การแข่งขันผลิตวัคซีนเพื่อสู้กับเชื้อโรคโคโรนาไวรัสซึ่งยังคงออกฤทธิ์ออกเดชมีคนติดเชื้อและคนเสียชีวิตทั่วโลกทุกวันนี้ได้ยกระดับเป็นเรื่องของสงครามเย็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐอเมริกา หลังจากรัสเซียประกาศว่ามีวัคซีนที่ใช้การได้แล้ว
เป็นเพราะรัสเซียอ้างว่าเป็นผู้ผลิตได้รายแรกและพร้อมจะส่งไปให้ประเทศอื่นๆ ก็ได้สร้างความสงสัยให้กับประชาคมโลก โดยเฉพาะผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เพราะอยู่ในสภาวะย่ำแย่คะแนนนิยมตกต่ำ คนอเมริกันติดเชื้อและตายเป็นอันดับหนึ่งของโลก
คำถามแรกคือวัคซีน Sputnik-5 ใช้การได้จริงหรือ เพราะเพิ่งผ่านการทดสอบขั้นที่ 1 และ 2 ยังต้องรอขั้นที่ 3 ซึ่งต้องใช้กับมนุษย์ แต่ก็มีคำอธิบายว่าในรัสเซียมีกฎหมายให้ใช้วัคซีนขั้นที่ 3 กับผู้ป่วยหนักและยังไม่มีทางเลือกอื่นๆ สำหรับการรักษา
โลกตะวันตกมองว่าวัคซีนรัสเซียน่าสงสัยเพราะการวิจัย พัฒนา การทดลองไม่โปร่งใสเหมือนกับโลกตะวันตกในบรรยากาศประชาธิปไตยและตรวจสอบได้
ผู้นำรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ก็อยู่ในภาวะถูกกดดันเช่นกันว่าจะต้องมีทั้งวัคซีนและยารักษา เมื่อตัวเลขผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตอยู่ในระดับสูงเช่นกัน คือผู้ติดเชื้อ มีเกือบ 9 แสนราย คนเสียชีวิตกว่า 15,000 ราย และตัวเลขนี้ก็ยังน่าสงสัยว่าจริงหรือไม่
การใช้ชื่อดาวเทียม Sputnik ซึ่งเป็นดาวเทียมดวงแรกที่รัสเซียส่งขึ้นไปอวกาศในปี 1957 ก็เหมือนเป็นการประกาศศักดาว่ารัสเซียเป็นรายแรกที่สามารถส่งทั้งดาวเทียม และมนุษย์อวกาศไปนอกโลกเป็นประเทศแรก รวมทั้งการตั้งสถานีอวกาศด้วย
ดังนั้นการตั้งชื่อดาวเทียมมาเป็นชื่อวัคซีนเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้โลกตะวันตกได้เห็นว่ารัสเซียมีความสามารถไม่แพ้ใคร ทั้งด้านอวกาศและเทคโนโลยี
ก่อนหน้านี้รัสเซียถูกกล่าวหาโดยหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ว่ามีกลุ่มแฮกเกอร์เจาะข้อมูลขโมยความลับเกี่ยวกับการผิดวัคซีนในสหรัฐฯ แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างแข็งขันโดยรัสเซีย
ทรัมป์ ได้เคยประกาศว่าสหรัฐฯ จะสามารถมีวัคซีนป้องกันได้ช่วงก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดี นั่นคือวันที่ 3 พฤศจิกายนแต่ดูแล้วความเป็นไปได้ยังคงยาก
แพทย์และผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯ ต่างก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะกำหนดเวลาสำหรับการใช้วัคซีนได้ในช่วงนั้น อย่างเร็วที่สุดที่เป็นไปได้คือปีหน้าซึ่งจะเป็นช่วงการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีคนเดิมหรือคนใหม่ก็แล้วแต่การตัดสินใจของคนอเมริกัน
ทรัมป์ก็เหมือนถูกไฟลนก้น ไหนจะเผชิญกับความนิยมของประชาชนตกต่ำตามหลังคู่แข่ง มีปัญหาเศรษฐกิจ คนว่างงาน ธุรกิจที่ล้มละลาย การประท้วงความรุนแรงเรื่องเหยียดผิวสี และความล้มเหลวในการควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัส
