xs
xsm
sm
md
lg

การรื้อฟื้นความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ (1)

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท


เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส นิมิตซ์ ของสหรัฐฯ ในทะเลจีนใต้
วันนี้...สงสัยคงต้องวนไป-วนมาแถวๆ “ทะเลจีนใต้” กันอีกนั่นแหละทั่น เพราะมาถึง ณ ขณะนี้ คงต้องเรียกว่า...น่าจะเป็นที่ชัดเจน แจ่มแจ้ง แดงแจ๋แล้วว่า อันเนื่องมาจากความพยายามต่อต้าน ปิดล้อม หรือกระทั่ง “เผชิญหน้า” กับ “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างคุณพี่จีนนั้น สุดท้ายแล้ว...คุณพ่ออเมริกา ท่านหนีไม่พ้นต้องหันไปคว้าเอา “มุกเก่าๆ” หรือคว้าเรื่องเก่ากลับมาเล่าใหม่ นั่นคือเรื่อง...ความขัดแย้ง ข้อพิพาทในเรื่องพื้นที่ ดินแดน ระหว่างจีนกับบรรดาบางประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในน่านน้ำแถบทะเลจีนใต้ ไปจนทะเลจีนตะวันออก ซึ่งยังไม่อาจหาจุดลงตัวกันได้ง่ายๆ หรือยังคงคั่งค้าง คาราคาซังมาตั้งแต่สมัย “พระเจ้าเหา” เพิ่งนุ่งกางเกงหูรูดนั่นเอง...

คือถึงขั้น...ต้องออก “แถลงการณ์” ด้วยการฉวยจังหวะช่วงครบรอบ 4 ปี ที่อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ได้ตัดสินให้การอ้างสิทธิในทะเลจีนใต้เกือบถ้วนทั้งหมดของจีน เป็นสิ่งที่ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” ตามคำฟ้องของรัฐบาลฟิลิปปินส์ยุคที่ยังคิดหันไป “เอียงข้างอเมริกา” หรือถึงขั้นคิดรื้อฟื้นฐานทัพอเมริกันในฟิลิปปินส์เอาเลยถึงขั้นนั้น โดยการออกมาป่าวประกาศ หันมาแสดงตัวตน หรือหันมา “ยุแยงตะแคงรั่ว” ก็แล้วแต่จะเรียก เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ปฏิเสธการอ้างสิทธิของจีนในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเป็นทางการ หรือเพื่อแสดงให้เห็นว่า อเมริกาพร้อมแล้ว...ที่จะยืนหยัด เคียงข้าง บรรดาประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งยังมีข้อพิพาทในเรื่องเหล่านี้อยู่กับจีน ไม่ว่าเวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ไปจนกระทั่งบรูไน ฯลฯ ก็ตาม อย่างเป็นระบบและกิจการ...

นอกเหนือไปจากนั้น...ในช่วงระยะใกล้ๆ กัน ผู้ที่จำต้องเป็นพันธมิตรกับคุณพ่ออเมริกามาตั้งแต่หลังพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างคุณพี่ญี่ปุ่น ยุ่นปี่ ซึ่งกำลังร่วมไม้-ร่วมมือ ก่อรูป ก่อร่าง กลุ่มประเทศ “พันธมิตรทางทหาร” ย่านเอเชีย-แปซิฟิก กับคุณพ่ออเมริกา ที่เรียกๆ ว่ากลุ่ม “QUAD Alliance” (The Quadrilateral Security Dialogue) หรือกลุ่มพันธมิตรสี่เหลี่ยมด้านเท่าอะไรทำนองนั้น อันประกอบไปด้วยอเมริกา-ญี่ปุ่น-อินเดีย-และออสเตรเลีย ก็ได้จังหวะออก “บันทึกสมุดปกขาว” หรือรายงานทบทวนด้านความมั่นคงประจำปี ด้วยการระบุไว้แบบเป็นเรื่อง เป็นราว ว่าคุณพี่จีนกำลังคิดฉวยโอกาสในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “COVID-19” กระทำการ “เปลี่ยนแปลงสถานะ” (status quo) ของพื้นที่อาณาบริเวณทะเลจีนใต้ และทะเลจีนตะวันออก หรือกำลังคิดจะ “ฮุบ” บรรดาหมู่เกาะ และแนวปะการังต่างๆ ที่ยังคงเป็นปัญหาคาราคาซังกับบรรดาประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ควบคู่ไปด้วยนั่นเอง...

