ผู้จัดการรายวัน 360 - "บิ๊กตู่"ลงตรวจพื้นที่พร้อมขอโทษคนระยอง ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุข-หมอของไทย รับปากจะไม่เกิดขึ้นอีก ลั่นไม่มีวีไอพีอีกแล้ว ทุกคนต้องตรวจเชื้อ สธ. สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทหารอียิปต์หนีเที่ยวห้าง พร้อมเด้งหัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และทีมงานสนามบินอู่ตะเภาทั้งหมด ศบค. เผยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 5 ราย กรมควบคุมโรค เผยผลตรวจ 11 รายเสี่ยงสูงใกล้ชิด "ทหารอียิปต์" ปลอดเชื้อโควิด สั่งปิดโรงแรมดีวารี-ห้างแหลมทอง 3 วัน
วานนี้ (15ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข , นายสาธิต ปิตุเดชะ รมช.สาธารณสุข พร้อมคณะได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ระยอง
โดยจุดแรก นายกฯเดินทางไปที่โรงแรม ดีวารี ดีว่า เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพร้อมรับฟังรายงานไทม์ไลน์ ของกลุ่มทหารและลูกเรืออียิปต์ ทั้ง 31 คน ตั้งแต่เดินทางเข้ามาลงสนามบินอู่ตะเภาและเข้าพักที่โรงแรม พร้อมสอบถามถึงจุดโหว่ที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว
จากนั้น นายกฯและคณะ เดินทางไปที่ ห้างสรรพสินค้าแหลมทอง หรือ Passione ซึ่งนายกฯ ได้ชมรถที่ใช้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่นำมาให้บริการที่บริเวณหน้าห้าง เพื่อให้ประชาชน จ.ระยอง เข้าตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ฟรี
นายกฯ กล่าวว่าได้นำคณะลงมาตรวจเยี่ยมทั้งหมด ยืนยันพร้อมจะดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ขออย่าตื่นตระหนก วันนี้เราสามารถรักษาหายได้ 3,000 กว่าคน การที่ใส่หน้ากาก ทุกคนก็สามารถป้องกันได้มาก ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในระบบการรักษาของเรา มันจะลำบากพวกเราในเวลานี้ แต่มันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องแก้ปัญหากันไป เป็นห่วงทุกคน ใครป่วย ใครเจ็บ นายกฯก็ป่วยด้วย ต่อมานายกฯและคณะได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยภายในห้างแหลมทอง
จากนั้น นายกฯและคณะ ได้ไปพบปะ พูดคุย ให้กำลังใจพ่อค้าแม่ค้า ภายในตลาดสดสตาร์ โดยมีกลุ่มประชาชน แม่ค้าให้การต้อนรับ ตะโกนเชียร์ "นายกฯ สู้ๆ" ขณะที่นายกฯพูดคุยทักทาย และบอกกับแม่ค้าว่า "ระยองฮิ สู้ ๆ"
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางกลับว่า ขอขอบคุณชาวจ.ระยองทุกคนที่เอาใจใส่ และเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของเรา หลายปัญหาเกิดขึ้น แต่ปัญหานี้สำคัญ และเราต้องแก้ปัญหาให้ได้ ซึ่งเราควบคุมได้ดีมากที่มีหลุดรอดมา ก็ต้องตรวจสอบเชื้อเพิ่มเติม ขณะนี้ตรวจเป็นพันคน ช่วยกันหลายหน่วยงาน ต้องขอโทษด้วย จะไม่เกิดขึ้นอีก ถ้าเราเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุข เชื่อมั่นในหมอของเรา ใครป่วยไม่สบาย ก็ให้ไปหาหมอ วันนี้มีรถตรวจหาเชื้อพระราชทานมาอยู่แล้วไปตรวจเพื่อความสบายใจตนได้รับฟังจากพ่อค้าแม่ค้า ก็บอกว่าบรรยากาศกำลังดี แต่มีเรื่องนี้ขึ้นมา เรื่องนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดแล้วก็ต้องแก้ปัญหา สิ่งที่สำคัญที่สุดต้องสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทุกคน ให้เชื่อมั่น อย่าไปมองว่าดีแล้วจะไม่เกิด แต่เราคาดการณ์อะไรข้างหน้าไม่ได้ วันหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ เพราะหลายประเทศก็มีกลับมาอีก ถ้าจะเกิดขึ้นอีก เราก็ต้องแก้ไขให้ได้หาต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ไม่มีวีไอพีทั้งนั้น ทุกคนต้องตรวจทั้งหมด
