"โสภณ องค์การณ์"
ประเทศไทยมีสภาวะ Deep State หรือ รูปแบบของ “รัฐซ้อนรัฐ” หรือไม่ นี่เป็นข้อสงสัยที่ดูแล้วมีพื้นฐานและเหตุผล แม้สถานะของทั้ง 2 สภาพจะต่างกันในด้านความหมายซึ่ง Deep State จะออกในด้านลบ เป็นอิทธิพลมืด กลุ่มผลประโยชน์
บ้านเรามีปัญหาการด้อยพัฒนาในระบอบประชาธิปไตย เปลี่ยนไปตามความต้องการของผู้กุมอำนาจรัฐ ซึ่งมีทั้งนักการเมือง นักเลือกตั้ง และกลุ่มคนที่มาจากการรัฐประหาร เป็นสังคมที่ยอมง่าย คนไม่กลัวกฎหมาย แต่กลัวคนมีเงิน และอำนาจเงิน
อำนาจและอิทธิพลจึงเป็นของคู่กัน ยิ่งในการเมือง การปกครอง ถ้าอำนาจรัฐถูกสนับสนุนด้วยอำนาจมืด กลุ่มนอกกฎหมาย คนในเครื่องแบบใช้อิทธิพลมืดจัดการฝ่ายตรงข้ามเพื่อกุมอำนาจรัฐด้วยแล้ว สภาวะ Deep State เป็นเรื่องธรรมดา
การบิดเบือนกลไกอำนาจรัฐ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม การเล่นพวกพ้อง กลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ในบ้านเราทำได้ง่ายเพราะเป็นสังคมที่มีเครือข่ายโยงใย ระดับเครือญาติ เพื่อนร่วมรุ่นในองค์กรต่างๆ การแต่งตั้งตำแหน่งในระบบเล่นพวก
กรณีคดีลูกกระทิงแดงฟ้องให้เห็นชัดว่าสภาวะ Deep State มีจริง ได้เห็นเครือข่ายการใช้อำนาจรัฐจากการได้มาเพราะการรัฐประหาร สร้างฐานของเครือข่ายครอบคลุมทุกด้านโดยผ่านสภานิติบัญญัติจากการแต่งตั้งคนไว้ในตำแหน่งสำคัญ
เมื่อมีทั้งอำนาจจากการรัฐประหาร ก็สร้างฐานอำนาจของ Deep State มีอำนาจตามกฎหมาย ระเบียบซึ่งกำหนดขึ้นมาเองโดยคณะผู้รับใช้ทางกฎหมาย ยิ่งในระบอบ “ประชาธิปไตยอุปโลกน์” มีรัฐธรรมนูญเขียนโดยกลุ่มที่ถูกมองว่า “สั่งได้”
คำอ้างที่ว่า “รัฐธรรมนูญผ่านประชามติมาแล้วนะ” จึงเหมาะสำหรับไปอ้างกับพวกบ้องตื้นหรือปัญญาไม่แข็งแรง หัวอ่อน โดนต้มง่าย มองโลกสวย เท่านั้น เพราะไม่ดูว่าอำนาจของรัฐนั้นมาจากการรัฐประหาร เป็นความผิดอาญาสูงสุดของประเทศ
ในสังคม “คนมีสี” ในบ้านเรา ซึ่งทำงานตามระเบียบข้าราชการส่วนหนึ่ง และใช้อิทธิพลของเครื่องแบบไปทำมาหากินสารพัดในโลกสีเทา ธุรกิจไต้ดิน จึงเป็นสภาวะของ “มาเฟีย” ในเครื่องแบบ จะสีอะไรขึ้นอยู่กับว่ายุคใด สีไหนได้เป็นใหญ่
ถ้าใครปฏิเสธความเป็นจริงในข้อนี้ คงเป็นการดูถูกประชาชนมากเกินไป เพราะ “มาเฟียในเครื่องแบบ” ได้ออกฤทธิ์ออกเดชหลายยุค ติดคุกตะราง มีคดีก็มาก แต่อาศัยอำนาจมืดของผู้ใหญ่ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในวงจรอำนาจ Deep State เคลียร์ให้
มาเฟียในเครื่องแบบบางคนรอดจากมือกฎหมายมาได้เพราะเครือข่ายเพื่อนพ้องน้องพี่ อำนาจกฎหมายทำอะไรไม่ได้ ต้องให้โรคภัยไข้เจ็บจัดการพรากชีวิตจากโลกนี้ไป สังคมสงบจนกว่าจะมีตัวแทนรุ่นต่อไปรับช่วงเป็นมือไม้ของ Deep State
คดีลูกกระทิงแดงเห็นพลังของเครือข่าย Deep State ทำงานเต็มที่ มีทั้งคนในเครื่องแบบ เจ้าหน้าที่รัฐ องค์กรอิสระ นักกฎหมาย ทนายความในขบวนการ เห็นการรับลูกเป็นช่วงๆ ในความพยายามเบี่ยงเบน บิดเบือน ลดน้ำหนักหลักฐานสำคัญ