การหยิบเอาเรื่องราวเหล่านี้กลับมารื้อฟื้น หรือหยิบเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ ของคุณพ่ออเมริกาคราวนี้...จึงไม่เพียงแต่เป็นอะไรที่ออกจะสอดคล้องไปกับการเบ่งกล้าม โชว์กล้าม หรือการแสดงแสนยานุภาพทางทหารของกองทัพอเมริกันในทะเลจีนใต้ เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นั่นคือการเข็น “เรือบรรทุกเครื่องบิน” ถึง 2 ลำ กองเรือรบอีกเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ของกองเรือทั้งหมด มายั่วยวนกวนส้นตีน คุณพี่จีนที่กำลังซ้อมรบอยู่แถวๆ หมู่เกาะพิพาทในทะเลจีนใต้ รวมทั้งการดิ้นรน กระเสือกกระสนของผู้บัญชาการทหารบกอเมริกัน ที่ต้องการเดินทางมาเยือนประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาให้จงได้ ไม่ว่าต้องใส่หน้ากาก หรือต้องเว้นระยะห่างกันในระดับไหนก็ตาม แต่ยังถือเป็นการสอดรับกับความพยายามก่อรูป ก่อร่าง “พันธมิตรทางทหาร” ขึ้นมาในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตามแนวทางและเป้าหมาย “ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก” (Indo-Pacific Strategy) อันถือเป็นความพยายามที่จะปลุกพันธมิตร ระดมพันธมิตร เพื่อต่อต้าน ปิดล้อม หรือเผชิญหน้ากับมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีน ไม่ว่าในระยะสั้น หรือระยะยาวนั่นเอง...

อย่างไรก็ตาม...แม้ว่าโดยช่วงจังหวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “COVID-19” จะทำให้ประเทศพี่เบิ้มแห่งเอเชียอีกราย อย่างอินตะระเดีย ซึ่งกำลังเจอกับ “พิษเศรษฐกิจ” ระดับหนักหนาสาหัส และค่อนข้างจะมีปัญหาทางเศรษฐกิจกับจีนอยู่เป็นทุนเดิม เริ่มหันมา “เอียงข้าง” หนักไปทางอเมริกายิ่งขึ้นเรื่อยๆ หรือทำให้การก่อรูป ก่อร่าง ความเป็น “พันธมิตรทางทหาร” ตามแนวทางยุทธศาสตร์ “อินโด-แปซิฟิก” ยิ่งเป็นอะไรที่ชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที เกิดการลงนามข้อตกลงทางทหารกับออสเตรเลีย การเชื้อเชิญให้มาร่วมซ้อมรบประจำปีในอ่าวเบงกอล การประกาศให้ความสนับสนุนทางทหารต่ออินเดียในกรณีพิพาทพื้นที่ชายแดนกับจีน ไปจนการเกาะกลุ่ม รวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มประเทศ “QUAD” ดังที่กล่าวไปแล้ว ฯลฯ แต่สำหรับบรรดาประเทศเล็ก ประเทศน้อย โดยเฉพาะย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เคยมีปัญหา และยังคงมีปัญหากับจีน ในเรื่องพื้นที่อาณาบริเวณซึ่งครอบคลุมทั่วทั้ง “ทะเลจีนใต้” จะหันไป “เอาด้วย” หรือหันไปไหลตามกระแสการต่อต้าน ปิดล้อม และการเผชิญหน้ากับจีน อย่างที่คุณพ่ออเมริกาปรารถนาและต้องการ หรือไม่ อย่างไร? อันนี้นี่แหละ...ที่น่าสนใจเอามากๆ!!!