สธ.สั่งเด้งหัวหน้าด่านคุมโรค-ทีมงาน "อู่ตะเภา"
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการฝ่าฝืนมาตรการของกลุ่มทหารอียิปต์ และโรงแรมที่พำนักกักไม่มีระบบควบคุมไม่ให้ออกนอกสถานที่ตามที่กำหนด ดังนั้น ในฐานะอธิบดีกรมควบคุมโรค จึงได้ตั้งคณะกรรมการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเหตุการณ์โดยรวมทั้งหมด โดยจะเร่งตรวจสอบให้เร็วที่สุด และพิจารณาให้มีการย้ายหัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และทีมผู้ปฏิบัติงานทั้งหมดในสนามบินอู่ตะเภา ระหว่างการสอบข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ ได้ให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 (สคร.) จ.ชลบุรี จัดบุคลากรเข้าไปปฏิบัติหน้าที่แทน โดยพิจารณาจากเที่ยวบิน เบื้องต้นจะส่งเข้ามาปฏิบัติแทน 3 คน แต่หากมีเที่ยวบินมากกว่านี้ ก็อาจจะเพิ่มบุคลากรมากขึ้น
สั่งปิดโรงแรมดัง-ห้างแหลมทอง 3 วัน
นพ.สุวรรณชัย กล่าวเพิ่มเติมถึง กรณีทหารอียิปต์ติดโควิด-19 เดินห้าง จ.ระยองว่า สิ่งที่ดำเนินการเร่งด่วน 3 เรื่อง คือ
1. สอบสวนโรคให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน จุดสำคัญที่ต้องเน้น คือความเสี่ยงที่จะเกิดการติดต่อ ซึ่งกลุ่มทหารอียิปต์ 31 คน มีเพียง 1 คนที่ติดเชื้อ เข้าประเทศไทยวันที่ 8 ก.ค. มีการฝ่าฝืนมาตรการออกจากโรงแรมไปห้างสรรพสินค้าในวันที่ 10 ก.ค. แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่ม 27 คน เดินเท้าไปห้างสรรพสินค้าแพชชั่น (ห้างแหลมทอง) จ.ระยอง ซึ่งไม่ไกลจากที่พัก โดยทยอยเดินทางออกไปเป็นกลุ่มๆ โดยกลุ่มที่มีผู้ติดเชื้ออยู่มี 6 คน เวลาที่กลุ่มผู้ติดเชื้อไปเดินห้างอยู่ที่ 11.00-15.00 น. และ 2. กลุ่ม 4 คน ที่เหมารถแท็กซี่ไปห้างเซ็นทรัล
ทั้งนี้ ทหารอียิปต์ทั้ง 31 คน ถูกติดตามกลับมา และทำการ Swabเอาสารคัดหลั่งไปตรวจในวันเดียวกัน ผลตรวจพบติดเชื้อ 1 ราย ดังนั้นกลุ่มที่ไปห้างเซ็นทรัล และกลุ่มย่อยที่ไม่มีผู้ติดเชื้อในกลุ่ม จึงไม่แพร่โรค หรือมีโอกาสต่ำมากๆ ส่วนกลุ่มที่มีผู้ติดเชื้อเมื่อดูกล้องวงจรปิดพบว่า ทุกคนในกลุ่มสวมหน้ากากอนามัยตอนออกจากโรงแรม ไปที่ห้างถูกคัดกรอง ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เดินแค่ชั้น 2 และชั้น 3 ไม่ได้ซื้อของ หรือรับประทานอาหารที่ห้าง พอกลับมาที่โรงแรมก็เข้าที่พัก คนที่ติดเชื้อไปมีสัมพันธ์กับผู้คนไม่มาก และจากการติดตามช่วงค่ำของวันดังกล่าว ก็ไม่มีผู้ใดใน 31 คน ออกจากที่พักแม้แต่รายเดียว
