"โสภณ องค์การณ์"
ในที่สุดก็จะถึงวาระปรับคณะรัฐมนตรีของท่านลุงตู่อีกรอบ ชุดแรกของรัฐบาลจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ แบ่งสันปันส่วนคะแนน ผลประโยชน์อื่นๆ ตามสิทธิพึงได้พึงมี เมื่อทีม 4 กุมารอ้วนพีนำโดยเสี่ยสมคิดประเมินแล้วว่ายื้อต่อไปไม่ได้
จำเป็นต้องลาออกไปตอนนี้ให้เป็นข่าวใหญ่ ช่วยกลบเรื่องฉาวด้านความล้มเหลวของกลไกภาครัฐที่การ์ดตก ปล่อยให้เกิดปัญหาความเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-19 รอบพิเศษ สมกับสิทธิพิเศษ เอกสิทธิทางการทูต ข้อตกลงทางทหาร นั่นนี่โน่น
จากเชื้อร้ายนำเข้าโดยนายทหารอียิปต์และเด็กสาวอายุ 9 ปีจากซูดาน!
มีผู้นำรัฐบาลกล่าวคำขอโทษ ประกาศขอรับผิดชอบ และแค่นั้น ไม่บอกว่าจะรับผิดชอบอย่างไร แค่ไหน สังคมไทยไม่ได้หวังอยู่แล้ว ในประวัติศาสตร์ไทย ไม่เคยมีผู้นำรัฐบาลยุคไหนเคยรับผิดชอบความเสียหาย ไม่มีเรื่องสปิริต จิตสำนึก หรือจริยธรรมดีงาม
หวังว่าการลาออกของคณะ 4 กุมารอ้วนพี จะหยุดการแก่งแย่งเก้าอี้รัฐมนตรี ซึ่งนักเลือกตั้งเสือหิวมองว่าเป็นทรัพย์สินของพรรคภายไต้ระบบโควตา อ้างโดยไม่รู้สึกว่าต้องมียางอาย และไม่บอกว่าถ้าเกิดความเสียหาย จะมีหน้าไหนแอ่นอกมารับผิดชอบ
นี่เป็นลีลาการเมืองน้ำเน่าซ้ำซาก ไม่มีอะไรใหม่ เป็น new normal อย่างที่ท่านผู้นำประกาศวันก่อนให้ดูโก้หรู มีราคาคุณค่าเหนือคนอื่นๆ แต่เป็น เน่าๆ normal ของแท้ ไม่มีอะไรดีงามเจือปน เพียงแค่หวังจะแหกตาชุมชนบ้องตื้นติ่งตมลุ่มหลงหัวปักหัวปำ
ตราบใดที่ไม่กำจัดการทุจริต ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม อย่าหวังว่าจะมีอะไรดี!
ชาวบ้านก็จะรอดูว่าการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีรอบนี้ จะเป็นไปตามโควตาภายไต้แรงกดดันของค่ายลุงป้อม หรือหัวหน้ารัฐบาลจะยังมีน้ำยารักษาความอิสระบางส่วน ไม่ให้ถูกมองว่าเป็นแค่หุ่นเชิด หัวโขน หรือรับบทให้ตัวเองดูดี แต่รักษาผลประโยชน์ของกลุ่ม
ถ้าประสานผลประโยชน์ไม่ได้ มีนักอกหักไม่ทนกับการบริโภคแห้วตามด้วยน้ำใบบัวบกต่อเนื่องแก้โรคผิดหวังกระอักเลือด คงจะเห็นฝูง “ลิงหิวกล้วย” ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว ขู่ฟ่อๆ ขย่มต้นไม้ แยกเขี้ยวขาว ป่วนไม่หยุด เพราะความหิวเงินกระหายอำนาจไม่ยกเว้น
เหมือนกับโคโรนาไวรัสระบาด ไม่เลือกว่าเป้าหมายเป็นใคร ชนชั้นไหน เป็นนายทหารยศใหญ่โต หรือลูกทูตมีเอกสิทธิคุ้มหัวทำให้คนในรัฐไทยต้องยอมสยบ แต่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากความล้มเหลวต้องกล้ำกลืนฝืนทนกับความทุกข์ยาก
เหมือนเสียงโอดครวญของเจ้าของกิจการโรงแรมและการค้าอื่นๆ ในระยอง และจังหวัดอื่นๆ ที่ยอมทนนานกว่า 6 เดือนกับคำสั่งไต้กฎหมายฉุกเฉินซึ่งมีผลพลอยได้ในการค้ำฐานอำนาจ ชาวบ้านมีทั้งโกรธ ผิดหวัง นึกว่าจะทำมาหากิน ลืมตาอ้าปากได้บ้าง
ปลดล็อกของมาตรการคุมเข้ม ยกการ์ดสูงได้ไม่กี่วัน ต้องหยุดค้าขายอีกรอบอ้างหน้าตาเฉยว่า ระบอบถูกต้องเหมาะสมแล้ว แต่คนทำหน้าที่ห่วยเอง ต้องอุดช่องโหว่!
