เอเจนซีส์ – นิวซีแลนด์เร่งตรวจสอบความเป็นไปได้ว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลุ่มแรกของประเทศตนในรอบกว่า 3 เดือน ติดเชื้อจากไวรัสที่ปนเปื้อนสินค้าจัดส่งมาจากต่างประเทศใช่หรือมา ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง “ทรัมป์” เซ็นต์สั่งซื้อวัคซีนล็อตใหม่จาก “โมเดอร์นา” อีก 100 ล้านโดส หวังผลให้พร้อมใช้ก่อนการเลือกตั้ง ด้านรัสเซียเผยเตรียมฉีดวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาให้พวกแพทย์ภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมปฏิเสธความห่วงกังวลของนานาชาติที่ว่าวัคซีนตัวนี้จะไม่ปลอดภัย โดยบอกว่าเป็นความคิดที่ “ไม่มีเหตุผลอย่างที่สุด”
การที่นิวซีแลนด์กลับมาพบผู้ติดเชื้อกลุ่มแรกเป็นสมาชิก 4 คนจากครอบครัวเดียวกันในเมืองโอกแลนด์เมื่อวันอังคาร (11 ส.ค.) ทำให้นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มในเมืองดังกล่าว ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ รวมทั้งจำกัดการเดินทางทั่วประเทศ
ประชาชน 1.7 ล้านคนในโอกแลนด์จะกลับสู่มาตรการจำกัดระดับ 3 นับจากเที่ยงวันพุธ (12) ซึ่งหมายถึงการห้ามออกจากบ้านเว้นแต่กรณีจำเป็น ส่วนเมืองอื่นๆ บังคับใช้มาตรการจำกัดระดับ 2 และมาตรการเหล่านี้จะมีผลจนถึงวันศุกร์ (14)
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแดนกีวีต่างพากันงุนงงกับการระบาดครั้งใหม่ เนื่องจากมั่นใจว่าไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศมายาวนานถึง 102 วัน แถมครอบครัวดังกล่าวไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ
แอชลีย์ บลูมฟิลด์ อธิบดีกรมสาธารณสุขนิวซีแลนด์ เผยว่า กำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตรวจสอบว่า ครอบครัวนี้ติดเชื้อได้อย่างไร โดยเล็งความสนใจไปที่ความเป็นไปได้ที่ไวรัสอาจปนเปื้อนมากับสินค้าที่ส่งมาจากต่างประเทศ และขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังทดสอบพื้นผิวห้องเย็นแห่งหนึ่งในโอกแลนด์ที่สมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวที่ติดเชื้อทำงานอยู่
นอกจากนั้นเมื่อวันพุธ ทางการนิวซีแลนด์ยังยืนยันว่า สมาชิก 2 คนในครอบครัวดังกล่าวได้ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองโรโตรัว ขณะที่ไม่แสดงอาการ ส่วนคนที่ 3 ยังคงไปทำงานในบริษัทการเงินแห่งหนึ่งในโอกแลนด์ขณะที่ไม่แสดงอาการเช่นเดียวกัน และบลูมฟิลด์เผยว่า ล่าสุดพบพนักงาน 3 คนในบริษัทนั้นแสดงอาการของโรคโควิด-19
ส่วนที่รัฐวิกตอเรีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดในออสเตรเลียขณะนี้ ทางการรายงานเมื่อวันพุธว่า พบผู้เสียชีวิต 21 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มากกว่าสถิติสูงสุดเมื่อต้นสัปดาห์ 2 คน และพบผู้ติดเชื้อใหม่ 410 คน หลังจากจำนวนเคสใหม่เพิ่มขึ้นไม่ถึง 400 คนต่อเนื่อง 3 วัน ดับความหวังว่า การระบาดรอบสองในรัฐนี้อาจเริ่มนิ่งแล้ว