โดยเฉพาะเมื่อมีการไปหยิบเอาเรื่องเก่ากลับมาเล่าใหม่ หรือหยิบเอาข้อขัดแย้ง ข้อพิพาทระหว่างบรรดาประเทศที่อยู่รายรอบทั่วทั้งทะเลจีนใต้ มาเป็นตัวยุ ตัวกระตุ้น ให้ความกลัวจีน เกลียดจีน ซึ่งเคยอุบัติขึ้นมาตั้งแต่เมื่อเกือบ 70-80 ปีที่แล้ว ในหมู่บรรดาประเทศที่อยู่รายรอบทะเลจีนใต้ นับตั้งแต่ได้มีการเผยแพร่ “แผนที่” ฉบับหนึ่ง ที่เรียกๆ ในภาษาจีนว่า “จงกั๊วะ หนานไห่ เต้าหยู ตู้” (Zhongguo nanhai daoyu tu) หรือเรียกในภาษาอังกฤษว่า “Map of Chinese Island in South China Sea” หรือ “แผนที่เกาะของจีนในทะเลจีนใต้” ด้วยเหตุเพราะแผนที่ฉบับที่ว่านี้...ได้แสดงให้เห็นถึงแนวอาณาเขตดินแดนซึ่งถูกอ้างอิงตามประวัติศาสตร์ว่าเป็นของจีนมาตั้งแต่แรก โดยการขีดเส้นที่มีลักษณะคล้ายๆ รูปตัว “U” ไว้ด้วย “เส้นประ” ประมาณ 9 เส้น 10 เส้น อันทำให้เกิดการเรียกขานกันในเวลาต่อมาว่า “แผนที่เส้นประ 9 เส้น” หรือ “Nine Dash-Line” นั่นเอง...

โดยเส้นประเส้นแรก เริ่มด้วยการห้อยย้อยลงมาจากริมฝั่งด้านใต้ของแผ่นดินจีน บริเวณอ่าวตังเกี๋ย แล้วค่อยๆ ลากผ่านไปตามชายฝั่งเวียดนาม ดิ่งลงไปถึงเกาะบอร์เนียว ไปจนจรดพื้นที่ชายฝั่งประเทศมาเลเซีย ก่อนค่อยๆ วกกลับขึ้นไปแถวๆ ประเทศบรูไน ผ่านรัฐซาบาห์ แล้วขีดคร่อมน่านน้ำฟิลิปปินส์ ขึ้นไปจนถึงเกาะลูซอน จนไปสิ้นสุดที่เกาะไต้หวัน หรือถ้ามองกันแบบหยาบๆ คร่าวๆ บรรดาอาณาบริเวณที่ถูก “เส้นประ” เหล่านี้ ลากไป ลากมา หรือลากผ่าน ย่อมส่งผลให้แทบทุกพื้นที่ในเขตทะเลจีนใต้ ต้องกลายเป็น “ของจีน” หรืออยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของจีน ไปโดยปริยาย เพราะต่างตกอยู่ภายใต้แนวเขตที่ถูกขีดเป็นรูปตัว “U” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง!!!

อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้กลายเป็นเรื่อง เป็นราว เกิดเรื่อง เกิดราว ระหว่างประเทศพี่เบิ้มในเอเชียอย่างจีนกับบรรดาประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาตั้งแต่ครั้ง “พระเจ้าเหา” ยังเพิ่งใส่กางเกงหูรูด และยังเป็นอะไรที่คาราคาซังมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ โดยถึงแม้จะหันไปหยิบเรื่องเก่ากลับมาเล่าใหม่ มาใช้เป็นเครื่องกระตุ้น เป็นตัวยุแยงตะแคงรั่ว แต่ด้วยความขัดแย้งที่ยังหา “จุดลงตัว” ยังไม่เจอ ย่อมอาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง ต่อต้าน เกิดความร่วมมือ-ร่วมใจในการปิดล้อม ไปจนถึงการเผชิญหน้ากับจีนได้เสมอ ดังนั้น...เมื่อคุณพ่ออเมริกาท่านหันไปใช้มุกเก่าๆ มุกนี้ ก็คงต้องไปตามกันต่อวันพรุ่งนี้นั่นแหละว่า แล้วประเทศมหาอำนาจรายใหม่อย่างคุณพี่จีน และบรรดาประเทศเล็ก ประเทศน้อย ในทะเลจีนใต้ จะหันไปใช้มุกไหนกันดี...


กำลังโหลดความคิดเห็น