จุดติดมั้ย? ....นั่นคือคำถามเรื่องการชุมนุมของมวลชนปลดแอกคืนวันอาทิตย์ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่าจำนวนคนที่เข้าร่วมนั้น ถือว่าเป็นสาระสำคัญที่รัฐบาลจะต้องไม่ดูเบาถึงศักยภาพโดยเด็ดขาด เพราะไม่ว่าใครก็บอกว่า “จุดติดแล้ว”
จำนวนคนมาชุมนุมถือว่ามาเยอะ ใช้ได้ จะเกินคาดหรือต่ำกว่าคาดก็ไม่เป็นไร เพราะส่วนหนึ่งอาจไม่อยากมาร่วมหลังจากมีเรื่องเละเทะ เลยเถิดที่ธรรมศาสตร์รังสิต เมื่อเห็นความห้าวห่ามไม่หวั่นหน้าอินทร์หน้าพรหม
ครั้งนั้นทำให้ประชาชนทั่วไปรู้สึกสยอง ภาพเหตุการณ์เก่าๆ การเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายยุค 6 ตุลาฯ ปี 19 ผุดขึ้นมาในความทรงจำของผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่ ม. ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งนักศึกษาชุมนุมที่รังสิตยังไม่เกิดด้วยซ้ำ
ยังดีที่ฟังคำเตือนจากผู้หวังดีว่าการเรียกร้องควรเป็นเรื่องเกี่ยวกับปัญหาที่มีอยู่ และจำกัดเฉพาะรัฐบาลซึ่งเป็นแกนสำคัญและต้นตอของปัญหาขณะนี้และต่อไปด้วย
ถือว่ามีความหลากหลายของมวลชน ไม่เฉพาะเยาวชน นักเรียน นักศึกษา เท่านั้น ยังมีประชาชนทั่วไป กลุ่มผู้ใช้แรงงาน และเครือข่ายของพรรคการเมือง เข้ามาร่วมด้วย ทั้งกลุ่มเรียกร้องทางการเมือง การแก้ปัญหาค่าครองชีพเพื่อให้อยู่รอด
ถือว่าเป็นความสำเร็จในการจัดการชุมนุม ไม่มีเหตุร้ายอะไรรุนแรง และไม่มีประเด็นก้าวล่วงสถาบัน ส่วนเจ้าหน้าที่จะมีเหตุอะไรให้เป็นคดีหรือไม่ ต้องรอดู การชุมนุมกลางถนนมีคนจำนวนมากอย่างนี้ ครั้งสุดท้ายก็เป็นม็อบลุงนกหวีดนั่นแหละ
ดังนั้น บรรยากาศเดิมๆ วันอาทิตย์สะท้อนให้เห็นว่าผ่านมากว่า 6 ปี ไม่มีการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ทำให้ประชาชนต้องจมอยู่ในกองทุกข์ และการชุมนุมเรียกร้องถือว่าเป็นการแสดงออกขั้นสุดท้าย แม้จะผิดกฎหมายออกใหม่ก็ตาม
เมื่อคนมามาก ครั้งต่อไป ถ้ายังยึดจุดยืนเดิม ก็น่าจะมีคนเข้าร่วมอีกมาก ยังมีคนทนทุกข์ลำบากกับการดำรงชีพสารพัดประเภท โดนผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจตายซาก และซ้ำเติมด้วยการระบาดของโคโรนาไวรัสก่อนหน้านี้
และเศรษฐกิจของประเทศจะยังคงซบเซาอีกนาน เมื่อ 2 ตัวจักรทำเงินให้ประเทศคือการส่งออก และการท่องเที่ยว หยุดชะงัก จะฟื้นตัวได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการระบาดของโคโรนาไวรัส วัคซีนป้องกัน และยารักษา ว่าได้ผลดีหรือไม่
รัฐบาลยังไม่ออกมาตรการฟื้นฟู รอคณะรัฐมนตรีใหม่ขยับตัว จะได้เรื่อง ปลอดการดูดซับด้วยเหตุทุจริต คอร์รัปชัน หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการคุมของลุงนายกฯ
แล้วอย่างไรต่อไป จะมีปัญหาอะไร แบบไหน จะมีการปะทะกันมั้ย ระหว่างม็อบเชียร์กับม็อบไม่เอาลุงตู่และพวก... รัฐบาลจะว่าอย่างไร ฯลฯ นั่นเป็นส่วนหนึ่งของคำถามและข้อสงสัย ซึ่งคำตอบชัดเจนยังไม่มี ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวรอบต่อไป
