วเราก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก
เมื่อทั้งโลกเดี้ยงแล้ว เราจะไปทำมาหากินอย่างไร เมื่อไม่มีคู่ค้า การขนส่งสินค้ามีปัญหา ยิ่งเรามีรายได้หลักคือการส่งออก และการท่องเที่ยว ก็ต้องรับสภาพความลำบากเหมือนประเทศอื่นๆ เพียงแต่ไม่มีภาระต้องจัดการการระบาดเท่านั้น
อย่างไรก็ไม่หมูแน่ๆ ยิ่งมีทรัพยากรจำกัดจำเขี่ย เสนาบดีมือไม่ถึง เข้ามาเพราะต้องจัดการผลประโยชน์ให้ลงตัว ชาวบ้านจึงไม่ควรจะหวังอะไรให้มาก ขอเพียงแต่ไม่ให้แย่กว่าที่ผ่านก็เป็นบุญโขแล้ว ที่กลัวคือสภาพจะเลวร้ายกว่านี้มาก
ดังนั้น ภาพลักษณ์ช่วงแรกก็ใช่ว่าจะสดใสสะอาด ต้องระวังไม่ให้มีความไม่โปร่งใส หรือการโกงบ้านกินเมือง พฤติกรรมจ้องถอนทุนเร็วไวเกิดขึ้น
แต่ละกลุ่มที่เข้ามา เป็นตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์แน่นอน ยิ่งกระทรวงพลังงานไม่ต้องพูดถึง สำคัญสุดๆ ทำให้ลุงท่านผู้นำต้องดูแลผ่านตัวแทนใกล้ชิด
ถ้ากระทรวงพลังงานมีคนกำกับดูแล นั่นคือผลประโยชน์มหาศาล นักเลือกตั้งฟัดกันแบบไม่ต้องเหลือเยื่อใยมิตรไมตรี เงินไม่เข้าใครออกใคร เป็นอย่างนี้ตลอด
เหมือนธรรมชาติจะทำให้ทุกประเทศต้องมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่ง ของเรายังมีเรื่องหนี้ครัวเรือน หนี้สาธารณะที่จะต้องกู้เพิ่มอีก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จะสร้างหนี้สินต่อเนื่อง จนกว่าจะมีช่องทางค้าขายได้เต็มที่กับบางประเทศก็ยังพอทำเนา
เสนาบดีชุดนี้ต้องอาศัยโชคและปาฏิหาริย์ช่วยอย่างมากเพราะปัญหาเรื้อรังหมักมานาน และความพยายามแก้ไขเป็นไปไม่ได้เพราะยังห่วงวาระของเพื่อนพ้องน้องที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ละคนมุ่งจะเอาแต่ได้ ไม่คำนึงถึงความเสียหาย
ปัญหาของประเทศไม่เกินกำลังก็จริงอยู่ แต่ทรัพยากรบุคคล เงิน ขีดความรู้ความสามารถยังไม่สามารถรับสถานการณ์ได้เต็มที่ ความมีหนี้สินเยอะ ไม่มีเงินออม ทำให้คนขาดอำนาจการซื้อในประเทศ คนมีเงินไม่กล้าใช้เงิน กลัวความเปลี่ยนแปลง
ยิ่งถ้ารัฐบาลไม่สามารถควบคุมการทุจริต คอร์รัปชั่นให้ลดลงฮวบฮาบแล้ว จะยิ่งเข้าตาร้ายมากขึ้น เมื่อแต่ละฝ่ายมุ่งแต่ผลประโยชน์ส่วนตน ประชาชนต้องรับผลร้ายของความชั่วร้ายของกลุ่มผลประโยชน์ ที่ต่างก็ตั้งป้อมไม่ยอมกันง่ายๆ
ในบ้านเราดันมีตัวแปรใหม่ นั่นคือการเคลื่อนไหวเรียกร้องของกลุ่มเยาวชน นิสิต นักศึกษาต่างๆ นอกจากข้อเรียกร้องหลัก 2 ประการเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ และเงื่อนไขทางการเมือง ทำให้สถานการณ์โดยรวมหวาดเสียวเมื่อมีผลกระทบสถาบัน
ลำพังการเคลื่อนไหวของนักศึกษาก็ยังจะพอรับได้ แต่เมื่อเปิดให้กลุ่มคนนอกสถาบันเข้ามามีบทบาทแทรกซ้อน ชักนำให้หักเหจากเป้าหมายที่ควรจะเป็นจุดร่วมของประชาชนโดยทั่วไปที่ลำบาก ทำให้พลังการแสดงออกและต่อรองหดหาย
การเคลื่อนไหวของเยาวชนจะสร้างสภาวะความไม่แน่นอน รัฐบาลจะต้องใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่ ถ้าไม่เกี่ยวโยงสถาบัน ก็เป็นปัญหาระดับหนึ่ง เมื่อถูกมองว่ามีการก้าวล่วง สถานการณ์ยิ่งล่อแหลม รัฐบาลจะทำหรือไม่ทำอะไร ก็ยังยุ่ง
แต่ละจังหวะของการเคลื่อนไหวและการตั้งรับ จะมีกลุ่มแสวงหาผลประโยชน์ มีพฤติกรรมชอบตกปลาในบ่อน้ำขุ่น เพื่อให้เข้าทางของตัวเอง มีทั้งกลุ่มที่ต้องการรักษาอำนาจ และกลุ่มอื่นๆ ซึ่งต้องการกุมอำนาจ จากความเคลื่อนไหวของเยาวชน
ถ้าจัดการผิดพลาด มีปัญหา ความรุนแรง และเป็นวิกฤตยืดเยื้อ จะทำให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศต้องล่าช้าและยุ่งยาก ส่งผลเสียต่อการฟื้นฟูความเชื่อมั่น คนไม่มีเงินยิ่งลำบาก คนมีเงินก็ยิ่งไม่ใช้เงิน เศรษฐกิจจะติดหล่มจมปลักลึก
ที่น่ากลัวคือสถานการณ์เผชิญหน้า และไม่มีใครยอมใคร เปิดช่องให้เกิดภาวะแทรกซ้อน และการถูกแทรกแซงโดยชาติมหาอำนาจ จะเป็นประเทศใดก็สุดแล้วแต่ ในยุคนี้ ความขัดแย้งเป็นเป้าหมายของความสนใจของประชาคมโลกเสมอ
มีหลายประเทศซึ่งมีความขัดแย้ง มีวิกฤตเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ผูกโยงกันยืดเยื้อ ทำให้สูญเสียค่าเงิน และผลสุดท้ายจะเป็นการสูญเสียอธิปไตยถ้าจำเป็นต้องกู้เงินจากองค์กรสากลซึ่งชาติมหาอำนาจสามารถใช้เปิดทางเพื่อเข้าแทรกแซงได้
นี่คือวิกฤตใหม่ของคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะต้องหาทางจัดการให้ได้ ความซับซ้อนยุ่งยากด้านเศรษฐกิจอยู่ในขั้นที่ว่าถ้าการแก้ไขทำไม่สำเร็จ จะไม่เป็นเรื่องประหลาดใจ ถ้าได้สำเร็จ นั่นคือความพิสดาร เพราะถึงอย่างไรหนี้ครัวเรือน หนี้ประเทศเพิ่มแน่
หรือประเทศไทยจะเป็นดาราทองด้านจัดการโควิด-19 และปัญหาเศรษฐกิจ?