สำหรับผลการสอบสวนโรค กรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อ 1 ราย มีผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 11 ราย คือ พนักงานขับรถจากสนามบินมาโรงแรมไปกลับ รวม 4 คน และบุคลากรโรงแรม 7 คน ทั้งหมดได้ Swab และกักตัว 14 วัน ผลตรวจทั้งหมดไม่พบเชื้อ ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ 6 คน ซึ่งเป็นบุคลากรโรงแรมและทีมที่ไปเก็บตัวอย่าง ทุกคนให้หยุดงาน กักตนเองไม่น้อยกว่า 14 วัน ส่วนผู้สัมผัสอื่นที่ได้ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด เบอร์โทร.จากไทยชนะ มี 413 คน และยังสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อความครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม ผู้อยู่ในไทม์ไลน์สถานที่นอกจากนี้ จะมีความเสี่ยงต่ำมากๆ อย่างห้างเซ็นทรัล ก็เสี่ยงต่ำมากๆ เพราะผู้ติดเชื้อไม่ได้ไป แต่ควรเฝ้าระวังไม่น้อยกว่า 14 วัน
สำหรับรถพระราชทานที่ลงไปให้บริการตรวจเชื้อ ทั้งกลุ่มเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ และผู้ที่อาจจะกังวล โดยเก็บตัวอย่าง 1,333 ตัวอย่าง ผลตรวจออกมาแล้ว 416 คน ยังไม่พบการติดเชื้อ ซึ่งจะได้รับการแจ้งผลเป็นรายคน และแจ้งให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขเข้มข้นจนครบ 14 วัน อย่างไรก็ตาม หากมีอาการระหว่างทาง สามารถมาตรวจรับบริการเพิ่มเติมได้
2. การควบคุมป้องกันโรคอย่างรวดเร็ว เหมาะสม บนฐานของข้อมูลและวิชาการ โดยปิดสถานที่เพื่อทำความสะอาดและลดการแพร่ คือ ปิดโรงแรมดีวารีไม่น้อยกว่า 3 วัน ปิดห้างสรรพสินค้าแพชชั่นไม่น้อยกว่า 3 วัน ขอบคุณผู้ประกอบกิจการที่ให้ความร่วมมือ จากนั้นหน่วยงานสาธารณสุข จ.ระยอง จะไปตรวจประเมินก่อนพิจารณาให้เปิดทำการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นประชาชน ส่วนการปิดโรงเรียน เพื่อป้องกันความเสี่ยง ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เป็นการป้องกันไว้ก่อน แต่เมื่อดูข้อมูลจากไทม์ไลน์และการสอบสวนโรค พบว่า ความเสี่ยงอยู่ในวงจำกัด ขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดระยอง พิจารณาเปิดโรงเรียนให้สอดคล้องสถานการณ์ คาดว่าไม่น่าจะเกิน 7 วัน สำหรับสถานที่อื่นๆ ที่มีประวัติอยู่ในไทม์ไลน์ โดยมีการปิดไว้ก่อน เช่น โรงเรียนบางจังหวัด หน่วยงานบางจังหวัด ให้หารือกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในพื้นที่ พิจารณาความเหมาะสมการปิดเปิดตามความเสี่ยง
3. ยกระดับบูรณาการการจัดการ จากการตรวจสอบพบว่า มี 2 ประเด็น คือการฝ่าฝืนมาตรการของกลุ่มทหารอียิปต์ และโรงแรมที่พำนัก กักไม่มีระบบควบคุมไม่ให้ออกนอกสถานที่ตามที่กำหนด ดังนั้นในฐานอธิบดีกรมควบคุมโรค จึงได้ตั้งคณะกรรมการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเหตุการณ์โดยรวมทั้งหมด โดยจะเร่งตรวจสอบให้เร็วที่สุด และให้มีการย้ายหัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และผู้ปฏิบัติงานทั้งหมดในสนามบินอู่ตะเภา ระหว่างสอบข้อเท็จจริง โดยให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 (สคร.) จ.ชลบุรี จัดบุคลากรปฏิบัติหน้าที่แทน โดยพิจารณาจากเที่ยวบิน จะส่งเข้ามาปฏิบัติแทน 3 คน หากมีเที่ยวบินมากกว่านี้ก็จะเพิ่มบุคลากรมากขึ้น