ท่านผู้นำกลัวความนิยมต่ำตมจมดิน ไหนจะปัญหาเศรษฐกิจตายซาก ไหนจะมีคนจากต่างประเทศเอาภาวะติดเชื้อมาให้รักษาไม่รู้จบสิ้น รีบบึ่งหน้าตั้งไประยอง หวังว่าจะทำให้อะไรดีขึ้น มั่นใจว่าคณะ 4 กุมารลาออกจะทำให้เบี่ยงเบนความสนใจชาวบ้าน
สื่อต่างๆ จะมีประเด็นการลาออก เก็งเรื่องการปรับ ครม. ลดแรงกดดันจากเรื่องความล้มเหลวที่ไม่มีใครรับผิดชอบ การไปเยี่ยมชาวบ้านจะถูกมองว่ากล้าหาญ แต่ไม่มีอะไรมาก นอกจากคำประกาศลมๆ แล้งๆ แถมยังย้อนถามชาวบ้านให้เจ็บหัวอกว่า “จะให้เยียวยาใคร อย่างไร?” ก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรด้วยมั้ง!
ได้ยินอย่างนี้ จะให้ประชาชนคาดหวังอะไรได้อีก ก็ต้องยอมรับ และรับรู้ว่า ถ้าไม่รู้ว่าการรับผิดชอบความเสียหายควรทำอย่างไร แค่ไหน ต่อให้อธิบายจนคอแห้ง ปากฉีก ก็เสียเวลาเปล่า ในประเทศนี้ ไม่มีใครต้องรับผิดชอบความเสียหาย อ้างแต่ว่ามีหน้าที่
นี่เป็นการเมืองที่ไร้หลักการ ไร้ความรู้สึกว่าเป็นภารกิจ พันธะกิจที่ต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เพื่อผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง และประชาชน สมกับความไว้วางใจที่ได้รับภายไต้ระบอบการคัดสรร การเลือกตั้ง คุ้มค่าเงินภาษี ไม่มีข้ออ้างอื่นๆ
ท่านผู้นำเร่งนั่ง ฮ. ไประยอง ไม่ให้ความรู้สึกของชาวบ้านโกรธแค้นเกินจนลามไปเรื่องอื่นๆ แต่มั่นใจว่าจะต้องมีคนต้อนรับมากกว่าคนต่อต้าน การไปหยอดคำหวานด้วยลีลาตีหน้าเศร้านั้น เป็นธรรมชาติธาตุแท้ของนักการเมืองทุกคนที่ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด
ตามคาด คุณท่านผู้นำไม่ต้องลงทุนอะไร เพียงกล่าวขอโทษคนไทยและขอบคุณชาวระยองที่เอาใจใส่ในการตรวจหาเชื้อ พร้อมยืนยันว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว สาเหตุเกิดจากการประสานงานของหลายหน่วยงานจนทำให้เกิดข้อบกพร่อง “การประสานงาน” เป็นปัญหา เป็นแพะรับบาป คนประสานงานไม่ต้องผิดอะไร
คุณท่านผู้นำยังอ้อนวอน “ขอให้เชื่อมั่นรัฐบาล เชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขและแพทย์ ทั้งนี้ไม่อยากให้โทษกันไปกันมาเพราะไม่มีประโยชน์ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์จึงต้องมาช่วยกันแก้ไขปัญหาเพราะไม่รู้ว่าในวันข้างหน้าจะเกิดอะไรเกิดขึ้นอีก” ฉากออกได้สวย
ประชาชนเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขแน่ๆ แต่ไม่เชื่อคุณภาพกลไกของรัฐบาล!
สรุปแล้ว ไม่ต้องมีใครรับผิดชอบอะไร ไม่มีประโยชน์ ประชาชนผิดถ้ายังโทษกันไปโทษกันมา นี่แหละ ประเทศไทยจึงไร้คนที่มีอำนาจแต่ขาด accountability อย่างรุนแรง คำนี้อยู่เหนือ “ความรับผิดชอบ” มันฟ้องให้เห็นตัวตน ระดับคุณภาพ คุณธรรมของคน
คำพูดของคุณท่านผู้นำสร้างความสับสน “เนื่องจากหลายประเทศสถานการณ์โควิด- 19 ก็กลับมาระบาดใหม่และยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องของวีไอพี จากนี้ทุกคนจะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจคัดกรองตามมาตรการทั้งหมด”
สภาวะอย่างนี้ใช่หรือไม่ ที่ชาวบ้านชอบพูดแดกดันว่า “วัวหาย ควายล้อมคอก?”
เพียงคำรับรองเหมือนยอมตากหน้า แก้ผ้าเอาหน้ารอด ไร้คำรับประกันว่าถ้าเกิดความผิดพลาดครั้งใหม่ จะโทษใคร โทษระบบ หรือการประสานงานบกพร่อง มีประเด็นเอกสิทธิ หรือไม่มีกันแน่ เพราะเจ้าหน้าที่ได้พูดว่ากักตัวเด็กไว้ไม่ได้เพราะมีเอกสิทธิ
จะมีอะไรก็แล้วแต่ ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ชาวบ้าน เจ้าของกิจการต่างๆ ก็รับเคราะห์ ไม่สามารถเรียกร้องเอาอะไรจากใครทั้งนั้น ต้องถือว่าเป็นกรรมเก่าเท่านั้น อันที่จริงทุกวันนี้ถือว่าเป็นเวรกรรมต่อเนื่องของประเทศ ไม่วันดิ้นหลุดจากการเมืองสามานย์
เป็นอย่างนี้มานาน 88 ปี อย่างที่คุณปู่จิ๋ว หวานเจี๊ยบออกมาเจื้อยแจ้ววันก่อน!
ดูหน้าตาคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ หลังการปรับก็แล้วกัน เห็นแล้วก็พอจะคาดเดาได้ว่าบ้านเมืองจะรอดจากหายนะหรือไม่ ถึงอย่างไรก็เลี่ยงจากเรื่องผลประโยชน์ไม่พ้น!