เอเจนซีส์ - องค์การอนามัยโลกรายงานสถิติผู้ติดเชื้อใหม่รายวันทั่วโลกเพิ่มขึ้น 237,743 คนในวันเสาร์ ซึ่งรวมถึงตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของอเมริกากว่า 76,000 คน ด้านผู้นำอิหร่านเผยประชาชนถึงราว 25 ล้านคน ติดเชื้อโควิด-19 สูงกว่าตัวเลขที่ทางการประกาศ
ประธานาธิบดี ฮัสซัน รูฮานี ของอิหร่าน แถลงในการประชุมสุดยอดทีมต่อสู้ไวรัสเมื่อวันเสาร์ (18 ก.ค.) ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ประเมินว่า อาจมีผู้ติดเชื้อทั่วประเทศราว 25 ล้านคน และเตือนว่า ตัวเลขอาจเพิ่มขึ้นอีก 35 ล้านคนในเร็วๆ นี้ ซึ่งอิหร่านยังไม่มีภูมิคุ้มกันหมู่ ดังนั้น จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสามัคคีกันเพื่อตัดห่วงโซ่ของไวรัส
แม้ผู้นำอิหร่านไม่ได้เปิดเผยวิธีประเมิน แต่คำแถลงนี้เผยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกของสถานการณ์การระบาดในประเทศนี้ที่ถือว่า รุนแรงที่สุดในตะวันออกกลาง ด้วยตัวเลขผู้ได้รับการยืนยันว่า ติดเชื้อ 270,000 คน และเสียชีวิตอย่างน้อย 13,979 คน
อาลีเรซา โมซี รองผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของอิหร่าน ทวีตเพิ่มเติมว่า ผู้ติดเชื้อที่ประเมิน 25 ล้านคนหมายถึงผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสโคโรนาและมีภูมิต้านทานแล้ว
อิหร่านไม่ได้ล็อกดาวน์อย่างสมบูรณ์ แต่สั่งปิดโรงเรียน ยกเลิกการชุมนุมในที่สาธารณะ และการเดินทางระหว่างจังหวัดในเดือนมีนาคม และยกเลิกมาตรการเหล่านั้นส่วนใหญ่ในเดือนต่อมาเพื่อผ่อนคลายผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ทางด้านออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน แถลงเมื่อวันเสาร์เลื่อนการประชุมรัฐสภาแห่งชาติออกไป 2 สัปดาห์เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่นักการเมืองรัฐวิกตอเรียอาจนำไปแพร่ในกรุงแคนเบอร์รา และรัฐนิวเซาธ์เวลส์ที่อยู่ติดกัน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในเมลเบิร์น ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศและเมืองหลวงของรัฐวิกตอเรียยังคงเพิ่มขึ้น แม้รัฐแห่งนี้สั่งล็อกดาวน์รอบสองแล้วก็ตาม ทั้งนี้ เกิดการระบาดภายในชุมชนอย่างรวดเร็ว หลังวิกตอเรียยกเลิกมาตรการจำกัดครั้งแรกไม่นาน
นอกจากนี้ ในขณะที่มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ เผยว่า ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อทะลุ 14 ล้านคน และเสียชีวิตเกือบ 600,000 คน ฝรั่งเศสก็ประกาศให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากในที่สาธารณะที่เป็นพื้นที่ปิด ซึ่งรวมถึงธนาคาร ร้านค้า ตลาดในอาคาร เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ (19 ก.ค.)
ทางด้านองค์การอนามัยโลก รายงานสถิติผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดครั้งใหม่ที่ 237,743 คน ในรอบ 24 ชั่วโมงจนถึงวันเสาร์ โดยประเทศที่รายงานผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นมากที่สุดคืออเมริกา บราซิล อินเดีย และแอฟริกาใต้ โดยอเมริกานั้นพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 76,000 คน
ในการบรรยายที่มูลนิธิ เนลสัน แมนเดลา เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส ระบุว่า วิกฤตโรคระบาดเผยให้เห็นรอยร้าวในโครงสร้างสังคมอันเปราะบาง แต่ขณะเดียวกันก็สร้างโอกาสในการสร้างโลกที่เท่าเทียมและยั่งยืนมากขึ้น โดยยูเอ็นร้องขอให้ประเทศต่างสนับสนุนเงิน 10,300 ล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือประเทศยากจน แต่เพิ่งได้รับเพียง 1,700 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
ขณะที่จีนเริ่มมาตรการคัดกรองครั้งใหญ่ในมณฑลซินเจียงทางตะวันตก หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้เกิดความกังวลว่า อาจมีการระบาดรอบใหม่ โดยมีการระงับเที่ยวบินเข้าสู่อุรุมชี เมืองหลวงของแคว้นนี้ เช่นเดียวกับบริการรถไฟใต้ดิน หลังพบเคสใหม่ 17 คนเมื่อวันเสาร์ สื่อของรัฐรายงานโดยอ้างอิงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ระบุว่า ทั่วทั้งเมืองเข้าสู่ “สถานะสงคราม” และจะมีการระงับกิจกรรมการรวมกลุ่มของคนจำนวนมากทั้งหมด