นอกจากนี้ ให้เลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดระยอง ดำเนินการให้ทุกโรงแรมและสถานที่กัก ดำเนินการ 3 เรื่องโดยเข้มงวด คือ 1. ด้านบริหารจัดการ ต้องมีผู้บัญชาการเหตุการณ์ หากต้องมีคนมากักกัน 2. ด้านความปลอดภัย หรือความมั่นคง ต้องมีระบบควบคุม ให้ผู้ถูกกักกันทำตามกฎหมายโดยเคร่งครัด และ 3. ด้านการแพทย์และสาธารณสุข เน้นการป้องกันควบคุมโรคโดยเข้มงวด
ไทยติดโควิดเพิ่ม 5 ราย - ป่วยสะสม 3,092 ราย
พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงว่า ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รักษาหายเพิ่มขึ้น 1 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมรวม 3,232 ราย ตรวจพบในสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ 295 ราย หายป่วยรวม 3,092 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย และรักษาใน รพ. 82 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่กลับมาจาก 1. สหรัฐอเมริกา 1 ราย คือ หญิงไทยอายุ 48 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 11 ก.ค. เข้าพักสถานเฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ใน กทม. วันที่ 13 ก.ค. เริ่มมีอาการไม่ได้กลิ่น เจ็บคอ มีเสมหะ ตรวจหาเชื้อวันที่ 13 ก.ค.พบเชื้อ
2. สิงคโปร์ 2 ราย เป็นเพศชายอายุ 43 ปี และ 49 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงไทยวันที่ 13 ก.ค. โดยเข้าเกณฑ์ผู้ป่วยสอบสวนโรค จึงตรวจหาเชื้อที่ด่านควบคุมโรคสนามบินสุวรรณภูมิ ส่งรักษาใน รพ. จ.สมุทรปราการ และ 3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 ราย เป็นชายไทยอายุ 27 ปี และหญิงไทยอายุ 35 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 2 ก.ค. เข้าพัก State Quarantine ที่ จ.ชลบุรี ตรวจพบเชื้อวันที่ 13 ก.ค. ไม่มีอาการทั้ง 2 ราย
สำหรับผู้ป่วยทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อกว่า 13.4 ล้านราย รายใหม่ในวันเดียว 2.2 แสนราย เสียชีวิตรวม 5.8 แสนราย โดยสหรัฐอเมริกา ยังมีผู้ป่วยสะสมมากที่สุด คือ ป่วยรายใหม่ 6.5 หมื่นราย ยอดสะสมมากกว่า 3.5 ล้านราย ตามด้วยบราซิล ผู้ป่วยใหม่ 4.3 หมื่นราย สะสมรวมเกือบ 2 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตใหม่มากสุด 1.3 พันราย
พญ.พรรณประภา กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นที่น่าสนใจมาจากฮ่องกง คือ การควบคุมการระบาดระลอกใหม่ ทางการมีคำสั่งปิดสถานออกกำลังกาย และผับบาร์ 1 สัปดาห์ จำกัดจำนวนคนรวมกลุ่มในที่สาธารณะ ซึ่งมิ.ย. ให้รวมได้ไม่เกิน 50 คน ตอนนี้ไม่เกิน 4 คนอีกครั้ง และมีการสั่งปรับคนไม่สวมหน้ากากอนามัยในขนส่งสาธารณะ และมาตรการที่เพิ่มขึ้น คือ ขอให้ตรวจนักท่องเที่ยวก่อนเดินทางเข้ามา
"ก้าวไกล"แนะกันงบ1 แสนล.อุ้มSMEระยอง
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขอเสนอแนะนายกฯ แก้ไขปัญหาใน 3 ข้อ ได้แก่
1.รัฐบาลต้องมีความชัดเจนในการแก้ปัญหาข้อผิดพลาด แก้ปัญหาด้วยความโปร่งใส และถอดบทเรียนไม่ให้เกิดความผิดพลาดในข้อต่ออีก
2. การแก้ปัญหาของนายกฯ ต้องแยกแยะให้ออกระหว่างสิทธิทางการทูต กับคนไทยซึ่งอาศัยอยู่ในอียิปต์ และในประเทศต่างๆ ที่ยังต้องการความช่วยเหลือจากประเทศไทย และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศต้องกักตัว 14 วัน
