"โสภณ องค์การณ์"
ผ่านไปแต่ละวัน ไม่มีใครในกลุ่มผู้กุมอำนาจบริหารประเทศสามารถบอกประชาชนได้ว่า อนาคตและชะตากรรมของประเทศจะเป็นอย่างไร ยังมีวิกฤตอะไรเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่รออยู่ข้างหน้า จะรุนแรงแค่ไหน ทรัพยากร ขีดความสามารถของเราจะฝ่าไปได้หรือไม่
ดูแล้วน่ากลัวว่าไม่มีใครกล้าให้คำตอบแน่นอน เว้นแต่บรรดาหมอดู หมอเดา ที่ยังคิดว่าโอกาสหากินกับชาวบ้าน เรื่องชะตา โชคลาง ยังเป็นไปได้อยู่ เมื่อคนบ้านนี้เมืองนี้ยังเคว้งคว้าง มีคนจิตอ่อนตกเป็นเหยื่อของนักเรี่ยไรเงิน นักมอมเมาต้มตุ๋น 18 มงกุฎ
รวมทั้งพวกกำมะลอหลากหลายประเภท เป็นข่าวฉาวโฉ่ในรายงานของสื่อ!
ภาคธุรกิจไปลำบาก ยังขาดความมั่นใจ ไม่รู้ทิศทาง แนวนโยบาย และไม่รู้ว่าการปรับคณะรัฐมนตรีจะมีหรือไม่ ใครจะไป ใครจะมาคุมนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องของความอยู่รอดของประเทศ และของประชาชนเมื่อปัญหาปากท้องยังหนักหนาสาหัส
ไม่มีทางไปชัดเจน เพราะไม่มีใครสามารถบอกได้ เมื่อสถานการณ์การระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสยังรุนแรง เพิ่ม ลด ทุกระยะ หลายประเทศปลดล็อก คลายมาตรการคุมเข้มได้ไม่กี่วัน ก็ต้องหวนกลับมาปิดล็อกเหมือนเดิม เมื่อมีคนติดเชื้อ ล้มตายระลอกใหม่
ประเทศไทยไร้การระบาดติดเชื้อนานเกือบ 2 เดือน ถือว่าโชคดี ไม่มีความกังวลในเรื่องนี้ ไม่ต้องห่วงความขาดแคลนของเวชภัณฑ์ บุคลากรการแพทย์ไม่เสี่ยง หรือเหนื่อยล้า แต่ยังมีคนเข้ามาจากต่างประเทศ ติดเชื้อทุกวัน ยังไว้วางใจอะไรไม่ได้ทั้งนั้น
มีตัวอย่างให้เห็นในหลายประเทศว่า มีติดเชื้อระลอกใหม่ เสียเวลาและทรัพยากร
เราไม่มีการระบาดก็จริง แต่เมื่อหลายทวีปยังมีวิกฤตอยู่ เราก็ทำมาค้าขายกับใครได้ยาก เมื่อการขนส่งสินค้าทุกทางยังมีอยู่จำกัด การเดินทางโดยเครื่องบินยังไม่ง่าย คนเดินทางต้องเสี่ยงกับการติดเชื้อ ต้องเสียเวลากักตัวนาน 14 วัน ในปลายทางและขากลับ
เริ่มมีการประเมินแล้วว่าสถานการณ์อย่างนี้จะยังมีอยู่ต่อไป และกว่าจะฟื้นตัวได้ ต้องใช้เวลา 2-3 ปี หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการมีวัคซีนและยารักษาพร้อมเมื่อไหร่ด้วย
อยู่อย่างนี้ เหมือนรอปัญหาประทุ เกี่ยวกับเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ การดำรงชีพ และโอกาสการหารายได้ เพราะยังมีกิจการนิติบุคคลต้องล้มหายตายจากเพราะอยู่ต่อไปไม่ได้เมื่อขาดสภาพคล่อง ไม่มีรายได้ ไม่มีสัญญาณว่าโอกาสจะฟื้นตัวมีเมื่อไหร่
ธุรกิจไร้เงิน ไปขอกู้จากธนาคารก็ไม่ได้ ดอกเบี้ยเงินฝากไม่เกิน 50 สตางค์ต่อปี แต่ดอกเบี้ยเงินกู้สูงกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ ถ้าผิดนัดการชำระ จะโดนลงโทษในอัตราโหด 15-18 เปอร์เซ็นต์ สภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ จะหากำไรคุ้มกับการต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงๆ ได้หรือ
ดูแล้ววังเวง เพราะปัญหาเดิม เช่นหนี้ครัวเรือน หนี้ประเทศ คนว่างงาน การทุจริต คอร์รัปชั่น เงินหายตามรายทางไม่ถึงมือประชาชนเต็มเม็ดเต็มหน่วยผ่านโครงการต่างๆ ตราบใดที่การทุจริตยังกระจายทั่วทุกระดับ การกระตุ้นเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องไร้ความหวัง
มีใครห่วงใยอนาคต ชะตากรรมของประเทศบ้างหรือไม่? คำตอบคือ “ยังไม่เห็น”
ภาคการเมือง ยิ่งกว่าวังเวง การประลองกำลังเพื่อแก่งแย่งเก้าอี้รัฐมนตรี โดยไม่คำนึงถึงความอยู่รอดของประเทศ นักเลือกตั้งไม่เจียมตัว ไม่สำนึกถึงเรื่องความรู้ ความสามารถต่ำ ภาพลักษณ์เน่าเกินกว่าที่ประชาชนจะไว้ใจให้บริหารบ้านเมืองได้
ปัญหาเดิมๆ เช่น การด่าทอ โจมตี เล่นเกมสกปรก องค์ประชุมในสภาล่ม!
