"โสภณ องค์การณ์"
ถ้าเป็นภาษาชาวบ้านธรรมดาคงร้องว่า “งามหน้ามั้ยละท่านผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายทั้งหลาย” เมื่อสังคมได้รับรู้ถึงระบบการทำงานที่ฟอนเฟะ เน่าในจนกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั้งเมือง จนต้องย้ำว่าถึงเวลาต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมจริงจัง
หลังจากเล่นลีลาเงื้อง่าราคาแพง แหกตาชาวบ้านด้วยการตั้งกรรมการไม่รู้กี่ชุด สุดท้ายก็ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชาราคาถูกๆ
กรณีของ “บอส อยู่วิทยา หนีคดีอาญาไปอยู่ต่างประเทศ ด้วยสำนวนที่สังคมและวงการนักกฎหมายสายเทพมองว่าเข้าลักษณะ “อ่อนละมุน” อย่างยิ่ง เมื่อส่งไปถึงขั้นอัยการ ทนายแผ่นดิน ก็เข้าสู่ขบวนการขัดเกลาให้ดูดี ผลสุดท้าย ก็เน่าจนได้
“คดีชนแล้วหนี” ในสังคมที่พัฒนา ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย จะจบเกมแบบสั่งไม่ฟ้อง อ้างความเร็วน้อย ไม่เจตนา ไม่ประมาท หรืออะไรก็สุดแล้วแต่ ทำให้จนเป็นเหมือนการเขียนกฎหมายใหม่ว่าชนแล้วหนี ไม่สารโคเคนในตัว ไม่มีความผิด
ต้องขอขอบคุณ ”บอส” และครอบครัวที่ดิ้นรนต่อสู้เพื่อไม่ต้องรับโทษ จนสังคมได้เห็นสภาพเน่าในอย่างแรงจนถึงแก่นแกนของระบบตำรวจและอัยการ เฟะถึงขั้นเป็นความอัปยศอดสูสำหรับตำรวจและอัยการที่ยังมีคุณธรรม ความยุติธรรม
คำขอบคุณจะเป็นผลก็ต่อเมื่อคนในขบวนการฟอกคดีทั้งหมด และผู้ถูกตัดสินว่าได้สมรู้ร่วมคิดกระทำความผิดได้รับโทษและรับกรรมที่ได้กระทำไว้ต่อบ้านเมือง ให้สาสมกับความเสียหายต่อเชื่อเสียง เกียรติภูมิ ความน่าเชื่อถือของประเทศไทย
ช่วงนี้อยู่ในกระบวนการลากไส้เน่าโดยคณะกรรมการและคณะทำงานต่างๆ ภายไต้การกำกับของ ท่านวิชา มหาคุณ ซึ่งจะมีผลเป็นปาหี่ไม่ได้เด็ดขาด มีอดีตอัยการสูงสุดอย่างน้อย 2 ท่าน อดีตผู้พิพากษามองว่าได้มีคนทำผิดกฎหมาย
รองอัยการสูงสุด คุณเนตร และอัยการสูงสุด คุณวงศ์สกุล ซึ่งถูกมองว่าเป็นต้นเรื่องของการสั่งไม่ฟ้อง ยังไม่ปรากฏโฉมหน้าหรือส่งเสียงแสดงความเห็นหลังจากเป็นข่าวฉาวโฉ่ มีเสียงแย้งจากอดีตตุลาการถึงรูปคดีว่ามีความพิสดารปาฏิหาริย์อย่างแรง
อดีตอัยการสูงสุด คุณอรรถพล ใหญ่สว่าง ซึ่งเป็นประธานกรรมอัยการด้วย ระบุว่าการที่คุณเนตรสั่งไม่ฟ้องนั้น น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และสั่งให้อัยการสูงสุดต้องจัดการเรื่องนี้ให้กระจ่าง เพราะเรื่องนี้ทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กร
ที่น่าสนใจก็คือว่า ก่อนหน้านี้มีอดีตอัยการสูงสุดได้สั่งฟ้องไปแล้ว หลังจากฟังคำร่ำร้องหาความเป็นธรรมจากนาย “บอส” ผ่านทนายมาแล้ว 6-7 รอบ ซึ่งมีคนรู้ทันว่าเป็นความพยายามจะยื้อเวลา หาช่องทางวิ่งเต้นเพื่อไม่ต้องรับโทษหรือให้มีน้อย
ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา มีหลักฐานชัดเจน ดังเช่นกรณี “ชนแล้วหนี” ร้องขอความเป็นธรรมนั้น ต้องเข้าใจว่าเขาไม่ต้องการ “ความเป็นธรรม” หรือ “ความยุติธรรม” แต่ต้องการให้หลุดจากคดีเท่านั้น อย่างแย่ๆ ก็ขอให้มีโทษให้น้อยที่สุด
กรณีของ “บอส” จะโทษตัว “บอส” หรือพ่อแม่ “บอส” ก็ไม่เต็มร้อย ถ้าเขาวิ่งเต้นหรือทำอะไรที่จะไม่ต้องรับโทษ ก็ทำได้ แต่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ อัยการ จะต้องว่าไปตามรูปคดีและหลักฐานอย่างยุติธรรม เที่ยงธรรม อย่างที่สุด