3. เสนอให้มีการเยียวยาประชาชน โดยกันงบประมาณ จาก พ.ร.ก.กู้เงิน ในส่วนของวงเงินการดูแลเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศ 4 แสนล้านบาท ด้วยการแยกงบประมาณ1 แสนล้านบาทไว้สำหรับเยียวยาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่กำลังจะได้รับผลกระทบ จากกรณีมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้าไปภายใน จ.ระยองในครั้งนี้
วานนี้ (15ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข , นายสาธิต ปิตุเดชะ รมช.สาธารณสุข พร้อมคณะได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ระยอง
โดยจุดแรก นายกฯเดินทางไปที่โรงแรม ดีวารี ดีว่า เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องพร้อมรับฟังรายงานไทม์ไลน์ ของกลุ่มทหารและลูกเรืออียิปต์ ทั้ง 31 คน ตั้งแต่เดินทางเข้ามาลงสนามบินอู่ตะเภาและเข้าพักที่โรงแรม พร้อมสอบถามถึงจุดโหว่ที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าว
จากนั้น นายกฯและคณะ เดินทางไปที่ ห้างสรรพสินค้าแหลมทอง หรือ Passione ซึ่งนายกฯ ได้ชมรถที่ใช้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่นำมาให้บริการที่บริเวณหน้าห้าง เพื่อให้ประชาชน จ.ระยอง เข้าตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ฟรี
นายกฯ กล่าวว่าได้นำคณะลงมาตรวจเยี่ยมทั้งหมด ยืนยันพร้อมจะดูแลประชาชนให้ดีที่สุด ขออย่าตื่นตระหนก วันนี้เราสามารถรักษาหายได้ 3,000 กว่าคน การที่ใส่หน้ากาก ทุกคนก็สามารถป้องกันได้มาก ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในระบบการรักษาของเรา มันจะลำบากพวกเราในเวลานี้ แต่มันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องแก้ปัญหากันไป เป็นห่วงทุกคน ใครป่วย ใครเจ็บ นายกฯก็ป่วยด้วย ต่อมานายกฯและคณะได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยภายในห้างแหลมทอง
จากนั้น นายกฯและคณะ ได้ไปพบปะ พูดคุย ให้กำลังใจพ่อค้าแม่ค้า ภายในตลาดสดสตาร์ โดยมีกลุ่มประชาชน แม่ค้าให้การต้อนรับ ตะโกนเชียร์ "นายกฯ สู้ๆ" ขณะที่นายกฯพูดคุยทักทาย และบอกกับแม่ค้าว่า "ระยองฮิ สู้ ๆ"
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางกลับว่า ขอขอบคุณชาวจ.ระยองทุกคนที่เอาใจใส่ และเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของเรา หลายปัญหาเกิดขึ้น แต่ปัญหานี้สำคัญ และเราต้องแก้ปัญหาให้ได้ ซึ่งเราควบคุมได้ดีมากที่มีหลุดรอดมา ก็ต้องตรวจสอบเชื้อเพิ่มเติม ขณะนี้ตรวจเป็นพันคน ช่วยกันหลายหน่วยงาน ต้องขอโทษด้วย จะไม่เกิดขึ้นอีก ถ้าเราเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุข เชื่อมั่นในหมอของเรา ใครป่วยไม่สบาย ก็ให้ไปหาหมอ วันนี้มีรถตรวจหาเชื้อพระราชทานมาอยู่แล้วไปตรวจเพื่อความสบายใจตนได้รับฟังจากพ่อค้าแม่ค้า ก็บอกว่าบรรยากาศกำลังดี แต่มีเรื่องนี้ขึ้นมา เรื่องนี้ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิดแล้วก็ต้องแก้ปัญหา สิ่งที่สำคัญที่สุดต้องสร้างขวัญและกำลังใจให้กับทุกคน ให้เชื่อมั่น อย่าไปมองว่าดีแล้วจะไม่เกิด แต่เราคาดการณ์อะไรข้างหน้าไม่ได้ วันหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ เพราะหลายประเทศก็มีกลับมาอีก ถ้าจะเกิดขึ้นอีก เราก็ต้องแก้ไขให้ได้หาต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ไม่มีวีไอพีทั้งนั้น ทุกคนต้องตรวจทั้งหมด
