เอเจนซีส์ – ทรัมป์ใช้อำนาจฝ่ายบริหารขยายมาตรการเยียวยาจนถึงปีหน้า ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอเมริกาใกล้ถึง 5 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 160,000 คน สวนทางกับนิวซีแลนด์ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศครบ 100 วัน
ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุดในโลกและทิ้งห่างอันดับ 2 คือบราซิลเกือบ 2 ล้านคน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเมื่อวันเสาร์ (8 ส.ค.) ว่าจะนำเงินทุนที่ยังไม่ได้ใช้จ่ายจากกฎหมายความช่วยเหลือ การเยียวยา และความมั่นคงทางเศรษฐกิจในวิกฤตไวรัสโคโรนา (แคร์ส) เพื่อให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกันที่ตกงานหลายล้านคนในอัตราสัปดาห์ละ 400 ดอลลาร์ หรือลดลงจากมาตรการเยียวยาก่อนหน้านี้ 200 ดอลลาร์
ทรัมป์สำทับว่า ตัดสินใจใช้อำนาจฝ่ายบริหารผลักดันเรื่องนี้หลังจากรัฐสภาไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากข้อเรียกร้องของพรรคเดโมแครตที่มีแนวทางซ้ายสุดโต่ง
ทั้งนี้ เดโมแครตที่มีแนวโน้มขอให้ศาลคัดค้านอำนาจฝ่ายบริหารของทรัมป์ ต้องการให้จ่ายเงินช่วยเหลือคนตกงานซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรงที่สุด 600 ดอลลาร์เท่าเดิม หลังจากมาตรการเยียวยาสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ก.ค.
ทรัมป์ยังใช้อำนาจฝ่ายบริหารลดภาษีเงินเดือน คงการระงับการฟ้องขับไล่ผู้เช่า และลดภาระเงินกู้เรียนของนักศึกษา แถมประกาศว่าจะขยายและลดภาษีเงินเดือนเป็นการถาวร ถ้าชนะเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน
สถานการณ์ในอเมริกาตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับนิวซีแลนด์ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศเป็นวันที่ 100 ติดกัน และทำให้ประเทศเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกที่มีประชากร 5 ล้านคนแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในโลก
ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 19.6 ล้านคน และเสียชีวิต 726,000 คน หลายประเทศกลับมาบังคับใช้มาตรการจำกัดต่างๆ อีกครั้ง แต่สำหรับชาวนิวซีแลนด์เริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ อย่างไรก็ตาม ทางการกังวลมากขึ้นเนื่องจากขณะนี้ประชาชนปฏิเสธการตรวจหาเชื้อ ไม่ใช้แอปติดตามผู้สัมผัสโรค และละเลยกฎสุขอนามัยพื้นฐาน
ปัจจุบัน นิวซีแลนด์ยังมีผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ในสถานกักตัวแบบมีการจัดการ 23 คน โดยมีผู้ติดเชื้อสะสมนับแต่แรก 1,219 คน
นายแพทย์แอชลีย์ บลูมฟิลด์ ผู้อำนวยการคณะกรรมการสุขภาพนิวซีแลนด์ เตือนว่า แม้ไม่พบการติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกัน 100 วัน แต่นิวซีแลนด์ไม่สามารถชะล่าใจได้และจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือแนวโน้มการระบาดในอนาคต ดังจะเห็นได้จากการที่ไวรัสโคโรนากลับมาระบาดอย่างรวดเร็วในหลายประเทศที่เคยควบคุมการระบาดสำเร็จมาแล้ว
ที่ออสเตรเลีย เพื่อนบ้านของนิวซีแลนด์ แดเนียล แอนดรูส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย แถลงว่า มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมงจนถึงวันอาทิตย์ (9 ส.ค.) จำนวน 17 คน ซึ่ง 10 คนในจำนวนนี้เชื่อมโยงกับบ้านพักคนชรา และพบผู้ติดเชื้อใหม่ 349 คน
ตัวเลขล่าสุดทุบสถิติผู้เสียชีวิตรายวัน ที่รัฐนี้ทำไว้เมื่อวันพุธ (5 ส.ค.) ที่จำนวน 15 คน ซึ่งรวมถึงชายวัย 30 ปีผู้หนึ่ง นอกจากนี้ยังมีชายวัย 30 ปีอีกคนเสียชีวิตในรัฐวิกตอเรียเมื่อวันเสาร์
ไมเคิล เบเกอร์ ศาสตราจารย์ด้านสาธารณสุขของมหาวิทยาลัยโอเตโก นิวซีแลนด์ ชี้ว่า ประเทศอย่างออสเตรเลียและนิวซีแลนด์นั้น แหล่งที่มาของการระบาดมีแนวโน้มมาจากสถานกักตัวแบบมีการจัดการ เนื่องจากมีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ถูกกักตัว
เวียดนามที่ไม่พบการติดเชื้อภายในประเทศมานาน 3 เดือน ตอนนี้กำลังเร่งควบคุมการระบาดรอบใหม่ในดานัง และจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มจากราว 400 คนเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม เป็นกว่า 800 คน และเสียชีวิต 10 คน
สมาคมแพทย์อินเดียแถลงว่า แพทย์ 193 คนเสียชีวิตจากโควิด-19 พร้อมส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดิ เรียกร้องให้มีมาตรการดูแลบุคลากรการแพทย์และครอบครัวอย่างเหมาะสม
กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า มีผู้ติดเชื้อใหม่เกือบ 64,000 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา รวมจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 2,153,010 คน และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 861 คน เป็น 43,379 คน
อินเดียพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเฉลี่ยวันละกว่า 50,000 คนตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน และเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดอันดับ 3 ของโลก ตามหลังอเมริกาและบราซิล โดยมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดอันดับ 5 แต่มีอัตราการเสียชีวิตราว 2% ต่ำกว่าสองประเทศดังกล่าวมาก
ฮ่องกงพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 69 คนในรอบ 24 ชั่วโมงจนถึงวันอาทิตย์ โดย 67 คนเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ และอีก 2 คนเดินทางมาจากประเทศอื่น อย่างไรก็ดี ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ตัวเลขยังคงอยู่ที่ 47 คน จากผู้ติดเชื้อสะสม 3,938 คน
รัฐบาลฮ่องกงบังคับใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อสกัดการระบาดรอบใหม่ และเรียกร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านหรือการกินอาหารนอกบ้าน และการสังสรรค์ และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วยังเสนอให้ประชาชนทั้ง 7.5 ล้านคนรับการตรวจฟรีเพื่อติดตามหาผู้ที่อาจติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ พร้อมให้ความมั่นใจว่า ควบคุมการระบาดได้แล้ว
ส่วนจีนพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 15 คนในมณฑลซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือ และอีก 8 คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ทั้งนี้ จีนมีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 4,634 คน จากผู้ติดเชื้อสะสม 84,619 คน
ศูนย์กลางการระบาดล่าสุดอยู่ที่เมืองอุรุมชี เมืองเอกของมณฑลซินเจียง อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนมาตรการเข้มงวดที่รวมถึงการจำกัดการเดินทางและการล็อกดาวน์ชุมชนที่อยู่อาศัยบางแห่งสามารถควบคุมการระบาดได้