เราจึงอยู่ต่อไปในแต่ละวันโดยไร้จุดประสงค์ ไม่รู้ ไม่มีคำตอบจากใครว่า คนที่จะดูแลเศรษฐกิจจะเป็นใคร เมื่อหัวหน้ารัฐบาลก็ยังยื้อ ต้านการกดดันให้ปรับ ครม. อยู่ ขณะที่ข้อมูลน่าขนหัวลุกว่าฐานของเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในสภาพผุกร่อน หนี้ท่วม
การอ้างว่ายังมีช่องทางให้กู้ได้อีก แต่จะกู้มาทำอะไร ที่ผ่านมา การจ่ายเงินอัดฉีดไม่ได้ผลเพราะมีน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับการซบเซา ตายซากเรื้อรังของโครงสร้างเศรษฐกิจ เป็นมาก่อนหน้าการระบาดของโคโรนาไวรัสด้วยซ้ำ ถือว่าเป็นผลกระทบ 2 เด้ง
“คนไม่มีเงิน” คือคำอธิบายถึงความเรื้อรังของปัญหา เนื่องจากความผิดพลาดในการจัดระเบียบสังคม ทำให้พื้นฐานการทำมาหากินของคนรายได้น้อย หาเช้ากินค่ำต้องเปลี่ยนไปเข้าสู่สภาวะเงินหายาก เป็นปัญหา “เงินฝืด” หามาแล้ว มีค่าน้อยกว่าที่ควรเป็น
คนแห่เดินทางท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว ไม่ได้เป็นสัญญาณของภาวะเศรษฐกิจเริ่มกระเตื้อง เมื่อนักเดินทางบางพวกไม่ได้ใช้จ่ายมากมาย โดยคำอธิบายมีว่า “แค่มีน้ำมันเต็มถังก็ไปได้แล้ว กินนอนไปหาที่ถูกๆ” ดังนั้นโรงแรมต่างจังหวัดยังไม่เปิดเต็มที่
มีแต่รายชื่อโรงแรมกว่า 20 แห่งประกาศขาย ยังหาคนซื้อไม่มี อาจต้องรอนักธุรกิจจากจีนซึ่งมีเงินมาก และอยากเข้ามาลงรากปักฐานในไทย การซื้อโรงแรมหมายถึงการได้ที่ดินในย่านธุรกิจ ได้ราคา มีกำไรมากกว่าเงินฝากดอกเบี้ยต่ำติดดินที่ธนาคารจ่ายให้
มีคำเตือนแล้วว่าระดับน้ำในเขื่อนหลักในภาคอีสานและภาคเหนืออยู่ในระดับต่ำน่าวิตก ถ้าไม่มีพายุหอบฝนเข้ามา จะมีปัญหาในการทำเกษตร ภาคชนบทจะขาดรายได้ถ้าผลผลิตต่ำ อำนาจการซื้อก็จะยิ่งอ่อนล้า ซ้ำเติมด้วยหนี้สินที่ไม่มีเงินไปชำระคืน
เศรษฐกิจพอเพียง ยังไม่มีการส่งเสริมเต็มที่ ขณะที่ราคาพลังงานยังสูงเมื่อเทียบกับรายได้ของคนทั่วไป สังคมไทยได้เปลี่ยนเป็นอุตสาหกรรมและบริการ มีคนว่างงาน
วิกฤตความเชื่อมั่นที่มีอยู่ถูกทำให้ดูน่าหวาดระแวงด้านการเมืองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ถ้าไทยไม่อยู่ในจุดที่สมดุลท่ามกลางความขัดแย้งของชาติมหาอำนาจ จะมีปัญหาด้านการค้า การลงทุน ดังนั้น จุดยืนอย่างมีเกียรติภูมิจึงเป็นเรื่องจำเป็น
ถ้าประเทศไทยไม่เปลี่ยนท่าที จุดยืน ยังมองตัวเองว่าเป็นไก่รองบ่อน เหยื่อของการเอาเปรียบโดยชาติคู่ค้ามหาอำนาจ จำเป็นต้องยอมตลอดไป สถานการณ์จะเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่อีกมาก เพราะมีคำเตือนแล้วว่านี่เป็นภาวะวิกฤตรุนแรงไม่เคยเผชิญมาก่อน
ถ้าผู้กุมอำนาจยังคุมเชิง เล่นเกมประลองพลังอย่างนี้ ไม่มีวิสัยทัศน์และการรับรู้สถานการณ์ การตอบรับ มีคนใจซื่อมือสะอาดมามีส่วนร่วมในการบริหาร โอกาสจะแก้ตัวเพื่อให้รอดจากวิกฤตที่จะมาเพราะปัญหาเรื่องหนี้สิน รายจ่าย จะสาหัสเกินทนรับได้
อย่าให้เห็นว่าจุดสุดท้ายคือ “ตัวใครตัวมัน” รีบเผ่นหนี หอบเงินไปต่างประเทศ ไม่ง่ายเหมือนที่เป็นอยู่ขณะนี้นะ โรคระบาดจะนำไปสู่การควบคุมคนเข้าเมือง