สธ.สั่งเด้งหัวหน้าด่านคุมโรค-ทีมงาน "อู่ตะเภา"
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า จากการฝ่าฝืนมาตรการของกลุ่มทหารอียิปต์ และโรงแรมที่พำนักกักไม่มีระบบควบคุมไม่ให้ออกนอกสถานที่ตามที่กำหนด ดังนั้น ในฐานะอธิบดีกรมควบคุมโรค จึงได้ตั้งคณะกรรมการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเหตุการณ์โดยรวมทั้งหมด โดยจะเร่งตรวจสอบให้เร็วที่สุด และพิจารณาให้มีการย้ายหัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และทีมผู้ปฏิบัติงานทั้งหมดในสนามบินอู่ตะเภา ระหว่างการสอบข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ ได้ให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 (สคร.) จ.ชลบุรี จัดบุคลากรเข้าไปปฏิบัติหน้าที่แทน โดยพิจารณาจากเที่ยวบิน เบื้องต้นจะส่งเข้ามาปฏิบัติแทน 3 คน แต่หากมีเที่ยวบินมากกว่านี้ ก็อาจจะเพิ่มบุคลากรมากขึ้น
สั่งปิดโรงแรมดัง-ห้างแหลมทอง 3 วัน
นพ.สุวรรณชัย กล่าวเพิ่มเติมถึง กรณีทหารอียิปต์ติดโควิด-19 เดินห้าง จ.ระยองว่า สิ่งที่ดำเนินการเร่งด่วน 3 เรื่อง คือ
1. สอบสวนโรคให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน จุดสำคัญที่ต้องเน้น คือความเสี่ยงที่จะเกิดการติดต่อ ซึ่งกลุ่มทหารอียิปต์ 31 คน มีเพียง 1 คนที่ติดเชื้อ เข้าประเทศไทยวันที่ 8 ก.ค. มีการฝ่าฝืนมาตรการออกจากโรงแรมไปห้างสรรพสินค้าในวันที่ 10 ก.ค. แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่ม 27 คน เดินเท้าไปห้างสรรพสินค้าแพชชั่น (ห้างแหลมทอง) จ.ระยอง ซึ่งไม่ไกลจากที่พัก โดยทยอยเดินทางออกไปเป็นกลุ่มๆ โดยกลุ่มที่มีผู้ติดเชื้ออยู่มี 6 คน เวลาที่กลุ่มผู้ติดเชื้อไปเดินห้างอยู่ที่ 11.00-15.00 น. และ 2. กลุ่ม 4 คน ที่เหมารถแท็กซี่ไปห้างเซ็นทรัล
ทั้งนี้ ทหารอียิปต์ทั้ง 31 คน ถูกติดตามกลับมา และทำการ Swabเอาสารคัดหลั่งไปตรวจในวันเดียวกัน ผลตรวจพบติดเชื้อ 1 ราย ดังนั้นกลุ่มที่ไปห้างเซ็นทรัล และกลุ่มย่อยที่ไม่มีผู้ติดเชื้อในกลุ่ม จึงไม่แพร่โรค หรือมีโอกาสต่ำมากๆ ส่วนกลุ่มที่มีผู้ติดเชื้อเมื่อดูกล้องวงจรปิดพบว่า ทุกคนในกลุ่มสวมหน้ากากอนามัยตอนออกจากโรงแรม ไปที่ห้างถูกคัดกรอง ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เดินแค่ชั้น 2 และชั้น 3 ไม่ได้ซื้อของ หรือรับประทานอาหารที่ห้าง พอกลับมาที่โรงแรมก็เข้าที่พัก คนที่ติดเชื้อไปมีสัมพันธ์กับผู้คนไม่มาก และจากการติดตามช่วงค่ำของวันดังกล่าว ก็ไม่มีผู้ใดใน 31 คน ออกจากที่พักแม้แต่รายเดียว
สำหรับผลการสอบสวนโรค กรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อ 1 ราย มีผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 11 ราย คือ พนักงานขับรถจากสนามบินมาโรงแรมไปกลับ รวม 4 คน และบุคลากรโรงแรม 7 คน ทั้งหมดได้ Swab และกักตัว 14 วัน ผลตรวจทั้งหมดไม่พบเชื้อ ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ 6 คน ซึ่งเป็นบุคลากรโรงแรมและทีมที่ไปเก็บตัวอย่าง ทุกคนให้หยุดงาน กักตนเองไม่น้อยกว่า 14 วัน ส่วนผู้สัมผัสอื่นที่ได้ข้อมูลจากกล้องวงจรปิด เบอร์โทร.จากไทยชนะ มี 413 คน และยังสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อความครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม ผู้อยู่ในไทม์ไลน์สถานที่นอกจากนี้ จะมีความเสี่ยงต่ำมากๆ อย่างห้างเซ็นทรัล ก็เสี่ยงต่ำมากๆ เพราะผู้ติดเชื้อไม่ได้ไป แต่ควรเฝ้าระวังไม่น้อยกว่า 14 วัน