เมื่อกลุ่มปลดแอกยืนยันเฉพาะ 3 ข้อเรียกร้อง นั่นคือ หยุดคุกคามประชาชน มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ฉบับประชาชน และยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน...และมีพ่วงด้วยว่าไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ ไม่เอา ส.ว.ลากตั้ง 250 คน มาเลือกนายกฯ
ถ้าเป็นจริง จะมีคนตกงานทันที 250 คน พวก ส.ว.เป็นข้าราชการเกษียณอายุคงไม่เป็นไร ถ้า ส.ว.อื่นๆ ไม่มีอาชีพรองรับ ก็ต้องค้นหาเส้นทางชีวิตใหม่ จะหวังเป็น ส.ว.แต่งตั้ง ลากตั้ง ตีกินไม่ลงทุนอะไรตลอดชีวิต คงไม่มีใครยอมให้มีอีกแล้ว
ถ้าม็อบปลดแอกยืนยันว่าข้อเรียกร้องมีแค่นี้ ไม่เกี่ยวโยงก้าวล่วงสถาบันกษัตริย์ คงไม่มีเงื่อนไขอะไรสำคัญสำหรับกลุ่มอื่นๆ ที่กล่าวหาม็อบปลดแอกว่าเป็นพวกชังชาติ หรืออะไรต่างๆ ที่พวกตัวเองไม่ชอบ แล้วเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการ
และถ้ามีคนถามกลุ่มที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามม็อบปลดแอกว่าพอใจหรือไม่กับข้อเรียกร้อง 3 ข้อนั้น เพราะตัวเองได้รับประโยชน์ด้วย จะตอบว่าอย่างไร หรือไม่เอา?
ผลสุดท้าย จะเอาหรือไม่เอา ก็ต้องให้รับประโยชน์ ถ้าสิ่งที่เรียกร้องเป็นจริง แต่ในชีวิตจริงของการเมืองหวงอำนาจ คงไม่ง่ายเช่นนั้น เพราะกลุ่มปัจจุบันได้ลงทุนลงแรงทุกอย่าง รวมทั้งการเขียนรัฐธรรมนูญฉบับลายพรางเอาเปรียบคู่แข่งทุกอย่าง
อยู่มานานกว่า 6 ปี กอบโกยผลประโยชน์มหาศาล วางรากฐานสำหรับอยู่ยาวสำหรับตัวเองและเครือข่ายบริวาร เพื่อนพ้องน้องพี่ สืบทอดอำนาจป้องกันไม่ให้ใครอื่นเข้ามาแทน แล้วไล่เบี้ย ไล่บี้ ขุดคุ้ยหาความผิดจากพฤติกรรมทุจริต คอร์รัปชัน
แม้ว่าทุกอย่าง แม้แต่อำนาจ ก็ไม่จีรัง คนที่มีผลประโยชน์ย่อมไม่ต้องการสูญเสีย ผู้นำหลายยุคถึงขั้นกล้าเข่นฆ่าประชาชนเพื่อความเป็นทรราชรักษาอำนาจ ในบ้านเราก็ไม่ต่างกัน เป็นมาหลายรุ่น รู้ทั้งรู้ว่าจะจบไม่สวย แต่ก็ยังกล้าทำ
ดังนั้นม็อบปลดแอกคงจะยกระดับต่อไปพร้อมกับยืนยันข้อเรียกร้อง และยังไม่พร้อมที่จะให้ฝ่ายกุมอำนาจทำยึกยักเล่นลิ้น ออกลายลีลายื้อเกมต่อไป หวังอยู่ในอำนาจในนานที่สุด คงมีการเจรจา สลับกับจัดม็อบปลดแอกกดดันให้ได้ผลเร็ว
และม็อบปลดแอกจะต้องมั่นใจว่าปลอดจากการแทรกหรือยัดไส้โดยพวกฮาร์ดคอร์ ทั้งทนายอานนท์ เพนกวิน และรุ้ง หรือเครือข่ายกลุ่มนี้ที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งจ้องจะเอาเงื่อนไข 10 ข้อเข้ามาประกาศในที่ชุมนุม ทำให้เสียขบวน เสียมวลชนเยอะ
ถ้าเน้นเฉพาะ 3 เรื่องและ 2 เงื่อนไข ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องธรรมดาในระบอบประชาธิปไตย ไม่เกี่ยวโยงกับสถาบัน ก็จะไม่มีกลุ่มอื่นๆ กล่าวหา หรือหาเรื่อง เจ้าหน้าที่ก็ไม่กล้าเล่นงานด้วยข้อหาอื่นๆ เพราะที่อยู่มาก็ด้วยกฎหมายกดหัวตัวใหม่
ดังนั้น ม็อบปลดแอกจะต้องเคลื่อนไหวเรียกร้องด้วยการพึ่งพลังมวลชนส่วนใหญ่ อย่าหวังว่า 3 ลุงจะยอมวางมือจากอำนาจง่ายๆ ที่ผ่านมากินเดิมพันสูงตลอด