การจะมีวัคซีนได้สำเร็จหรือไม่ จึงเป็นส่วนหนึ่งของการวัดความสามารถของผู้นำทำเนียบขาวและที่ผ่านมายังไม่ปรากฏ นอกจากการเป็นตัวตลกจากคำแนะนำเพี้ยนๆ ในการใช้ยารักษามาลาเรียหรือยาฆ่าเชื้อ
นายKirill Dmitriev ซึ่งเป็นผู้บริหารกองทุน RDiF ในรัสเซียและเป็นผู้ให้เงินอุดหนุนการผลิตวัคซีนตัวนี้ อธิบายว่าการผลิตและจำหน่ายวัคซีนรวมถึงการใช้ก็จะเป็นไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และสมาชิกครอบครัวก็ได้ใช้วัคซีนตัวนี้แล้ว
วัคซีน Sputnik-5 ถูกพัฒนาโดยสถาบัน Gamakeya ในกรุงมอสโกซึ่งจะใช้ทดสอบระดับที่ 3 กับผู้ป่วยหลายพันคน และจะส่งไปหลายประเทศรวมทั้งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย บราซิล และฟิลิปปินส์ซึ่งมีการระบาดอย่างหนัก คนตายมาก
องค์การอนามัยโลกก็ออกแถลงการณ์ ว่าการเร่งวิจัยและพัฒนาวัคซีนควรจะทำไปตามลำดับขั้นตอนเพื่อให้มั่นใจว่าวัคซีนนั้นมีทั้งปลอดภัยและได้ผล แต่ก็ไม่ได้แสดงความไม่เชื่อถือว่าวัคซีนของรัสเซียใช้ไม่ได้
โลกตะวันตกคงทำใจยากที่จะยอมรับว่ารัสเซียมีความเก่งฉกาจกว่าท่ามกลางสงครามเย็นระหว่างฝ่ายโลกตะวันตกกับรัสเซียและจีน เพราะการผลิตวัคซีนมีความหมายทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง
หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว นายแพทย์คนดัง ด็อกเตอร์แอนโทนี เฟาชี่ สงสัยเช่นกันว่าวัคซีนของรัสเซียตัวนี้จะปลอดภัยและได้ผลหรือไม่ แต่ตัวเองหวังว่ารัสเซียจะประสบความสำเร็จแม้ขั้นตอนการวิจัย การผลิต ก่อนการทดลองมีความน่าสงสัย
ดร.เฟาชี่ กล่าวว่าตอนนี้มีวัคซีนมากกว่าครึ่งโหลแต่ยังต้องรอการทดสอบ และทดลองเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้ ถ้าหากว่าใช้ไปแล้วไม่ได้ผลและสหรัฐฯ มีมาตรฐานการทดสอบและตรวจสอบจนกว่าจะมั่นใจว่าใช้ได้ผลจริง
ดังนั้นข่าวเกี่ยวกับเรื่องความสำเร็จในการผลิตวัคซีนทั้งในรัสเซียและจีนก็ยังต้องรอผลการพิสูจน์ว่าได้ผลจากการทดสอบตามมาตรฐานเป็นที่ยอมรับได้
องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ ก็บอกว่าจะรับรองวัคซีนก็ต่อเมื่อได้ผลถึง 50% ในการใช้งานและองค์การอนามัยโลกแถลงว่าได้ติดต่อกับนักวิทยาศาสตร์ของรัสเซียเพื่อดูผลของการทดสอบตามขั้นตอนต่างๆ ว่าเป็นมาตรฐานสากล ยอมรับได้หรือไม่
ขณะนี้ตัวเลขโดยรวมของวัคซีนซึ่งอยู่ระหว่างการทดสอบทั่วโลกมี 28 ชนิดตามรายงานขององค์การอนามัยโลก
ตัวเลขคนติดเชื้อรวมในสหรัฐฯ มีมากกว่า 5.13 ล้านคน และผู้เสียชีวิตมากกว่า 1.64 แสนคน และยังเพิ่มไม่หยุด แต่ละวันคนอเมริกันติดเชื้อมากกว่า 50,000 ราย และยอดคนตายมากกว่า 1,000 ราย เป็นอันดับหนึ่งตามด้วยอินเดียและบราซิล
คงจะยากถ้าจะให้โลกตะวันตกใช้วัคซีนของรัสเซีย ถ้าอเมริกาไม่ส่งสัญญาณชัดเจนเพราะนี่เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันระหว่าง 2 ค่ายชาติมหาอำนาจแล้วยังมีจีนเป็นปัจจัยแทรกเพราะยังถูกกล่าวหาโดยผู้นำทำเนียบขาวว่าเป็นต้นตอของการระบาด
สภาวะที่เป็นอยู่ทำให้เห็นว่าแม้จะมีวัคซีนใช้งานได้ก็ยังต้องรอการพิสูจน์ว่าจะสามารถรับกับการกลายพันธุ์ของเชื้อโคโรนาไวรัสซึ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีทั้งร้ายแรงกว่าที่เป็นอยู่ และน้อยกว่า