สำหรับรถพระราชทานที่ลงไปให้บริการตรวจเชื้อ ทั้งกลุ่มเสี่ยงสูง เสี่ยงต่ำ และผู้ที่อาจจะกังวล โดยเก็บตัวอย่าง 1,333 ตัวอย่าง ผลตรวจออกมาแล้ว 416 คน ยังไม่พบการติดเชื้อ ซึ่งจะได้รับการแจ้งผลเป็นรายคน และแจ้งให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขเข้มข้นจนครบ 14 วัน อย่างไรก็ตาม หากมีอาการระหว่างทาง สามารถมาตรวจรับบริการเพิ่มเติมได้
2. การควบคุมป้องกันโรคอย่างรวดเร็ว เหมาะสม บนฐานของข้อมูลและวิชาการ โดยปิดสถานที่เพื่อทำความสะอาดและลดการแพร่ คือ ปิดโรงแรมดีวารีไม่น้อยกว่า 3 วัน ปิดห้างสรรพสินค้าแพชชั่นไม่น้อยกว่า 3 วัน ขอบคุณผู้ประกอบกิจการที่ให้ความร่วมมือ จากนั้นหน่วยงานสาธารณสุข จ.ระยอง จะไปตรวจประเมินก่อนพิจารณาให้เปิดทำการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นประชาชน ส่วนการปิดโรงเรียน เพื่อป้องกันความเสี่ยง ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เป็นการป้องกันไว้ก่อน แต่เมื่อดูข้อมูลจากไทม์ไลน์และการสอบสวนโรค พบว่า ความเสี่ยงอยู่ในวงจำกัด ขอให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดระยอง พิจารณาเปิดโรงเรียนให้สอดคล้องสถานการณ์ คาดว่าไม่น่าจะเกิน 7 วัน สำหรับสถานที่อื่นๆ ที่มีประวัติอยู่ในไทม์ไลน์ โดยมีการปิดไว้ก่อน เช่น โรงเรียนบางจังหวัด หน่วยงานบางจังหวัด ให้หารือกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในพื้นที่ พิจารณาความเหมาะสมการปิดเปิดตามความเสี่ยง
3. ยกระดับบูรณาการการจัดการ จากการตรวจสอบพบว่า มี 2 ประเด็น คือการฝ่าฝืนมาตรการของกลุ่มทหารอียิปต์ และโรงแรมที่พำนัก กักไม่มีระบบควบคุมไม่ให้ออกนอกสถานที่ตามที่กำหนด ดังนั้นในฐานอธิบดีกรมควบคุมโรค จึงได้ตั้งคณะกรรมการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในเหตุการณ์โดยรวมทั้งหมด โดยจะเร่งตรวจสอบให้เร็วที่สุด และให้มีการย้ายหัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ และผู้ปฏิบัติงานทั้งหมดในสนามบินอู่ตะเภา ระหว่างสอบข้อเท็จจริง โดยให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 (สคร.) จ.ชลบุรี จัดบุคลากรปฏิบัติหน้าที่แทน โดยพิจารณาจากเที่ยวบิน จะส่งเข้ามาปฏิบัติแทน 3 คน หากมีเที่ยวบินมากกว่านี้ก็จะเพิ่มบุคลากรมากขึ้น
นอกจากนี้ ให้เลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดระยอง ดำเนินการให้ทุกโรงแรมและสถานที่กัก ดำเนินการ 3 เรื่องโดยเข้มงวด คือ 1. ด้านบริหารจัดการ ต้องมีผู้บัญชาการเหตุการณ์ หากต้องมีคนมากักกัน 2. ด้านความปลอดภัย หรือความมั่นคง ต้องมีระบบควบคุม ให้ผู้ถูกกักกันทำตามกฎหมายโดยเคร่งครัด และ 3. ด้านการแพทย์และสาธารณสุข เน้นการป้องกันควบคุมโรคโดยเข้มงวด
ไทยติดโควิดเพิ่ม 5 ราย - ป่วยสะสม 3,092 ราย
พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงว่า ไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รักษาหายเพิ่มขึ้น 1 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ส่งผลให้มีผู้ป่วยสะสมรวม 3,232 ราย ตรวจพบในสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ 295 ราย หายป่วยรวม 3,092 ราย เสียชีวิตรวม 58 ราย และรักษาใน รพ. 82 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่กลับมาจาก 1. สหรัฐอเมริกา 1 ราย คือ หญิงไทยอายุ 48 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 11 ก.ค. เข้าพักสถานเฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ใน กทม. วันที่ 13 ก.ค. เริ่มมีอาการไม่ได้กลิ่น เจ็บคอ มีเสมหะ ตรวจหาเชื้อวันที่ 13 ก.ค.พบเชื้อ
2. สิงคโปร์ 2 ราย เป็นเพศชายอายุ 43 ปี และ 49 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงไทยวันที่ 13 ก.ค. โดยเข้าเกณฑ์ผู้ป่วยสอบสวนโรค จึงตรวจหาเชื้อที่ด่านควบคุมโรคสนามบินสุวรรณภูมิ ส่งรักษาใน รพ. จ.สมุทรปราการ และ 3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 ราย เป็นชายไทยอายุ 27 ปี และหญิงไทยอายุ 35 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 2 ก.ค. เข้าพัก State Quarantine ที่ จ.ชลบุรี ตรวจพบเชื้อวันที่ 13 ก.ค. ไม่มีอาการทั้ง 2 ราย
สำหรับผู้ป่วยทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อกว่า 13.4 ล้านราย รายใหม่ในวันเดียว 2.2 แสนราย เสียชีวิตรวม 5.8 แสนราย โดยสหรัฐอเมริกา ยังมีผู้ป่วยสะสมมากที่สุด คือ ป่วยรายใหม่ 6.5 หมื่นราย ยอดสะสมมากกว่า 3.5 ล้านราย ตามด้วยบราซิล ผู้ป่วยใหม่ 4.3 หมื่นราย สะสมรวมเกือบ 2 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตใหม่มากสุด 1.3 พันราย
พญ.พรรณประภา กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นที่น่าสนใจมาจากฮ่องกง คือ การควบคุมการระบาดระลอกใหม่ ทางการมีคำสั่งปิดสถานออกกำลังกาย และผับบาร์ 1 สัปดาห์ จำกัดจำนวนคนรวมกลุ่มในที่สาธารณะ ซึ่งมิ.ย. ให้รวมได้ไม่เกิน 50 คน ตอนนี้ไม่เกิน 4 คนอีกครั้ง และมีการสั่งปรับคนไม่สวมหน้ากากอนามัยในขนส่งสาธารณะ และมาตรการที่เพิ่มขึ้น คือ ขอให้ตรวจนักท่องเที่ยวก่อนเดินทางเข้ามา
"ก้าวไกล"แนะกันงบ1 แสนล.อุ้มSMEระยอง
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขอเสนอแนะนายกฯ แก้ไขปัญหาใน 3 ข้อ ได้แก่
1.รัฐบาลต้องมีความชัดเจนในการแก้ปัญหาข้อผิดพลาด แก้ปัญหาด้วยความโปร่งใส และถอดบทเรียนไม่ให้เกิดความผิดพลาดในข้อต่ออีก
2. การแก้ปัญหาของนายกฯ ต้องแยกแยะให้ออกระหว่างสิทธิทางการทูต กับคนไทยซึ่งอาศัยอยู่ในอียิปต์ และในประเทศต่างๆ ที่ยังต้องการความช่วยเหลือจากประเทศไทย และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศต้องกักตัว 14 วัน
3. เสนอให้มีการเยียวยาประชาชน โดยกันงบประมาณ จาก พ.ร.ก.กู้เงิน ในส่วนของวงเงินการดูแลเศรษฐกิจและสังคมภายในประเทศ 4 แสนล้านบาท ด้วยการแยกงบประมาณ1 แสนล้านบาทไว้สำหรับเยียวยาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่กำลังจะได้รับผลกระทบ จากกรณีมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้าไปภายใน จ.ระยองในครั้งนี้