เอเจนซีส์ - จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกจ่อหลัก 20 ล้านคน ส่วนผู้เสียชีวิตล่าสุดเฉียด 730,000 คน เฉพาะอเมริกาติดเชื้อสะสมทะลุ 5 ล้านคน ขณะที่ตัวเลขของบราซิลเพิ่มเป็นกว่า 3 ล้านคน และยอดผู้เสียชีวิตเกิน 100,000 คนเมื่อวันอาทิตย์ (9 ส.ค.)
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันทั่วโลกอยู่ที่ 19,792,519 คน โดยจำนวนเคสใหม่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละกว่า 250,000 คน
ในวันจันทร์ (10 ส.ค.) ออสเตรเลีย มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวน 19 คน ศูนย์กลางการระบาดอยู่ในเมลเบิร์น เมืองหลวงของรัฐวิกตอเรียที่อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดมาหนึ่งสัปดาห์และคาดว่า จะบังคับใช้จนถึงวันที่ 13 กันยายน ขณะที่เมืองอื่นๆ ในรัฐนี้ใช้มาตรการจำกัดระดับ 3
อย่างไรก็ตาม รัฐวิกตอเรียพบผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงในวันจันทร์โดยอยู่ที่ราว 300 คน จากวันละ 700 คนในช่วงก่อนหน้านี้ แดเนียล แอนดรูส์ มุขมนตรีรัฐนี้กล่าวว่า จำนวนเคสใหม่ที่ลดลงอาจเป็นผลจากมาตรการจำกัดระดับ 3 ทั้งนี้ ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่ดูเหมือนควบคุมไวรัสได้แล้ว แต่กลับต้องเผชิญการระบาดรอบใหม่
จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นถึง 200 เท่านับจากกลางเดือนมีนาคม ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจากกว่า 4,000 คนตอนที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศสถานการณ์สาธารณสุขฉุกเฉินทั่วโลก เป็นกว่า 730,000 คนในขณะนี้
อเมริกา ที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมภายในประเทศเพิ่งทะลุ 5 ล้านคนไปเมื่อวันอาทิตย์ หรือ 1 ใน 4 ของทั่วโลก และผู้เสียชีวิต 1 ใน 5 ของทั่วโลก ถือเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนามากที่สุด ทั้งนี้ นับตั้งแต่โรคนี้ระบาด มีคนอเมริกันทุก 1 ใน 65 คนตรวจพบติดเชื้อ และ 1 ใน 2,000 คนเสียชีวิตจากโรคนี้
บราซิล มีผู้ติดเชื้อเกิน 3 ล้านคนแล้ว และเป็นประเทศที่ 2 ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในโลก โดยในวันอาทิตย์ยอดผู้เสียชีวิตทะลุ 100,000 คน
ช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ทั้งประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารูของบราซิล และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา ต่างพยายามทำให้ดูเหมือนว่า โควิด-19 ไม่ได้อันตรายอย่างที่คิดกัน เช่น โบลโซนารูเรียกว่า “ไข้หวัดเล็กๆ น้อยๆ” และทรัมป์ย้ำว่า โรคนี้จะหายไปภายใต้การเป็นผู้นำของตน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ย้ำอีกหนว่า ไวรัสโคโรนาจะหายไป แม้นายแพทย์แอนโทนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อชั้นนำของอเมริกาและสมาชิกทีมสู้ไวรัสของทำเนียบขาวเตือนว่า กว่าจะควบคุมสถานการณ์โรคระบาดได้อาจต้องใช้เวลาเกือบตลอดปีหน้าหรือนานกว่านั้น และไม่มีแนวโน้มว่า ไวรัสนี้จะถูกกำจัดให้หมดไปจากโลกก็ตาม
ทั้งโบลโซนารูและทรัมป์ยังไม่ลงรอยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข โดยรัฐมนตรีสาธารณสุขของบราซิลลาออกไปแล้ว 2 คน ส่วนทรัมป์วิจารณ์ฟาวซีซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขณะเดียวกัน จีน ซึ่งเป็นประเทศแรกที่พบการระบาดของไวรัสโคโรนาเมื่อปลายปีที่แล้ว รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ภายในประเทศลดลงเหลือเพียง 14 คนในช่วง 24 ชั่วโมงจนถึงวันจันทร์ ทั้งหมดนี้อยู่ในมณฑลซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งมีเมืองหลวงคืออุรุมชีที่เป็นศูนย์กลางการระบาดล่าสุดในจีน
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการสุขภาพแห่งชาติของจีนระบุว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 35 คนเดินทางมาจากประเทศอื่นใน 7 เมือง/มณฑลทั่วประเทศ
ขณะนี้ มี 29 ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่าจีนที่มีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันจนถึงขณะนี้ 88,793 คน และเสียชีวิตไม่ถึง 5,000 คน
ตัวอย่างเช่น อังกฤษ ที่มีผู้ติดเชื้อสะสม 312,574 คน และมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดอันดับ 4 ของโลก ด้วยตัวเลข 46,659 คน เฉพาะวันอาทิตย์พบเคสใหม่เพิ่มขึ้นเกิน 1,000 คนเป็นครั้งแรกนับจากปลายเดือนมิถุนายน ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงสั่งล็อกดาวน์บางพื้นที่อีกครั้งท่ามกลางความกังวลว่า อาจเกิดการระบาดรอบสอง