ดังนั้น การตั้งคณะทำงาน กรรมการต่างๆ จึงเป็นเพียงพิธีกรรมเพื่อไม่ให้กลุ่มช่วยเหลือต้องมีปัญหาทางกฎหมาย การสอบสวน สืบหาข้อเท็จจริงจึงไม่แย้งหลักฐาน ข้อเท็จจริงพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ แต่อ้างหลักปฏิบัติ ขั้นตอนต่างๆ
ว่ากันง่ายๆ คือหาข้ออ้างว่าสิ่งที่ได้ทำไปแล้วในกระบวนการฟอกตัวลูกกระทิงนั้นเป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบปฏิบัติ จนถึงขั้นมีคำสั่งไม่ฟ้อง ตัดตอนเด็ดขาด แม้จะค้านสายตาวิญญูชน นักกฎหมายที่ผดุงคุณธรรม หลักความยุติธรรมก็ตาม
เป็นการใช้อำนาจของเครือข่าย Deep State เหมือนประกาศว่า “พวกกูจะทำซะอย่าง ใครจะทำอะไรพวกกูได้” นั่นคือกระทืบหัวใจประชาชน ทำให้กระบวนการยุติธรรมต้อง “ยุติความเป็นธรรม” ทำให้ประเทศไทยเป็นเหมือน “รัฐล้มเหลว”
อำนาจและอิทธิพลของ “Deep State” ทำให้รัฐไทยเป็น “Failed State” และไม่มีใครจะทำอะไรได้ เพราะมีเครือข่ายของกฎหมาย อิทธิพลและคนกุมอำนาจรัฐคุ้มครองปกป้องเพื่อผลประโยชน์และความอยู่รอดด้วยกัน นี่จึงเป็นสภาวะที่สิ้นหวัง
อำนาจรัฐภายไต้ระบอบ “ประชาธิปไตยอุปโลกน์” และโครงสร้างของ Deep State ไม่สามารถรับประกันสิทธิ ความเสมอภาคของประชาชนด้านกฎหมาย หรืออะไรทั้งสิ้น ทุกวงการมีเครือข่าย ระบบเส้นสาย กฎหมายจึงไร้ความศักดิ์สิทธิ
อนาคตของประเทศไทยจึงเป็นสภาวะวังเวง สุ่มเสี่ยง โครงสร้างเสื่อมทรุดด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ยิ่งมีวิกฤตรอบด้านทั้งการระบาดของโควิด-19 การเมืองน้ำเน่า โอกาสจะแก้วิกฤตยิ่งลำบากกว่าที่ควรจะเป็น
ความยากจน สภาวะหนี้สินแทบล้นพ้นตัว ความทุกข์ยากลำบากในการหารายได้ การว่างงาน ความเหลื่อมล้ำด้านรายได้และโอกาสต่างๆ วิกฤตด้านความเชื่อมั่นศรัทธา ทำให้แทบไร้หนทางจะฟื้นฟูประเทศ เมื่อผู้บริหารไร้ความสามารถ
ยิ่ง Deep State เป็นฐานหลักของเครือข่ายการทุจริต คอร์รัปชั่นอย่างเป็นระบบ องค์กรปราบปรามไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ จะส่งผลกระทบต่อการค้า การลงทุน โดยเฉพาะรัฐบาลที่หวังพึ่งพาแต่เงินทุน การลงทุนจากต่างประเทศเป็นหลัก
ดังนั้น ประชาชนคงไม่หวังว่าคดีลูกกระทิงจะได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างที่ควรจะเป็น เพราะการถลำตัวเข้ามาอย่างลึกของทุกฝ่ายในขบวนการช่วยเหลือ จึงเป็นไปไม่ได้ที่คนกุมอำนาจจะยอมให้เครือข่ายถูกกฎหมายเล่นงาน
และคงไม่มีความหวังอะไร ถ้ากลุ่มกุมอำนาจปัจจุบันยังอยู่ต่อได้อีก กลุ่มเยาวชน หรือกลุ่มมวลชนเรียกร้องประเด็นอะไร ถ้าเป็นการคุกคามความมั่นคงของกลุ่ม Deep State จะโดนอำนาจกฎหมาย หรือมวลชนจัดตั้งมาเล่นงานให้สิ้นสภาพ
ปัจจุบันได้เห็นการก่อตัวของกลุ่ม “อาชีวะ” คัดค้านกลุ่มเยาวชน ชวนให้นึกถึงสถานการณ์ก่อน 6 ตุลา 2519 ที่ทำให้เกิดมิคสัญญี ฆ่าคนอย่างเลือดเย็นกลางเมือง อย่านึกว่าจะซ้ำรอยไม่ได้ เพราะกลุ่มต้องการรักษาอำนาจสามารถทำทุกอย่าง