หน้าที่ของตำรวจและอัยการคือต้องหาหลักฐานให้หนักแน่น มัดตัวผู้กระทำความผิดเพื่อให้ได้รับโทษ ไม่ใช่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้กระทำความผิดรอดคดี แล้วตัวเองได้รับผลประโยชน์ จนทำให้เกิดคำถากถางว่า “คุกมีไว้สำหรับขังคนจน”
ความน่าอนาถของคดีตามที่เปิดเผยมาคือว่าเมื่ออัยการสูงสุดคนก่อนสั่งฟ้องไปแล้ว ศาลรับฟ้อง ออกหมายจับจำเลยไว้แล้ว จู่ๆ จะมีระดับรองอัยการ สั่งให้ตำรวจหาหลักฐานใหม่ ตามคำให้การของพยานมาจากอะไรก็ไม่รู้ อย่างนี้ไม่ถูกต้อง
และยิ่งไม่ถูกต้อง เมื่อไปสั่งไม่ฟ้อง ทั้งๆ ที่ฟ้องไปแล้ว ทำให้เห็นว่ารองอัยการสูงสุด สามารถใช้อำนาจเหนืออัยการสูงสุด ได้เช่นนั้นหรือ ถ้าไม่ได้รับการเห็นชอบจากอัยการสูงสุดคนปัจจุบัน เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นสร้างความขบขันปนอัปยศสุดๆ
ยิ่งมีคณะอัยการสอบกันเอง แล้วไปเล่านิทานให้ชาวบ้านฟังเป็นคุ้งเป็นแคว ทำให้คนรู้จักธาตุแท้ของอัยการบางพวกที่ชอบสร้างภาพ ทำให้ตัวเองดูดี สุดท้ายเมื่อถึงวาระที่ต้องพิสูจน์จุดยืน และตัวตน ก็จัดอยู่ในจำพวกขอเอาตัวรอดทั้งนั้น
เป็นไปได้อย่างไร ทั้งคณะตำรวจและอัยการ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย จะไม่มีความเห็นต่าง หรือแย้งกัน มีแต่เออออห่อหมก เห็นดีเห็นงาม ทั้งยังโยนของเน่าเหม็นใส่กัน เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น ขอเอาตัวรอด ทำกันอย่างไม่อายฟ้าดิน
ถ้าเรื่องนี้เอากันอย่างจริงจัง สอบให้ถึงแก่น สาวถึงทุกคนว่าขบวนการฟอกตัวบอส และฟอกพวกตัวเอง มีใครบ้าง มีหน้าไหนทำตัวขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ถ้าตรวจสอบเส้นทางการเงิน พฤติกรรม ความมั่งคั่งผิดปกติ รับรองมีคนติดคุกแน่
เพียงแต่ว่าจะเอากันจริงจัง ไม่ไว้หน้าเพื่อนพ้องน้องพี่ หรือไม่เท่านั้น!
ดูแล้วเกี่ยวโยงถึงพวกเครือข่ายคนกุมอำนาจระดับ Deep State ทั้งนั้น และลงรากหยั่งลึกจนยากที่จะขุดคุ้ยได้ ต่อให้ลุงตู่ผู้นำรัฐบาลก็ตาม จะกล้าขุดให้หมดหรือไม่ เพราะหยิกเล็บเจ็บเนื้อแน่ๆ นี่จะเป็นการพิสูจน์คุณภาพของผู้นำประเทศด้วย
ถ้าเป็นมวยล้มต้มคนดู หรือว่าทำเพียงแค่ให้ผ่านไป มีแพะมารับบาป ตัวใหญ่รอดจากขบวนการตัดตอน ความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมของประเทศคงจะไม่มีโอกาสถูกฟื้นฟูได้ และพิสูจน์ให้เห็นว่าผลประโยชน์ของกลุ่มอยู่เหนือกฎหมาย
เรื่องตำรวจยิ่งหนัก เพราะมีคดีฆ่ากันตายในบ่อนใหญ่ มีคนทำลายหลักฐาน ภาพชัดเจนอย่างนี้ ถ้ายังรอดไปได้ ไม่มีใครต้องรับโทษอาญา โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ ถือว่าเป็นความล้มเหลวซ้ำสอง และจะเป็น “รัฐล้มเหลว” หรือ Failed State ชัดเจน
น่าจะต้องจัดให้คนพวกนี้อยู่ในขบวนการ “ชังชาติ” ด้วย เพราะทุจริต คอร์รัปชั่นทั้งเงินและอำนาจ ทำให้บ้านเมืองเสียหายด้านเกียรติภูมิและความน่าเชื่อถือ จะตราหน้าเยาวชนทุกคนที่เคลื่อนไหวว่าเป็นพวก “ชังชาติ” ไม่ถูกต้อง
เรื่องนี้ย้ำอีกครั้ง ถ้าเอากันจริง ต้องมีคนติดคุกถึงขั้นใหญ่โต มีตำแหน่ง ถ้าลงเอยเพียงแค่เหยาะแหยะ หาแพะรับบาป ก็อย่าไปว่าพวกออกมาเดินขบวนเรียกร้องให้มีความยุติธรรม มีรัฐธรรมนูญใหม่ที่เหมาะสำหรับประชาชนและประเทศแท้จริง
ถ้าเช่นนั้น นักรัฐประหาร พวกสนับสนุน ตั้งกลุ่มก้อน แล้วมาโกงบ้านกินเมือง ต้องถือว่าเป็นพวกชังชาติ ด้วยการขัดขวางการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยด้วย