ด้านอเมริกา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บรรลุข้อตกลงให้บริษัทไบโอเทคอเมริกัน โมเดอร์นา ผลิตและจัดส่งวัคซีนต้านไวรัสโคโรนา 100 ล้านโดสเมื่อวันอังคาร ถือเป็นข้อตกลงจัดซื้อวัคซีนฉบับที่ 6 นับจากเดือนพฤษภาคม
ทรัมป์เผยว่า โมเดอร์นาพร้อมผลิตวัคซีนอย่างรวดเร็ว 100 ล้านโดสทันทีที่ได้รับอนุมัติ และเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 500 ล้านโดส ซึ่งจะทำให้อเมริกามีวัคซีนจากบริษัทนี้ 600 ล้านโดส
ขณะนี้ โมเดอร์นากำลังร่วมกับสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อภายใต้การนำของนายแพทย์แอนโทนี ฟาวซี และอยู่ในสังกัดสถาบันสุขภาพแห่งชาติของอเมริกา (เอ็นไอเอช) ทำการทดลองวัคซีนทางคลินิกเฟส 3 กับคน โดยที่จะทำการผลิตวัคซีนไปพร้อมกัน
ฟาวซี ซึ่งเป็นสมาชิกทีมเฉพาะกิจต่อสู้ไวรัสของทำเนียบขาว ตั้งข้อสังเกตว่า อย่างเร็วที่สุดนักวิจัยจะรู้ว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพหรือไม่ก่อนสิ้นปีนี้ ทว่าทรัมป์หวังให้มีวัคซีนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 3 พฤศจิกายนที่จะถึง
จนถึงขณะนี้ คณะบริหารของทรัมป์จัดสรรเงินอย่างน้อย 10,900 ล้านดอลลาร์ให้กับการพัฒนาและผลิตวัคซีนต้านไวรัสโคโรนา โดยสั่งซื้อวัคซีน 100 ล้านโดสจากจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, โนวาแว็กซ์, ไฟเซอร์ และซาโนฟี และอีก 300 ล้านโดสจากแอสทราเซเนกา
ที่รัสเซียในวันพุธ มิคาอิล มูราชโก รัฐมนตรีสาธารณสุขเผยว่า วัคซีนต้านไวรัสโคโรนาที่พัฒนาโดยสถาบันกามาเลยาซึ่งได้รับอนุมัติจากทางการหมีขาวให้ขึ้นทะเบียนใช้เป็นวัคซีนได้ตั้งแต่วันอังคาร จะพร้อมฉีดให้บรรดาแพทย์ภายใน 2 สัปดาห์ พร้อมตอบโต้ว่า การแสดงความห่วงกังวลของผู้เชี่ยวชาญต่างชาติบางคนต่อกรณีที่มอสโกอนุมัติวัคซีนดังกล่าวอย่างรวดเร็ว โดยเขาระบุว่า เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ “ไม่มีเหตุผลอย่างที่สุด”
ทั้งนี้ เมื่อวันอังคาร ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศว่า รัสเซียเป็นชาติแรกที่อนุมัติวัคซีนต้านโควิด-19 หลังจากทำการทดลองกับคนไม่ถึงสองเดือน และยังไม่ทันเริ่มทำการทดลองกับกลุ่มคนจำนวนมากซึ่งเรียกกันว่า การทดลองระยะ 3 ทำให้นักวิจัยนานาชาติเกรงว่า มอสโกจะเห็นแก่ชื่อเสียงของประเทศมากกว่าความปลอดภัย
ทางด้านอเล็กซานเดอร์ กินต์สเบิร์ก ผู้อำนวยการสถาบันกามาเลยา เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า จะเผยแพร่ผลการทดลองทางคลินิกหลังจากได้รับการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญภายในประเทศแล้ว และเสริมว่า รัสเซียมีแผนผลิตวัคซีนเดือนละ 5 ล้านโดสภายในเดือนธันวาคมปีนี้-มกราคมปีหน้า
